คุยกับผู้บริหาร Klook แพลตฟอร์มท่องเที่ยวดาวรุ่ง ดันเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก โต 2.6 แสนล้าน

สายชอบท่องเที่ยวเดินทางหลายคนคุ้นเคยกับ Klook สตาร์ทอัพแพลตฟอร์มดีลท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างน่าสนใจ เป็น Travel Tech Unicorn

ตอนนี้ Klook ครบรอบ 10 ปี เป็นบริษัทสตาร์ทอัพดาวรุ่งที่ Oxford Economics ระบุว่าสามารถสร้างรายได้หรือ GDP ราว 7.2 พันล้านดอลลาร์ ราวๆ 2.6 แสนล้านบาท และสนับสนุนการจ้างงานกว่า 219,000 ตำแหน่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

TODAY Bizview พูดคุยกับ ‘วิลเฟร็ด ฟาน’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายพาณิชย์ และ ‘เอริค น็อก ฟาห์’ ประธานกรรมการและผู้ร่วมก่อตั้ง Klook

เริ่มจากที่ตัว ‘วิลเฟร็ด ฟาน’ เล่าถึงเทรนด์นักท่องเที่ยวช่วงปี 2000-2005 ตอนนั้นระบบการจองห้องพักยังเป็นการขอจอง 100% หมายความว่าเราจะต้องส่งคำขอการจอง แล้วจะกลับมาแจ้งภายใน 24 ชั่วโมงว่าห้องพักได้รับการยืนยันหรือไม่

หลังจากนั้นไม่กี่ปี คนเริ่มรอไม่ได้อีกต่อไป นักท่องเที่ยวต้องการทราบทันทีว่าห้องว่างหรือไม่ ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่การยืนยันการจองทันที ทำให้ตั้งแต่ปี 2005-2010 อุตสาหกรรมโรงแรมทั่วโลกก็เข้าสู่การจองออนไลน์และยืนยันได้ทันที ไม่เพียงแต่การจองโรงแรมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการจองตั๋วเครื่องบินด้วย

ถัดมาในปี 2010-2012 ทุกอย่างเกี่ยวกับการจองตั๋วเครื่องบินและโรงแรมก็เป็นระบบออนไลน์ทั้งหมดแล้ว แต่บริการท่องเที่ยวอื่นๆ เช่น การเช่ารถ, ทัวร์, และสวนสนุก ยังคงเป็นแบบออฟไลน์ทั้งหมด ไม่มีบริการออนไลน์ 

เพื่อต้องการพานักท่องเที่ยวเข้าสู่โลกออนไลน์มากขึ้น ในปี 2014 เทรนด์เปลี่ยน Klook จึงก่อตั้งขึ้นให้เป็นแพลตฟอร์มท่องเที่ยวออนไลน์ จองดีลสถานที่ท่องเที่ยว ซิม โรงแรม รถรับส่งและอื่นๆ ครบจบเกี่ยวกับการท่องเที่ยวขึ้น

โดยที่เวลานั้นเป็นเวลาที่เหมาะสมมาก เพราะไม่มีแบรนด์ใดในเอเชียที่ทำเรื่องนี้ในรูปแบบดิจิทัลเลย และเมื่อเวลาผ่านไป Klook ก็เติบโตอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเปลี่ยนจากออฟไลน์ไปสู่ระบบออนไลน์ และ Klook ก็กลายเป็นผู้นำตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และเริ่มขยายตัวไปยังยุโรปและอเมริกาเหนือ

หลังการระบาดของ COVID-19 มีผลต่อการท่องเที่ยวอย่างมาก นักท่องเที่ยวชินกับการทำทุกอย่างจากที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาข้อมูลบนคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ ใช้โซเชียลมีเดียมากขึ้น เช่น TikTok, Instagram เพื่อหาไอเดียในการเดินทาง และหลังจากนั้นก็อาจจะค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมจาก Google ในเรื่องราคาและการจองอีกด้วย หรือพูดง่ายๆ ว่าพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่ทั้งหมดล้วนปรับสู่โลกออนไลน์

[ ชนชั้นกลางหลายประเทศแห่เที่ยวไทย เพราะตัวเลือกหลากหลาย ]

สำหรับมุมมอง Klook ต่อธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศไทย ‘เอริค น็อก ฟาห์’ ประธานกรรมการและผู้ร่วมก่อตั้ง Klook บอกว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีตัวเลือกที่หลากหลายให้กับนักท่องเที่ยว เช่น ปัจจุบันถ้าต้องการเข้าสปา ในไทยตอนนี้ก็มีให้เลือกหลายราคา โรงแรมและร้านอาหารก็เช่นกัน ทำให้ไทยถือเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจของนักท่องเที่ยว

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของการเติบโตของชนชั้นกลางในเอเชียตะวันออกและจีนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งการเติบโตของกลุ่มชนชั้นกลางเหล่านี้จะส่งผลดีต่อไทย เพราะพวกเขามักเลือกมาเที่ยวประเทศไทย ไม่ใกล้ไม่ไกล มีบริการให้เลือกหลากหลายตามเรตราคาที่ต้องการ และชนชั้นกลางก็มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในไทยอีกด้วย

โดย Klook ในประเทศไทยสร้างการตลาดผ่านคอนเทนต์ครีเอเตอร์และสร้างตัวตนอยู่บนโลกออนไลน์เสมอ เน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย ผ่านครีเอเตอร์ของแบรนด์ สร้างคอนเทนต์สปา แหล่งท่องเที่ยว หรือสวนสัตว์ และให้ครีเอเตอร์เชื่อมต่อกันทั่วโลกเพื่อให้ประเทศไทยดูน่าสนใจมากขึ้น