SHARE

คัดลอกแล้ว

ปีนี้ก็ยังคงเป็นอีกปีที่ธุรกิจสื่อยังเหน็ดเหนื่อยต่อไป เพราะแม้แต่ช่อง 3 ของตระกูลมาลีนนท์เองที่มีกำไรไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นถึง 21.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ก็ยังต้องมีการปลดคนแบบฝ่าผ่า ทยอยเลิกจ้างหลายฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายข่าว และพนักงานที่อายุเยอะ เพื่อปรับโครงสร้างองค์กรให้ไปต่อ โดยคาดว่าการปลดคนครั้งนี้จะช่วยลดต้นทุนองค์กรได้ 30% 

คำถามคือ เกิดอะไรขึ้นกับช่อง 3 บทความนี้สรุปมาให้

ปีที่แล้ว (ปี 2566) ช่อง 3 ประกาศปลดคนไป 1 รอบเพื่อปรับโครงสร้างองค์กร ด้วยปัญหาหลักๆ ที่ว่า ‘คนเยอะกว่างาน’ เปิดปีใหม่มา 2567 องค์กรได้ลดคนไปแล้วจำนวนหนึ่ง จนกระทั่งช่วงต้นเดือน พ.ย. ที่ผ่านมามีกระแสข่าวหลุดมาว่า ทางช่องมีการจัดประชุมทาวน์ฮอลล์เรียกประชุมพนักงาน และเตรียมส่งอีเมลล์สิ้นเดือนนี้เพื่อปลดคนจำนวนหนึ่ง มีผลสิ้นปีนี้เลย พูดง่ายๆ ว่าพนักงานที่ได้รับอีเมลล์แล้ว ขึ้นปี 2568 ก็ไม่ต้องมาทำงานแล้ว

กระทั่งสัญญาณเรื่องการลดต้นทุนของช่อง 3 มีแน่ๆ เห็นได้ผ่านรายการของช่อง เช่น ในเรื่องเล่าเช้านี้ของ ‘สรยุทธ์’ และ ‘น้องไบร์ท’ วันที่ 22 พ.ย. ที่มีกระแสข่าวเรื่องแฟนคลับดาราช่อง 3 มารอต่อแถวเข้าดูดาราและรอเซ็นปฎิทินดาราตั้งแต่เช้ามืด ซึ่งบรรยากาศมีการเบียดเสียดและแย่งกันเข้ามาในบริเวณที่จัดงาน ซึ่งในรายการได้เปิดภาพเหตุการณ์นี้ให้ดู 

ขณะที่ฝั่ง ‘น้องไบร์ท’ กำลังรายงานข่าวว่ามีเกิดอะไรขึ้นบ้าง มีการกระชากผมแย่งกันเข้ามา โดยบรรยายเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้ผู้ชมฟัง ทางด้าน ‘สรยุทธ์’ กลับพูดมาว่าตอนนี้เราใช้กล้องมือถือถ่าย เพราะเรา ‘ลดกำลังคน’ ก็ต้องให้ออกไปทำอย่างนี้ไปก่อน สะท้อนถึงช่วงลดคนของช่อง 3 จริงๆ 

ล่าสุดเมื่อวานนี้ ( 25 พ.ย.) รายการ  ‘เรื่องเด่นเย็นนี้’ ของ ‘ไก่-ภาษิต’ และ ‘ตูน-ปรินดา’ ก็มีการพูดถึงเรื่องของการปลดคนอีกครั้ง ว่ามีข้อความจาก HR ว่า ‘เรียนทุกท่าน ขออนุญาตแจ้งว่า วันนี้ หลัง 17.00 น. ทาง HR จะมีเมล์ ถึงบุคคลที่เราจำเป็นต้องให้เข้าโครงการปรับโครงสร้าง (เลิกจ้าง) จาก HR ขอบคุณค่ะ’ 

ซึ่งอีเมล์จะเข้าหลัง 17.00น. ถ้าใครได้รับก็ต้องเข้าร่วมโครงการปรับโครงสร้าง โดยใครถูกเลิกจ้างก็จะได้รับเงินชดเชยตามกฏหมายกำหนด และสิ้นสุดการเป็นพนักงานใน 31 ธ.ค. นี้ 

ทั้ง ‘ไก่-ภาษิต’ และ ‘ตูน-ปรินดา’ ก็มีความตกใจพูดบอกในรายการรอลุ้นเช็กอีเมล์ ถ้าตัวเองเป็นหนึ่งในนั้นต้องเดินออกจากรายการที่จัดอยู่เลยไหม ทางด้าน ‘ไก่-ภาษิต’ พูดว่าทางด้านคนหน้าจอคงจะกระทบน้อยกว่าพี่ๆ ที่อยู่หลังกล้อง 

[ สถานการณ์ช่อง 3 ตอนนี้ ]

อย่างไรก็ตาม ถ้ามาดูรายได้ของบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้จะพบว่า มีรายได้อยู่ที่ 1,068.4 ล้านบาท ลดลง 41.4 ล้านบาทหรือ 3.7% จากไตรมาสที่ 2/2567 

ขณะที่ผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ ในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 45.9 ล้านบาท ลดลง 35.7% จากไตรมาส 2/2567 แต่ถ้าเทียบไตรมาสเดียวกันกับปีก่อน กลับเพิ่มขึ้น 21.2% จากไตรมาส 3/2566

ซึ่งในคำอธิบายรายได้ก็บอกไว้ว่า ทั้งเครือช่อง 3 ยังคงทำรายได้จากการขายเวลาโฆษณาโฆษณาของ “ช่อง 33” เป็นรายได้หลักอยู่ที่ 76.3% ของรายได้ทั้งหมด

โดยในไตรมาสนี้ทำรายได้อยู่ที่ 815.7 ล้านบาท ลดลง 109.2 ล้านบาท หรือ 11.8% จากไตรมาสที่ 2/2567 และลดลง 103.4 ล้านบาทหรือ 11.3% จากไตรมาสที่ 3/2566 เพราะในภาพรวมอุตสาหกรรมสื่อ กำลังเผชิญกับเม็ดเงินโฆษณาน้อยลง หลายภาคธุรกิจรัดเข็มขัด ไม่ทุ่มเงินกับการโฆษณา ทำให้ช่อง 3 ที่มีรายได้จากตรงนี้เป็นหลักก็รายได้หดลงตามไปด้วย

แต่ที่น่าสนใจคือในส่วนของรายได้อื่นๆ บริษัทฯ มีการกลับมาการเติบโตของรายได้ที่น่าสนใจ ซึ่งประกอบด้วยรายได้จาก 3 ธุรกิจหลัก คือ 

        • ธุรกิจการจัดจำหน่ายละครไปต่างประเทศ (Global Content Licensing) เช่น ละครชุดดวงใจเทวพรหม, ละครหนึ่งในร้อย, ละครโลกหมุนรอบเธอ, ละครน่านฟ้าชลาลัย
        • ธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์ม (Digital Platform) มีพันธมิตรใหม่เป็น Lazada มาทำแคมเปญการตลาดรักษาขยายฐานลูกค้าได้ตามเป้า โดยยอดสมาชิกของแอปฯ 3Plus เยอะขึ้น 10% จากสิ้นปีก่อนหน้า 
        •  ธุรกิจจัดกิจกรรมและบริหารศิลปิน (Events & Artist Management) ที่ถือเป็นธุรกิจใหม่ จัดกิจกรรม Fan Meet ต่อยอดให้แฟนๆ ละครทั้งในและต่างประเทศได้ตามกันเช่น DHEVAPROM FAN CON AFTER PARTY และ Dear my love LING&ORM 

โดยรายได้จากการให้ใช้ลิขสิทธิ์และบริการอื่นในไตรมาสที่ 3/2567 อยู่ที่ 249.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.6 ล้านบาท หรือ 35.8% จากไตรมาส 2/2567 และเพิ่มขึ้น 54.4 ล้านบาท หรือ 28.0% จากไตรมาส 3/2566 โดยหลักๆ มาจากธุรกิจใหม่ จัดกิจกรรมและบริหาร ศิลปิน อาทิ DHEVAPROM FAN CON AFTER PARTY และ Dear my love LING&ORM 

ประกอบกับว่าถ้าหากเรามาย้อนดูรายได้ 3 ปีย้อนหลังของบริษัทจะพบว่า 

        • ปี 2564 รายได้ 5,728 ล้านบาท กำไร 761 ล้านบาท 
        • ปี 2565 รายได้ 5,151 ล้านบาท กำไร 607 ล้านบาท
        • ปี 2566 รายได้ 4,699 ล้านบาท กำไร 210 ล้านบาท 
        • 9 เดือนแรกของปี 2567 รายได้ 3,213 ล้านบาท กำไร 131 ล้านบาท

ในทุกๆ ปีรายได้ของบริษัทกับกำไรหดตัวลงเรื่อยๆ เพื่อรักษาต้นทุนและปรับโครงสร้างองค์กร ประกอบกับพื้นฐานธุรกิจสื่อที่มีต้นทุนคนเป็นหลัก ทำให้การปลดคนอาจช่วยแก้ปัญหาได้ดีกว่า

ง่ายๆ ว่าช่อง 3 มีเม็ดเงินโฆษณาที่เป็นรายได้หลักกำลังหดตัว ขณะที่ต้นทุนคนเยอะกว่าโฆษณาที่เข้ามา จึงปรับโครงสร้างองค์กรและเลิกจ้างคน แต่ในส่วนธุรกิจอื่นก็ยังเห็นถึงการเติบโตที่น่าสนใจ และนี่คือบทสรุปว่าช่อง 3 เกิดอะไรขึ้น…

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า