Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

วัยรุ่นสมัยนี้ อาจไม่เคยได้ยิน Yahoo ซึ่งครั้งหนึ่งเป็นบริษัท big tech รายใหญ่ของโลก เทียบเท่าได้กับ Google ตอนนี้ 

Yahoo คือช่องทางค้นหาข้อมูลมาก่อน Google, เสนอบริการคลาวด์มาก่อน Dropbox, เสนอบริการ Yahoo Music มาก่อน Spotify แต่แล้วเหตุใดถึงทำให้ Yahoo หลุดจากชื่อบริษัทเทคโนโลยีแถวหน้าในปัจจุบัน บทความนี้จะมาเล่าให้ฟัง

[ Jerry’s Guide to the World Wide Web ชื่อก่อนจะมาเป็น Yahoo ]

ชื่อแรกของ Yahoo คือ Jerry’s Guide to the World Wide Web ก่อตั้งโดย Jerry Yang และ David Filo ทั้งคู่พบกันที่  Stanford  ในปี 1989 โดย Filo เป็นครูผู้ช่วยสอนวิชา computer architecture และเป็นครูคนแรกที่ให้เกรด B แก่ Yang จน Yang ต้องไปโต้แย้งเรื่องเกรดกับครูคนนี้ และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นให้ทั้งสองรู้จักกัน และสนิทกันเป็นพาร์ทเนอร์ธุรกิจในเวลาต่อมา 

ช่วงก่อนปี 2000 ถือเป็นระยะเริ่มต้นของการใช้งานอินเทอร์เน็ต มีเว็บไซต์มากมายที่เริ่มถือกำเนิดขึ้น จนในปี 1994 ทั้งสองได้สร้างเว็บไซต์ “Jerry and David’s guide to the World Wide Web” ทำหน้าที่เป็นไดเร็กทอรีออนไลน์ของเว็บไซต์อื่นๆ ซึ่งจัดเป็นลำดับชั้นแบบเมนนวล ซึ่งต่างจากสมัยนี้ที่มีอัลกอริทึม AI มาจัดลำดับ 

Filo และ Yang จะค้นหาไซต์และวางไว้ในหมวดหมู่ย่อยๆ หลายเลเยอร์ อินเทอร์เน็ตในสมัยนั้นมีทรัพยากรน้อย จำนวนยังไม่มาก แต่ก็มีเว็บไซต์ใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวัน

Jerry and David’s guide to the World Wide Web ได้รับความนิยมอย่างมาก ทั้งสองคนได้รวบรวมไดเร็กทอรีของเว็บไซต์มากกว่า 2,000 แห่งในเดือนกันยายน 1994 และได้รับการค้นหา 50,000 ครั้งต่อวัน จนสิ้นปี 1994 มียอดเข้าชมนับล้านครั้ง ถือว่าเป็นตัวเลขที่โตเร็วมาก เมื่อเทียบกับการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตใน 30 ปีก่อน 

เมื่อได้รับความนิยม ก็ต้องคิดถึงชื่อใหม่ที่จะเข้าถึงคนได้มากขึ้น จำง่าย Jerry and David’s guide to the World Wide Web ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Yahoo! ซึ่งย่อมาจาก “Yet Another Hierarchical Officious Oracle” เว็บไซต์ Yahoo.com เปิดตัวในปี 1995 และก่อตั้งบริษัทขึ้นในเมืองซันนีเวล รัฐแคลิฟอร์เนีย

Yahoo! ได้รับความนิยมในระดับพุ่งติดจรวด ก่อนที่ Yahoo จะเข้าตลาดหุ้นในปี 1996 บริษัทได้ตั้งราคาเสนอขายหุ้นต่อประชาชนเป็นครั้งแรกเพียง 13 ดอลลาร์ต่อหุ้น แต่ความกระตือรือร้นของนักลงทุนกลับเพิ่มสูงขึ้น เมื่อเปิดการซื้อขายวันแรก หุ้นพุ่งขึ้นเป็น 24.5 ดอลลาร์ต่อหุ้น และปิดท้ายวันเพิ่มขึ้น 154% จากราคาเสนอขาย มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 848 ล้านดอลลาร์

Yahoo เริ่มเข้าซื้อกิจการบริษัทต่างๆ โดยพยายามที่จะเปลี่ยนจากเครื่องมือค้นหา เป็นบริษัทที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตแบบครบวงจร ซื้อ Four11 ที่เป็นรากฐานของ Yahoo Mail ในเวลาต่อมา มีบางการเข้าซื้อที่ผิดพลาดบ้าง แต่ราคาหุ้นก็ยังไต่สูง แตะ 118.75 ดอลลาร์ในเดือนมกราคม ปี 2000 ถึงจุดหนึ่ง Yahoo มีมูลค่าบริษัทมากกว่าดิสนีย์ถึงสองเท่า

[ ปี 2000 ฟองสบู่ดอทคอม ]

ช่วงปี 2000 เป็นอีกหนึ่งหน้าสำคัญของประวัติศาสตร์การเงิน เมื่อเกิดเหตุการณ์ ฟองสบู่ดอทคอมแตก  เมีความกังวลเกี่ยวกับการประเมินมูลค่าหุ้นเทคโนโลยีมากเกินไป และการขาดความสามารถในการทำกำไร นำไปสู่การล่มสลายของบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งในสมัยนั้น 

ตลาดในช่วงปลายทศวรรษ 1990 เฟื่องฟูอย่างรวดเร็วจากการเสนอขายหุ้น IPO ของบริษัทอินเทอร์เน็ตใหม่ๆ และเป็นการเติบโตที่ไม่มีที่สิ้นสุด แต่บริษัทเหล่านี้ส่วนใหญ่ ยังไม่สร้างรายได้หรือผลกำไรใดๆ เมื่อเงินทุนหมดลง บริษัทเหล่านี้ก็ไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้อีกต่อไป

Yahoo สามารถเอาชีวิตรอดจากฟองสบู่แตกได้ แต่ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป บริษัทได้ดึง Terry Semel เข้ามาดำรงตำแหน่งซีอีโอในเดือนพฤษภาคม ปี 2001 ช่วยผลักดันให้บริษัทฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย แต่ที่ผ่านมาบริษัทได้ทำการตัดสินใจทางธุรกิจที่ไม่ดีหลายครั้ง จนไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้

ช่วงปี 2001-2002 ยังเป็นช่วงที่ Google ค่อยๆ เกิดและทำผลงานได้ดี Semel เป็นนักต่อรองและเชี่ยวชาญในธุรกิจความบันเทิง พื้นที่ธุรกิจเทคโนโลยีเป็นเรื่องท้าทายมากสำหรับเขา มีหลายโอกาสที่ Yahoo สามารถซื้อ Google, YouTube, Facebook มาไว้ในมือได้ แต่ก็พลาดไป บริษัทแก้มือด้วยการซื้อบริษัท Inktomi  เพื่อทำ Search Engine แข่งกับ Google แต่ก็สู้ไม่ไหว 

เดือนกุมภาพันธ์ปี 2008 ไมโครซอฟท์เสนอซื้อ Yahoo ในราคา 44.6 พันล้านดอลลาร์ แต่ Yahoo ปฏิเสธ เพราะคิดว่าถูกประเมินมูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริง ไมโครซอฟท์เสนอเพิ่มเป็น 47 พันล้านดอลลาร์ แต่ Yahoo ยืนกรานที่จะเพิ่มข้อเสนออีก 10% ทำให้ไมโครซอฟท์ล่าถอยไป

ระหว่างทางของ Yahoo มีทั้งเรื่องดีและเรื่องผิดพลาดปะปนกันไป มีการเปลี่ยนตัวซีอีโอหลายครั้ง จริงอยู่ที่บริษัทรอดจากฟองสบู่ดอทคอมมาได้ แต่ก็ไม่สามารถกอบกู้ผลงานได้เท่าในยุคก่อนปี 2000 อีกแล้ว 

มีบางเซกเมนต์ที่ทำผลงานได้ดี Yahoo Finance ช่วยให้นักลงทุนสามารถติดตามหุ้นได้ Yahoo Sports ช่วยให้แฟนๆ ได้รับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับคะแนน Yahoo News เป็นแหล่งข้อมูลข่าวสารของคนไม่น้อย 

Jim Lanzone ซีอีโอคนปัจจุบันของ Yahoo เคยให้สัมภาษณ์สื่อว่า Yahoo Finance ยังคงเป็นเครือข่ายข่าวธุรกิจและการเงินอันดับหนึ่ง Yahoo Mail เป็นทรัพย์สินบริการอีเมลอันดับสอง Yahoo News เป็นทรัพย์สินข่าวสาร/ข้อมูลอันดับหนึ่งในแง่ของการเข้าถึง

‘มันเป็นไปได้ยาก ที่จะทำให้แบรนด์กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง แต่ถ้าเราทำงาน ในแต่ละหมวดหมู่ให้เก่ง ฉันคิดว่าแบรนด์ Yahoo จะกลับเข้าสู่ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาได้ ซึ่งไม่ได้มาจากการขอให้ผู้คนสนใจ Yahoo อีกครั้ง แต่ทำให้พวกเขาใส่ใจกับผลิตภัณฑ์ที่เรากำลังสร้าง’

ที่มา

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า