คนทั่วโลกยังพอมีเงิน ช้อปปิ้งช่วงคริสต์มาส เงินสะพัด 1.1 ล้านล้านดอลลาร์

ในแต่ละปีเทศกาลคริสต์มาสมักถูกมองว่าเป็นช่วงเวลาที่คนออกมาช้อปปิ้งหนักๆ ทำให้ทั้งช่องทางออนไลน์และร้านค้าปลีกแบบ (ออฟไลน์) ต่างแข่งขันกันเพื่อดึงดูดส่วนแบ่งตลาดในเทศกาลแห่งความสุขนี้ 

และด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เทคโนโลยีที่ก้าวหน้า และความแตกต่างในแต่ละภูมิภาค ทำให้การช้อปปิ้งช่วงคริสต์มาสต่างออกไปจากเดิมผู้คนชื่นชอบการซื้อของแบบไฮบริด เช่น ยังซื้อออนไลน์อยู่เพราะโปรโมชั่นที่ถูกกว่า ขณะที่ไปเดินซื้อตามหน้าร้านด้วยเพื่อรับบรรยากาศ ทำให้ในฝั่งผู้ประกอบการท้าทายอยู่ไม่ใช่น้อย เพราะต่างก็อยากแย่งลูกค้าเข้าหาตัวเอง 

[ ช้อปปิ้งคริสต์มาสออนไลน์ เดี๋ยวนี้มี AI คอยช่วย]

ในฝั่งของการช้อปปิ้งออนไลน์ก็ได้เปลี่ยนไปมากกว่าเดิม มีเทคโนโลยีใหม่ๆ  เช่น การแนะนำสินค้าผ่าน AI โปรโมชั่นเด็ดๆ ซึ่งมีแพลตฟอร์มระดับโลกอย่าง Amazon, Alibaba และ Flipkart ก็นำมาใช้ดึงดูดลูกค้าให้กดตะกร้าซื้อสินค้าง่ายขึ้น

โดยข้อมูลของ Statista คาดการณ์ว่าในปี 2024 ยอดขายออนไลน์ในช่วงเทศกาลจะเกิน 1.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 36.9 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว

ซึ่งจุดเด่นของการช้อปปิ้งออนไลน์ของแต่ละภูมิภาคทั่วโลกก็แตกต่างกันออกไปด้วย เช่น  

• • • • • อเมริกาเหนือ กว่า 60% ของยอดขายในช่วงเทศกาลมาจากช่องทางออนไลน์ โดย Walmart และ Target เป็นผู้เล่นสำคัญ
        • ยุโรป สหราชอาณาจักรและเยอรมนีเป็นผู้นำด้านอีคอมเมิร์ซ ขณะที่ยุโรปตอนใต้ยังคงนิยมร้านค้าแบบดั้งเดิม
        • เอเชียแปซิฟิก แพลตฟอร์มอย่าง JD.com และ Taobao มีบทบาทสำคัญ ด้วยระบบชำระเงินที่ครบวงจร

[ คนอยากเดินตลาดคริสต์มาสรับบรรยากาศเทศกาล ]

ขณะเดียวกันฝั่งออฟไลน์ก็กลับมาโตดีไม่น้อย ผู้คนอยากเดินเข้าไปเลือกของที่ร้านเพราะด้วยเสน่ห์ของเทศกาล เช่น ตลาดคริสต์มาสในเยอรมนีและออสเตรียที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวหลายล้านคนทุกปี ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจท้องถิ่นและการท่องเที่ยว หรือในสหรัฐอเมริกามีห้างสรรพสินค้าอย่าง Macy’s ยังดึงดูดลูกค้าด้วยโปรโมชั่นพิเศษในร้านควบคู่ไปด้วย

ในส่วนของฝั่งเอเชียแปซิฟิกอาจจะยังไม่ได้เห็นตลาดคริสต์มาสที่จริงจังเท่าภูมิภาคอื่นเท่าไรนัก แต่เราก็ทำได้ดีไม่น้อย เช่น ในญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับการบริการลูกค้าแบบประทับใจ ขณะที่ตลาดในอินเดียเต็มไปด้วยผู้คนในช่วงเทศกาล

[ 2024 วัยรุ่น Gen Z เลือกคริสต์มาสแบบยั่งยืนมากขึ้น ]

สำหรับใน 2024 นี้เทรนด์ผู้บริโภคที่ซื้อของช่วงคริสต์มาสหลักๆ ก็จะมี

• • • • • Omnichannel Retail หรือการค้าปลีกที่ผสมผสานระหว่างออนไลน์และออฟไลน์กำลังได้รับความนิยม บริการอย่าง Click-and-Collect (สั่งออนไลน์แล้วไปรับสินค้าที่ร้าน)  คนอาจจะได้ทั้งโปรโมชั่นออนไลน์ ไปหน้าร้านรับของเอาบรรยากาศ อีกทั้งช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภคยุคใหม่ด้วย
        • กลุ่ม Millennials และ Gen Z ให้ความสำคัญกับการซื้อสินค้าที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เช่น บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ การจัดส่งที่ปลอดคาร์บอน และของขวัญมือสองสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงสู่การบริโภคที่มีจิตสำนึกมากขึ้น พูดง่ายๆ ว่าผู้บริโภคมีความกรีนๆ คลีนๆ รักษ์โลกมากขึ้นในช่วงเทศกาลที่ต้องทำลายสิ่งแวดล้อมเยอะ
        • ผู้บริโภคอยากได้ของถูกมากขึ้น ด้วยอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกสินค้าหลายอย่างอาจจะราคาขึ้น คนเริ่มซื้อของตั้งแต่เนิ่นๆ หากมีโปรโมชั่น เช่น บางคนซื้อของคริสต์มาสตั้งแต่ช่วง  Black Friday ไว้เลย

อย่างไรก็ตาม ก็ต้องยอมรับว่าเทศกาลคริสต์มาสก็ถือเป็นเทศกาลที่กระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีไม่น้อย อิงได้จากประเทศผู้นำโลกอย่างสหรัฐอเมริกามีคาดการณ์ไว้เลยว่าแค่ช่วงคริสต์มาสเทศกาลเดียวทำยอดขายร้านค้าปลีกเพิ่มขึ้นได้ 10-15% หรือคิดเป็นมูลค่าราวๆ 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 31,500 ล้านบาท) 

และยิ่งในช่วงคริสต์มาสสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แม้ว่าอีคอมเมิร์ซจะครองตลาด แต่ร้านค้าแบบเดิมยังคงมีบทบาทสำคัญเพราะด้วยเสน่ห์ที่ควบคู่ไปกับเทศกาลความอบอุ่น ผู้คนก็ยังโหยหาการได้เลือกซื้อของและเจอหน้ากันอยู่…