ก่อนหน้านี้เราอาจจะเคยเห็น MK ในหลายสาขาที่ใช้กลยุทธ์เปลี่ยนเป็น ‘บุฟเฟ่ต์’ ในราคา 440 บาทราคาเดียว แต่ยังไม่เคยมีการเปลี่ยนโลโก้ชัดเจนอย่างล่าสุดที่ เซ็นทรัล เวสต์เกต ซึ่งเป็นสาขาประเดิมของ MK Group ในการใช้โลโก้หน้าร้านว่า ‘MK BUFFET’ ครั้งแรก
นอกจากนี้ สิ่งที่ต่างออกไปก็คือ บุฟเฟ่ต์ที่มีราคาให้เลือกถึง 3 แบบ เริ่มตั้งแต่ 499, 699 และ 899 บาทต่อคน (ราคาสุทธิ)
ขณะที่ยังมีอยู่ประมาณ 5 สาขาในปัจจุบันที่เป็นบุฟเฟ่ต์ แต่ยังไม่ได้เปลี่ยนโลโก้ร้านเป็น MK BUFFET และยังมีบุฟเฟ่ต์ราคาเดียวให้เลือก ก็คือ สาขาเมเจอร์รัชโยธิน, The Shelter โชคชัย 4, ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ชั้น G, TU DOME รังสิต และ เอสพลานาด-รัตนาธิเบศร์ (แยกแคราย)
ส่วนในต่างจังหวัด มีเพียง 4 จังหวัดที่มี MK ในรูปแบบบุฟเฟ่ต์ ก็คือ เพชรบูรณ์, เชียงใหม่, ตรัง และชลบุรี
ทั้งนี้ MK Group ซึ่งในปี 2566 กลับมาทำรายได้ดีอีกครั้งประมาณ 16,974 ล้านบาท เทียบกับปี 2565 อยู่ที่ 15,938 ล้านบาท และในปี 2564 อยู่ที่ประมาณ 11,368 ล้านบาท (ข้อมูลโดย MK Group)
ขณะที่ ‘ฤทธิ์ ธีระโกเมน’ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มเค เรสโตรองค์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เคยกล่าวไว้ว่า MK สุกี้ยังเป็นอันดับ 1 ในตลาดสุกี้ไทย หากเทียบกับร้านสุกี้อื่นๆ ในตลาด พบว่ากลุ่มลูกค้าคือคนละกลุ่มไม่เหมือนกัน
ซึ่งมองว่า การปั้นแบรนด์น้องใหม่ MK BUFFET น่าจะเข้ามาเสริมพอร์ตธุรกิจของ MK Group ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ภายใต้แบรนด์ที่ใช้ชื่อว่า MK ในปัจจุบัน มีอยู่ 3 เซกเมนต์หลัก ได้แก่ MK, MK LIVE และ MK GOLD โดย ‘MK BUFFET’ คาดว่าน่าจะเข้ามาเป็นตัวชูโรงที่ 4 ที่ช่วยกระจายการเข้าถึงลูกค้าของแต่ละกลุ่มได้ดีขึ้นในอนาคต
ขณะเดียวกันอาณาจักรหมื่นล้านนี้ ที่พยายามปั้นธุรกิจให้เป็นมากกว่าร้านอาหาร ยังคงเดินหน้าเติมและต่อยอดพอร์ตธุรกิจตัวอื่นๆ ในซัคเซสเช่นกัน โดยเฉพาะ ‘น้ำจิ้มขวด’ ที่ตอนนี้ส่งออกไปหลายประเทศทั่วโลกแล้ว