อย่างที่ทราบกันดีว่าประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างเต็มตัวแล้วและกำลังมีผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้นในทุกๆ ปี ที่สำคัญสภาพอากาศมลพิษต่างๆ ยังทำให้คนไทยมีสุขภาพที่แย่ลงเรื่อยๆ
การให้ความสำคัญเกี่ยวกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย การมีนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาช่วยในการตรวจวินิจฉัยโรค ทำให่ให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีขึ้นและไม่ป่วยง่าย
อย่างไรก็ตามไอเดียใหม่ๆ ที่น่าสนใจมักเกิดขึ้นในกลุ่มของ Start Up การผลักดันและการระดมทุนใหม่ๆ จึงเกิดขึ้นในกลุ่มนี้มากขึ้น
เช่นเดียวกับ ดิสรัปท์ เทคโนโลยี เวนเจอร์ หรือ Disrupt ที่ได้เปิดตัวกองทุน Disrupt Health Impact Fund ดึงกลุ่มธุรกิจชั้นนำร่วมลงทุน เพื่อผลักดันให้ธุรกิจ HealthTech เติบโต และส่งต่อนวัตกรรมดีๆ สู่สังคมไทย
‘จันทนารักษ์ ถือแก้ว’ กรรมการผู้จัดการ ดิสรัปท์ เทคโนโลยี เวนเจอร์ หรือ Disrupt และผู้บริหารกองทุน Disrupt Health Impact Fund ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกองทุน Start Up นี้ว่า กองทุนมีนโยบายและสนใจลงทุนใน 5 ด้าน ได้แก่
1.Self Care หรือ การดูแลสุขภาพด้วยตนเอง
2.Preventive Care หรือ เวชศาสตร์ป้องกันโรค
3.Silver Age หรือ ผู้สูงวัย
4.Holistic Wellness หรือ การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม
5.Smart Hospital หรือ โรงพยาบาลอัจฉริยะ
โดยจะเฟ้นหานวัตกรรมระดับโลกในระยะออกสู่ตลาดแล้ว (Commercialized) หรืออยู่ระหว่างการวิจัยในคน (Clinical Trial) เพื่อขอการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) มูลค่าลงทุนในระยะแรกประมาณ 17 – 50 ล้านบาทต่อ 1 บริษัท
ปัจจุบันกองทุนได้เข้าไปลงทุนในบริษัท Start Upแล้ว 1 บริษัท ด้วยมูลค่า 1.7 ล้านบาท และกำลังอยู่ระหว่างพิจารณาเพื่อเข้าลงทุนในอีกหลายบริษัท โดยตั้งเป้าลงทุนใน 2-3 บริษัทต่อปี
‘กระทิง พูนผล’ ประธานกองทุน Disrupt Health Impact Fund กองทุน 500 TukTuks และ ORZON Ventures กล่าวว่า ตลาด Healthcare มีมูลค่าตลาดใหญ่ในระดับ Trillion Dollar Industry ซึ่งมีมูลค่าถึง 9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือ กว่า 330 ล้านล้านบาท และเป็นเมกะเทรนด์ที่จะทวีความสำคัญยิ่งขึ้นในโลกแห่งอนาคต
และประเทศไทยก็กำลังเผชิญกับความท้าทายด้าน Healthcare ในหลาย ๆ เรื่อง จึงเป็นโอกาสการลงทุนที่น่าตื่นเต้น ผนวกกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โดยคาดมูลค่าตลาด HealthTech ทั่วโลกเติบโตต่อเนื่อง 10% ต่อปี
โดยเฉพาะ AI และ BioTech ที่พลิกโฉมให้เกิดนวัตกรรมรูปแบบใหม่ และสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและกระจายโอกาสในการเข้าถึงการรักษาได้มากยิ่งขึ้น