SHARE

คัดลอกแล้ว

ช่วงวันสองวันมานี้มีกระแสข่าวเกี่ยวกับ 2 ค่ายรถยนต์ชื่อดังสัญชาติญี่ปุ่น ‘HONDA – NISSAN’ ที่คุยกันถึงความเป็นไปได้ที่อาจจะ ‘ควบรวมกิจการ’ ถือเป็นข่าวใหญ่มากในอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมไปถึงค่ายรถยนต์ยี่ห้ออื่นอย่าง TOYOTA เบอร์หนึ่งของโลกในแง่ผู้ผลิตรถยนต์ของประเทศญี่ปุ่นด้วย

ต้องเล่าว่าทั้งสองแบรนด์ โดยเฉพาะ NISSAN เริ่มมีปัญหาภายในเกี่ยวกับสภาพคล่องทางการเงินชัดเจน ตั้งแต่ที่ได้ประกาศแผนลดต้นทุน 2.6 พันล้านดอลลาร์ รวมถึงแพลนการเลย์ออฟพนักงานมากถึง 9,000 ตำแหน่ง และลดกำลังการผลิตทั่วโลกราว 20% เพราะยอดขายที่ตกต่ำในตลาดจีนและสหรัฐอเมริกา จนส่งผลให้กำไรไตรมาสที่ 2 ลดลงถึง 85%

Sanshiro Fukao ผู้บริหารระดับสูงของ Itochu Research Institute ได้แสดงความคิดเห็นว่า “ถ้าทั้งสองแบรนด์ควบรวมกันจริง NISSAN น่าจะได้ประโยชน์ก่อน เพราะกำลังมีปัญหา แต่กระแสเงินสดของ HONDA ก็เริ่มมีแนวโน้มที่จะลดลงในปีหน้าเช่นกัน ผลมาจากยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทที่ไม่ค่อยดีตามเป้า”

หากทั้งสองตกลงที่จะรวมกันเป็นบริษัทเดียว โอกาสที่จะเห็น Mitsubishi Motors’ เข้ามาที่ดีลนี้ก็มีอยู่สูง เพราะ NISSAN เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Mitsubishi ประมาณ 24.05% จากเมื่อก่อนที่ถือหุ้นราว 34.07% แต่ Mitsubishi ขอซื้อหุ้นคืนเพราะกังวลเรื่องสภาพคล่องของ NISSAN

[ รวมกันเรา ‘รอด’ แต่ไซส์ธุรกิจยังเล็กกว่า TOYOTA ]

แม้ว่าตอนนี้มีแค่การคาดคะเน และเต็มไปด้วยความเป็นไปได้ที่จะเห็นทั้งสามรวมกันเป็นหนึ่ง แต่นักการตลาดได้มีการประเมินแล้วว่า แค่เฉพาะ HONDA กับ NISSAN ร่วมมือกันจัดตั้งบริษัทเป็นโฮลดิ้งมูลค่า 54,000 ล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ การผลิตจากทั้งสองเมื่อรวมกันแล้วจะอยู่ที่ประมาณ​ 7.4 ล้านคันต่อปี หรือสูงสุด 8 ล้านคันต่อปี (ตามข้อมูลของ Citi)

ซึ่งจะทำให้กลายเป็นกลุ่มธุรกิจรถยนต์ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกตามยอดขายรถยนต์ รองจาก TOYOTA ที่อยู่ตำแหน่งนี้มานาน 4 ปีติดต่อกัน และอันดับ 2 ก็คือ และ Volkswagen

Tatsuo Yoshida นักวิเคราะห์อาวุโสด้านยานยนต์ของ Bloomberg Intelligence ประเมินดีลนี้ไว้ว่า TOYOTA คงต้องดิ้นรนให้หนักขึ้น และทำทุกอย่างเพื่อให้สินค้าของตัวเองขายได้เหมือนเดิม ดีมานด์ยังเกิดขึ้นเท่าเดิม หรือมากขึ้น

ส่วนมุมของรถยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะจากจีนและอเมริกา ต้องพูดว่าควรศึกษาและทำการบ้านอย่างหนักเพราะการควบรวมของทั้งสอง (หรือ+3 รวมทั้ง Mitsubishi) เท่ากับว่าการแลกเปลี่ยนเชิงดาต้า, พฤติกรรมลูกค้า และเทคโนโลยีต่างๆ ก็จะมากกว่าบริษัทเดี่ยว ในกรณีที่แต่ละบริษัทยอมเปิดเผยข้อมูลของตัวเอง

ยังมี ‘Peter Wells’ ศาสตราจารย์ด้านธุรกิจและความยั่งยืนจากศูนย์วิจัยอุตสาหกรรมยานยนต์ของ Cardiff Business School ได้กล่าวว่า ถ้าการควบรวมค่ายรถนี้เกิดขึ้นจริง โดยมีการรวมสินทรัพย์เข้าด้วยกัน จะช่วยหลายๆ เรื่อง เช่น ประหยัดต้นทุน และการสร้างเทคโนโลยีที่จำเป็นสำหรับอนาคตที่เร็วขึ้น

ดังนั้น นอกจากที่ผู้บริโภคจะเห็นเทคโนโลยีใหม่ๆ สำหรับยานยนต์เร็วขึ้น หรืออย่างน้อยๆ ราคาต้นทุนที่ลดลงอาจจะช่วยให้สินค้าราคาลดลงตามได้ ผู้บริโภคจะได้สินค้าที่ดี มีคุณภาพ ในราคาที่ดีกว่าเดิม เพราะพวกเขาแทบไม่ต้องลงทุนทรัพยากรอะไรเพิ่มหากแลกเปลี่ยนกันได้

แต่สิ่งที่น่ากังวลเกี่ยวกับดีลนี้คือ “มันเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกจุดหรือไม่?”

เขาอธิบายว่า การควบรวมอาจไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาการตีโจทย์ผู้บริโภคในแต่ละประเทศ ไม่ช่วยเรื่องความเข้าใจผู้ซื้อในต่างประเทศ หรือความสามารถในการผลิตสินค้าที่ตรงใจจริงๆ แม้แต่การสร้างผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมที่จะแข่งขันในตลาด

ส่วน Akira Kishimoto จาก JPMorgan เขาได้ตั้งคำถามกับ NISSAN เกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนระหว่าง ‘NISSAN-Renault Group’ ซึ่งเป็นพันธมิตรกันมานานตั้งแต่ปี 1999 สำหรับ ‘NISSAN-HONDA’ จะเป็นความสัมพันธ์แบบไหน มีเรื่องเงินทุนมาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่

จะพูดว่านักการตลาด หรือกลุ่มคนที่อยู่ในแวดวงยานยนต์อาจจะไม่เซอร์ไพรส์มากนัก เพราะ HONDA-NISSAN ประกาศความร่วมมือกันตั้งแต่ต้นปีเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า แต่สิ่งที่พวกเขาสงสัยมากกว่าก็คือ ‘การควบรวมที่อาจจะเกิดขึ้นเป็นแบบจริงจัง เปิดบริษัทใหม่เลย หรือเป็นเพียงความร่วมมือเท่านั้น’

อย่างน้อยๆ ตอนนี้ตลาดคง wait & see กันสักพักก่อน เพราะหลายเสียงสะท้อนว่าเป็นไปได้ที่ทั้งสองแบรนด์จะดึงเกมการเปลี่ยนแปลงนี้ก่อนช่วงปลายปี เพื่อรอการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมรถยนต์แบบจริงจังทีเดียว

 

อ้างอิง:

https://www.cnbc.com/2024/12/18/what-a-potential-nissan-honda-merger-could-mean-for-the-auto-industry.html

https://www.bloomberg.com/news/articles/2024-01-30/toyota-holds-lead-as-world-s-no-1-carmaker-for-fourth-year?sref=LQZclhPm

https://asia.nikkei.com/Business/Automobiles/Honda-and-Nissan-to-begin-merger-talks-amid-EV-competition

https://www.reuters.com/markets/deals/honda-nissan-move-closer-tie-up-competition-intensifies-source-says-2024-12-18/

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า