คนไทยยังต้องการสินค้าคุณภาพดีแม้เศรษฐกิจไม่ฟื้น Unilever ชี้ผู้ซื้อยอมจ่ายให้สินค้าพรีเมียม แต่ขนาดขนาดสินค้าเล็กลง

Unilever หนึ่งในบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใหญ่ที่สุดของโลก ก่อตั้งธุรกิจมาแล้วกว่า 100 ปี ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคในแต่ละยุคสมัย เป็นเรื่องสำคัญในการปรับตัวของธุรกิจ และข้อมูลที่ Unilever เปิดเผยก็น่าสนใจต่อความเข้าใจตลาดในยุคนี้

‘อัลซุล อะซาวา’ ประธานบริหารกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ครัวเรือนภาคพื้นอาเซียน และประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัท ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า หัวใจสำคัญของธุรกิจ Unilever มากที่สุดก็คือ ‘ผู้บริโภค’ ดังนั้น การทำความเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคเป็นเรือธงสำคัญ

ขณะที่ยุคนี้สิ่งที่ผู้บริโภคกังวลมากที่สุด หนึ่งในนั้นก็คือ ‘ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ’ บวกกับอำนาจในการซื้อสินค้าใกสินค้าหนึ่งจากผู้บริโภคต้องเกิดจากความมั่นใจจริงๆ เพราะผู้บริโภคสมัยนี้ศึกษาข้อมูล, เปรียบเทียบคุณภาพและราคา รวมถึงพื้นที่ต่างๆ ที่ผู้บริโภคอยู่ ไม่ใช่แค่ออฟไลน์อย่างเดียว แต่แพลตฟอร์มออนไลน์ก็เป็นช่องทางสำคัญที่แบรนด์จะสื่อสารกับพวกเขาได้

[ เทรนด์คนไทยซื้อของไซส์เล็กลง ]

‘อัลซุล อะซาวา’ พูดถึงพฤติกรรมผู้ซื้อคนไทยว่า เศรษฐกิจที่ยังไม่ดีมาก ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ บวกกับปัจจัยต่างๆ เช่น กำลังการซื้อ, ทรัมป์เอฟเฟกต์ อาจจะทำให้ผู้ซื้อคนไทยคิดเยอะขึ้นเรื่องการซื้อสินค้า

อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภคด้วย คนไทยยังต้องการซื้อสินค้าอยู่ ไม่ถึงขั้นรัดเข็มขัด และยังมองเชิงบวกกับ ‘สินค้าพรีเมียม’ เพียงแต่พวกเขานิยมซื้อสินค้า ‘ไซส์เล็กลง’ เพื่อให้ราคาของประหยัดขึ้น แทนที่จะจ่ายในราคาที่สูงเพื่อซื้อของชิ้นใหญ่ๆ ไปเลย

นอกจากนี้ คนไทยก็ยังมองหาสินค้าคุณภาพ ไม่จำเป็นต้องลดคุณภาพลงเพื่อให้ราคาสินค้าถูกลง แต่หันมาซื้อของชิ้นเล็กๆ แทน

ที่ผ่านมาตลอด 3-4 ปี Unilever ลงทุนไปกับเรื่องของ data และ AI (ปัญญาประดิษฐ์) มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งตอนนี้คอนเซนต์ หรือแนวคิดทางธุรกิจที่ยึดโยงกับกลยุทธ์ในการเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ก็คือ ‘Social First’

[ ลูกค้าอยู่ไหน Unilever อยู่นั่น ]

มีอยู่ 3 อย่างที่ Unilever ใช้ data และ AI เพื่อสร้างฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ รวมถึงรักษาฐานคนรัก Uiliver เดิมด้วย คือ

1.Predictive AI – เป็นเครื่องมือที่ช่วยคาดการณ์แนวคิด หัวข้อ และ KOLs ที่จะดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย โดยวิเคราะห์จากข้อมูลความสนใจและพฤติกรรมของผู้บริโภค เพื่อนำมาสร้างสรรค์เนื้อหาที่น่าสนใจและสอดคล้องกับสิ่งที่ผู้บริโภคสนใจในปัจจุบัน

2.Generative AI – เป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างสรรค์เนื้อหาของแบรนด์โดยใช้อินไซต์  เพื่อนำเสนอเนื้อหาที่ตรงกับความสนใจ มีความสร้างสรรค์ และสอดคล้องกับความต้องการเฉพาะของลูกค้าแต่ละประเภท

3.Reinforcement Learning AI – โซลูชันที่ช่วยปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญแบบ 360 องศา โดยเรียนรู้จากข้อมูลการใช้งานและผลลัพธ์ของแคมเปญที่ผ่านมา และนำมาปรับใช้ในแคมเปญใหม่ที่จะเกิดขึ้น เพื่อเข้ามาเพิ่ม engagement และ conversion ของลูกค้าให้สูงขึ้น

สิ่งที่ทาง Unilever พูดทิ้งท้ายก็คือ ตอนนี้เป็นยุคของ data ทุกอุตสาหกรรมต้องมี data เข้ามาช่วยซัพพอทธุรกิจ แต่ว่าสิ่งที่จะทำให้มาร์เก็ตแชร์บริษัทเพิ่มนั้น สิ่งสำคัญก็คือ ‘ความแตกต่าง’ การใช้ data เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายแบบชัดเจน

อย่างเช่น ลูกค้าชอบอินฟลูเอนเซอร์ผู้หญิงหรือผู้ชายมากกว่ากัน หรือ คนกลุ่มนี้จะชอบอินฟลูเอนเซอร์แบบไหน? สิ่งเหล่านี้จะช่วยในการครองส่วนแบ่งการตลาดได้ รวมไปถึงการเพิ่มความเข้าใจในกลุ่มลูกค้า และให้ในสิ่งที่พวกเขาต้องการ อยู่ในสิ่งที่พวกเขาอยู่ เพื่อสร้างการรู้และเข้าถึงนั่นเอง