Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

จากรายงานของ SCB EIC ที่ประเมินค่าใช้จ่ายรวมจากการใช้งานรถยนต์นั่งเป็นเวลา 10 ปี พบว่า

-รถน้ำมัน (ICE) มีต้นทุนเฉลี่ย 456,976 บาท/10 ปี
-รถไฮบริด (HEV/PHEV) มีต้นทุนเฉลี่ย 426,868 บาท/10 ปี
-รถไฟฟ้าล้วน (BEV) มีต้นทุนเฉลี่ย 386,166 บาท/10 ปี

ส่วนเงื่อนไขการคำนวณคือ อายุใช้งาน 10 ปี และระยะการขับขี่เฉลี่ย 1 หมื่นกิโลเมตร/ปี และวางมูลค่ารถยนต์ใหม่ทุกประเภทเฉลี่ย 7 แสนบาท รวมทั้งนำเบี้ยประกันภัยรถยนต์มาเทียบกัน โดยรถน้ำมันกับไฮบริดวางค่าเฉลี่ย 1.77 หมื่นบาท/ปี ตลอดอายุการใช้งาน ส่วนรถไฟฟ้าล้วนค่าเฉลี่ย 3.1 หมื่นบาท/ปี จากนั้นลดลงปีละ 3%

ขณะที่ราคาพลังงานใช้ฐานคิดจากแก๊สโซฮอล์ 91 เฉลี่ย 38.08 บาท และปรับเพิ่มขึ้นปีละ 1% ส่วนรถไฟฟ้าคำนวนค่าชาร์จไฟฟ้าที่ 6 บาท และนำเงื่อนไขการเปลี่ยนแปลงตามอัตราการเปลี่ยนแปลงค่าไฟฟ้าขายปลีกมาร่วมคำนวณ

นอกจากนี้มีการคำนวณค่าบำรุงรักษาเข้าไปด้วย

[ ประเมินการเสื่อมราคาของรถยนต์นั่งประเภทต่าง ๆ ]

มูลค่าคงเหลือของรถยนต์ไฟฟ้าล้วนและไฮบริด มีแนวโน้มลดลงมากถึงเกือบ 50% จากราคาขาย เมื่อใช้งานไปเพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น

มูลค่าซากของรถยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มลดลงอย่างรวดเร็ว โดยเมื่อใช้งานไปเพียง 1 ปี จะเสื่อมค่าลงมากถึง 50% ขณะที่รถน้ำมันสามารถรักษามูลค่าในปีแรกไว้ได้ถึง 67% ของราคารถใหม่

สาเหตุที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเสื่อมค่าลงมากนั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลจากราคาขายที่ถูกปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความกังวลของภาคธุรกิจต่อรถ EV ในตลาดรถยนต์มือสอง

แต่ถึงมูลค่าจะเสื่อมลงเร็วกว่า แต่กลับพบว่า ค่าใช้จ่ายผันแปรของรถไฟฟ้าก็ต่ำกว่ารถน้ำมันและไฮบริดค่อนข้างมาก

โดยการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้ามีจ่ายจากการชาร์จไฟฟ้าเพียง 62 บาท/วัน ต่ำกว่าต้นทุนค่าเชื้อเพลิงของรถน้ำมันกว่าเท่าตัว เช่นเดียวกับค่าใช้จ่ายการเช็กระยะซึ่งก็ถูกกว่ารถประเภทอื่น ๆ ถึง 3 เท่า

อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาต้นทุนแฝงอื่น ๆ เช่น ค่าเสียโอกาสจากการรอชาร์จไฟเนื่องจากสถานีชาร์จสาธารณะมีไม่เพียงพอ รวมถึงค่าเดินทางและระยะเวลาซ่อมที่ยาวนาน เพราะอุปทานอะไหล่ยนต์ในประเทศมีจำกัด รวมถึงศูนย์ซ่อมบำรุงและอู่ซ่อมรายย่อยก็มีน้อยและกระจายตัวไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่

เมื่อดูเบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้าแพงกว่ารถน้ำมันและไฮบริดกว่าเท่าตัว เนื่องจากราคาขายที่ถูกปรับลดลงต่อเนื่อง รวมถึงระบบนิเวศน์ EV ในประเทศไทยยังพัฒนาได้ไม่เท่าทันกับความต้องการของตลาด

สาเหตุสำคัญที่ทำให้เบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้ายังสูง คือ การคำนวณทุนประกันทำได้ยาก เพราะผู้ผลิตรถมีการปรับลดราคาขายลงอย่างต่อเนื่อง ราคาอะไหล่ต่อชิ้นค่อนข้างแพง อู่ซ่อมรายย่อยมีน้อย และบริษัทรับทำประกันภัย EV ก็มีจำกัด

โดยประเมินว่า เบี้ยประกันรถ EV จะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง แต่หากเปรียบเทียบต้นทุนการถือครองรถยนต์นั่งประเภทต่าง ๆ ในช่วง 10 ปี รถยนต์ไฟฟ้าก็ถือเป็นตัวเลือกการขับขี่ที่ตอบโจทย์ความประหยัดในระยะยาวได้ดีที่สุด แม้การใช้งานช่วง 2-3 ปีแรกจะมีต้นทุนการถือครองที่สูงกว่ารถประเภทอื่น ๆ เนื่องจากภาระเบี้ยประกันและค่าเสื่อมที่อยู่ในระดับสูง

ตอนนี้จะเห็นว่าพฤติกรรมการซื้อรถของคนไทยเปลี่ยนไป ใช้เวลาตัดสินใจนานขึ้นกว่าจะซื้อรถใหม่ และต้องการข้อมูลที่รอบด้านมากยิ่งขึ้น

โดยจะเห็นว่านิสัยคนไทย มีพัฒนาการที่เปลี่ยนไป คือ

1.ใช้งานรถยนต์ยาวนานขึ้นเป็น 10 ปี จากเดิมที่มักเปลี่ยนรถกันทุก ๆ 7 ปี
2.ข้อมูลค่าใช้จ่ายจากการใช้งานรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นการประหยัดพลังงาน ค่าซ่อม ค่าเสื่อม และเบี้ยประกัน มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อใกล้เคียงกับการลดราคาขาย
3.รถยนต์ไฟฟ้าล้วนกับรถไฮบริดกลายเป็นตัวเลือกหลักของตลาดรถยนต์นั่งนับตั้งปี 2023 เป็นต้นมา และคาดว่าจะครองส่วนแบ่งยอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

[ สงครามราคาในตลาดรถยนต์ไทยยังรุนแรง ]

แม้จะมีการใช้สงครามราคา แต่สิ่งที่ค่ายรถจะได้ประโยชน์จากกลยุทธ์นี้มีแนวโน้มลดลง

SCB EIC ประเมินว่า การปรับลดราคาขายรถยนต์จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและขยายวงกว้าง โดย Segment ที่คาดว่าจะมีความรุนแรงสูงสุด คือ รถเก๋งขนาดเล็ก หรือ Eco car รถยนต์ไฟฟ้านำเข้าจากประเทศจีนที่เปิดตัวไปแล้วในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมา และ กลุ่มรถยนต์ราคาระหว่าง 5 แสน 1 ล้านบาท จะมีตัวเลือกในตลาดเพิ่มขึ้นมาก

อย่างไรก็ตาม ผลพวงจากการจัดโปรโมชันที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งจะทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อรถใหม่ออกไป เพื่อรอให้ราคาปรับลดลงอีกในอนาคต

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า