คุยกับ ‘Sizzler’ อยากดึงลูกค้าด้วยเมนูหลัก ปรับสลัดบาร์โฉมใหม่ เพิ่มซุปเปอร์ฟู้ด

การสร้างแบรนด์รอยัลตี้สำหรับร้านอาหารในยุคสมัยนี้ไม่ง่ายเลย เพราะตัวเลือกร้านค้ามีมากขึ้น และเรตราคาก็กว้างทำให้ลูกค้ามีตัวเลือกที่เยอะขึ้น กว่าจะทำให้ลูกค้ากลายเป็นลูกค้าประจำได้จึงไม่ง่ายเหมือนก่อน

ปัจจุบันแต่ละแบรนด์ก็พยายามที่จะใช้กลยุทธ์การตลาดต่างๆ ออกแคมเปญมาเอาใจลูกค้า อย่างกรณีของ ‘Sizzler’ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นร้านสเต๊กและสลัดก็กำลังสร้างแบรนด์ผ่าน ‘เมนูหลัก’ ควบคู่ไปกับ ‘เมนูเทศกาล’

[ สมาชิกโตขึ้น 70% ลูกค้าระดับสูงอยากได้ความพิเศษมากกว่าส่วนลด ]

‘อนิรุทร์ เดวิด คอลลินส์’ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอสแอลอาร์ที จำกัด (Sizzler) ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เล่าให้ฟังว่า ในปีนี้ Sizzler เติบโตค่อนข้างดี มีลูกค้าเดินเข้าร้านเพิ่มขึ้น 25% และมีจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้น 70% เทียบจากปลายปีที่แล้ว 500,000 คน ตอนนี้เพิ่มเป็นราวๆ 850,000 คน 

ที่น่าสนใจคือ แบรนด์มีสมาชิกอยู่ 3 ระดับคือ เริ่มต้นจาก ‘กรีน’ ไปสู่ ‘โกลด์’ และสูงสุดคือ ‘ไดมอนด์’ ซึ่งระดับไดมอนด์มีสมาชิกมากถึง 20,000 คน สิ่งที่ทางแบรนด์เห็นคือจริงๆ แล้วลูกค้าไม่ได้อยากได้ส่วนลด แต่อยากได้ความพิเศษที่ไม่เหมือนใคร

เป็นความเอ็กซ์คลูซีฟอย่างหนึ่งที่มอบให้ลูกค้ากลุ่มนี้ ดังนั้น แบรนด์จึงได้ลองจัดอีเวนต์ให้กลุ่มสมาชิกระดับไดมอนด์ เช่น เปิดสาขาใหม่ๆ ก็เชิญกลุ่มนี้ไปทานแบบเอ็กซ์คลูซีฟ รวมถึงทุกครั้งที่มีสินค้า Merchandise น้องชีสโทสต์ก็จะทำเวอร์ชันพิเศษออกมาให้

ทำให้ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมากขึ้นจากกลุ่มสมาชิก วิธีการนี้เป็นการสร้างความรอยัลตี้ด้วย โดยอินไซต์ที่เจอพบว่าที่ผ่านมามีลูกค้ากลุ่มไดมอนด์เดินเข้า Sizzler แทบจะทุกสัปดาห์

สำหรับกลุ่มคนทั่วไปที่ไม่ได้เป็นสมาชิกใดๆ แบรนด์มีการเติบโตมากขึ้น จากเดิมที่คนทั่วไปเดินเข้าร้านเฉลี่ยปีละ 3 ครั้งก็เพิ่มเป็น 4 ครั้ง โดยการเติบโตเหล่านี้ก็มาจากกลยุทธ์หลักๆ ของ Sizzler ที่วางไว้คืออยากให้แบรนด์โตผ่านสินค้า ในแต่ละไตรมาสก็จะมีธีมอาหารแต่ละประเทศ มาพร้อมเมนูสเปเชียล ทำให้ลูกค้าที่ผ่านไปมาสามารถแวะทานได้มากขึ้น

ส่วนเมนูอาหารที่เป็นเมนูหลักประจำก็ยังถือว่ากระแสตอบรับดี แบ่งสัดส่วนยอดขายได้จากเมนูเหล่านี้ได้ถึง 90% ส่วนอีก 10% มาจากเมนูสเปเชียลตามช่วงเทศกาลนั้นๆ 

[ เตรียมทำสลัดบาร์ใหม่ เพิ่มเมนูพิเศษ และซุปเปอร์ฟู้ด ดึงลูกค้ารักสุขภาพ ]

‘อนิรุทร์ เดวิด คอลลินส์’ ยังเล่าอีกว่า ในช่วงเทศกาลยอดขายในร้านจะเพิ่มขึ้น ก็เตรียมสร้างแคมเปญต่างๆ ผ่านวันสำคัญ เช่น วันเด็ก วันแม่ พร้อมกับทำเมนูให้ดูเป็น Everyday มากขึ้น ในราคาที่เข้าถึงได้ลูกค้าจะได้นึกถึงร้านอาหารนึกถึงแบรนด์เป็นอันดับแรกๆ 

นอกจากนี้ ในส่วนของ ‘สลัดบาร์’ ที่มีกลุ่มลูกค้าเข้ามากินแค่สลัดบาร์เพียวๆ ก็ยังคงเติบโตดีเฉลี่ยยอดขายสลัดบาร์เพียวๆ คิดเป็น 30% ของยอดขายทั้งหมด ทำให้แบรนด์กำลังปรับปรุงสลัดบาร์ให้ดีกว่าเดิม ปีหน้าเพิ่มวัตถุดิบและเมนูใหม่ๆ มากขึ้น เติมซุปเปอร์ฟู้ดลงไป เอาใจคนรักสุขภาพ ซึ่งราคาของสลัดบาร์สามารถเข้าถึงได้ ถ้าเป็นสมาชิกราคาของสลัดบาร์ราวๆ 159 บาท แต่ถ้าไม่ได้เป็นสมาชิกจะอยู่ที่ 199 บาท ถ้าสลัดบาร์พัฒนาไปได้ดีก็จะดึงคนให้เข้ามาเป็นสมาชิกเพิ่มขึ้นด้วย

ในส่วนของ ‘น้องชีสโทสต์’ ที่เป็นมาสคอตก็มีคนรู้จักเยอะขึ้น ช่วงกลางปี 67 แบรนด์ลองออก Merchandise 4 อย่าง อาทิ พวงกุญแจ, กระเป๋า, หมอน และอาร์ตทอยกล่องจุ่มล้อไปกับกระแสของนักจุ่มซึ่งกระแสตอบรับถือว่าดี ขายหมดตั้งแต่ช่วงแรกๆ ทำให้ตอนนี้แบรนด์ทำ Merchandise รุ่นใหม่ออกมา เพิ่มให้มีตัวซีเคร็ท 2 ตัว และสั่งผลิตกล่องเพิ่มขึ้น 10 เท่าเพื่อตอบรับกระแสของน้องชีสโทสต์ 

ปัจจุบัน Sizzler มีสาขาอยู่ราวๆ 65 สาขา และในปีหน้าจะเปิดเพิ่มอีก 3 สาขาในทำเลกรุงเทพและต่างจังหวัด

มองว่าทั้งกลยุทธ์และการตั้งเป้าของ Sizzler ในปีหน้า ไม่ว่าจะเป็นตลาดร้านสเต๊ก และประเภทธุรกิจอาหารสุขภาพก็น่าจะเพิ่มความร้อนแรงในการแข่งขัน