‘นาฬิกา’ กลายมาเป็นของสะสมสำหรับคนไทยมานานแล้ว แม้ว่าหลายคนมองว่านาฬิกาคือเครื่องประดับเสริมความมั่นใจ และเครื่องบอกเวลาประจำตัว
แต่อินไซต์ที่ G-Shock ได้แชร์ภายในงานเปิดตัวแคมเปญ ‘TOUGH LIKE YOU’ เปิดเผยว่า เวลานี้เทรนด์ของนาฬิกาที่กำลังมาแรงก็คือ ‘สายเหล็กหรือโลหะ’ ซึ่งนาฬิกาสำหรับคนรุ่นใหม่พวกเขามองถึงความทนทาน, แฟชั่น และราคาที่จับต้องได้เป็น โดยราคา 10,000 ต้นๆ ยังถือว่าเป็นเกณฑ์ที่ยังตัดสินใจซื้อ
ภาพรวมของนาฬิกา Casio ที่ตอนนี้ครบรอบ 50 ปีแล้ว ขณะที่ G-Shock ก็อยู่มานาน 40 ปี ความเข้าใจและการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค ทำให้แบรนด์เข้าใจว่า เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่มาเสริมพัฒนาการของนาฬิกาในแต่ละยุคนั่นสำคัญ รวมทั้งภาพลักษณ์ และวัสดุที่ใช้ที่ถูกจริตคนใช้แต่ละสมัยด้วย
[ ปีของนาฬิกาสายโลหะ ราคาหมื่นนิดๆ ถือว่ายังจับต้องได้]
จิตรฤดี พนิตพล รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มสินค้าแฟชั่นและนาฬิกา บริษัท เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป (CMG) จำกัด เล่าว่า ปีนี้ G-Shock ได้เปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์คือ ‘ซุปเปอร์บอน สิงห์มาวิน’ นักมวยชื่อดังระดับโลก อดีตแชมป์โลก ONE Championship สำหรับนาฬิการุ่น G-Steel GM2110D ด้วยหน้าปัดทั้งหมด 5 สี
ซึ่งรุ่นนี้เป็นนาฬิกาสายโลหะ ที่ราคาเปิดตัวอยู่ที่ราวๆ 10,900 บาท ‘จิตรฤดี’ มองว่า นาฬิกาที่คุณภาพทนทานต่อการใช้งาน, รับแรงกระแทกได้ดี เหมาะกับกีฬาอย่าง มวย ทั้งยังมีสีหน้าปัดให้เลือกเยอะ ถือว่าตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ชอบในความเป็นทั้ง G-Shock และสายโลหะ
ทั้งยังพูดถึงพฤติกรรมของคนไทยว่า ที่ผ่านมามีการซื้อนาฬิกาใหม่ปีละ 1-2 ครั้งมาตลอด ซึ่งราคาเฉลี่ยที่จับต้องได้สำหรับคนกลุ่มนี้ก็คือ 5,000-7,000 บาท ส่วน G-Shock ที่เป็นสายโลหะในราคา 10,000 นิดๆ ลูกค้ายังถือว่าราคาไม่สูงจนเกินไป
แต่ในแง่ของนาฬิการุ่นพิเศษ หรือ ลิมิเต็ดเอดิชั่น ที่ทั้ง Casio หรือ G-Shock ได้ร่วมมือกับแบรนด์อื่น ราคาเปิดตัวจะอยู่ที่ระหว่าง 100,000 ถึง 300,000 บาท โดยปีๆ หนึ่งจะนำเข้ามาไทยราว 20-30 เรือน แต่ผลตอบรับดีตลอดเพราะขายหมดเกลี้ยง จนตอนนี้ CMG วางแผนที่จะนำเข้าเพิ่มสำหรับนาฬิการุ่นลิมิเต็ดฯ เลือกเฉพาะที่นักสะสมชอบและตามหา
สำหรับแผนการตลาด G-Shock ในช่วงปลายปี จนถึงปี 2568 จะเน้นใช้ Brand Ambassador ที่มี DNA ตรงกับแบรนด์มากขึ้น จุดประสงค์หลักต้องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ 4 ด้านหลักคือ
- แฟชั่น
- ศิลปะ
- ดนตรี
- กีฬา
[ ไม่ใช่แค่ทนทาน แต่เป็นเรือนแรกของโลกที่สร้างปฏิทินดิจิทัลอัตโนมัติ ]
ใครๆ ก็พูดถึงความอึดทนของ G-Shock ซึ่ง ‘คิคุโอะ อิเบะ’ (Kikuo Ibe) วิศวกรหนุ่มที่สมัยนั้นยังเป็นพนักงานของ Casio และก็มาในงานเปิดตัวแคมเปญนี้ด้วย เขาเล่าตั้งแต่ช่วงที่คิดว่าจะสร้างนาฬิกาใหญ่และหนาขนาดไหนเพื่อให้ทนทานที่สุด
จนเขาเริ่มสร้างและทดสอบนาฬิกาที่คิดค้นขึ้นมาเอง ด้วยการพันยางหลายๆ ชั้นแล้วโยนออกมาจากหน้าต่างชั้น 3 ซึ่งเป็นห้องน้ำของออฟฟิศเขาทดสอบแบบนั้นซ้ำๆ จนประสบความสำเร็จ เป็นนาฬิกาที่รับแรงกระแทกจากที่สูงได้ถึง 10 เมตร
แต่ ณ ตอนนั้นยุคแรกๆ ของ Casio ยังเป็นนาฬิกาเรือนแรกของโลกที่มีฟังก์ชั่น ‘ปฏิทินอัตโนมัติแบบดิจิทัล’ คือไม่จำเป็นต้องรีเซ็ตปฏิทินแม้ว่าถ่านจะหมดหรือนาฬิกาดับ เพราะเมื่อกลับมาใช้งานระบบปฎิทินจะกลับมาเหมือนเดิม
นับแต่นั้นนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างสรรค์นาฬิกาของ Casio เพื่อเป็นแม่แบบของนาฬิการุ่นต่อไปว่าอย่างน้อยๆ ต้องมี 2 สิ่งคือ ทนทานและปฎิทินดิจิทัลแบบอัตโนมัตินั่นเอง