SHARE

คัดลอกแล้ว

Meta ประกาศปรับนโยบายครั้งใหญ่ ยกเลิกการใช้งานโปรแกรมตรวจสอบข้อเท็จจริงบน Facebook, Instagram และ Threads ในขณะที่โดนัลด์ทรัมป์เตรียมรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

การเปลี่ยนแปลงนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร และจะเกิดอะไรขึ้นตามมา เราสรุปให้เข้าใจง่ายที่สุด

ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้ มาจากการเปิดเผยของ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Meta ออกมาประกาศผ่านคลิปวิดีโอบน Instagram ว่า Meta จะยกเลิกการใช้งานโปรแกรม ‘fact-checking’ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงของเนื้อหาบนแพลตฟอร์ม และจะหันมาใช้ ‘community notes’ ซึ่งเป็นระบบที่เปิดให้ผู้ใช้รายอื่นมาแจ้งเตือน หรือให้คำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหา แบบเดียวกับ X แทน

นอกจากนี้ยังจะลดข้อจำกัดในการพูดคุยเกี่ยวกับหัวข้อที่เป็นความขัดแย้งหรือมีความละเอียดอ่อนอย่างเช่นประเด็นเรื่องการอพยพหรืออัตลักษณ์ทางเพศลงด้วย

ซีอีโอ Meta ให้เหตุผลในการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ว่า โปรแกรม fact-checking ที่ใช้งานมาตั้งแต่ปี 2016 ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีอคติทางการเมืองมากเกินไป และเป็นการทำลายความไว้วางใจมากกว่าที่จะสร้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐฯ

แม้ซักเคอร์เบิร์กจะยอมรับเองว่า การเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้แพลตฟอร์มของ Meta “ตรวจจับเนื้อหาไม่ดีได้น้อยลงแต่เขาก็ยืนยันว่าต้องทำแบบนี้เพราะเรามาถึงจุดที่เกิดความผิดพลาดและการเซนเซอร์มากเกินไป ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องหันกลับไปหารากฐานของเรา นั่นคือเสรีภาพในการแสดงออก

โดยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งาน Facebook, Instagram และ Threads ที่มีรวมกันอยู่เกือบ 4 ล้านคนทั่วโลก

 

พยายามฟื้นความสัมพันธ์กับรัฐบาลใหม่

การปรับนโยบายของ Meta ครั้งนี้ ถูกตั้งข้อสังเกตว่า เป็นความพยายามของ ซักเคอร์เบิร์ก ในการรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลังจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 20 .. นี้

โดยที่ผ่านมา ทั้งสองคนเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่ช่วงที่ โดนัลด์ ทรัมป์ กับ ฮิลลารี คลินตัน ลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อปี 2016 ซึ่งตอนนั้น Facebook ถูกกดดันอย่างหนักเกี่ยวกับการตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูลที่แพร่กระจายอยู่บนแพลตฟอร์ม

และความขัดแย้งก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นในปี 2021 หลังจากที่ Meta แบนบัญชีโซเซียลมีเดียของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในทุกแพลตฟอร์ม จากเหตุการณ์ที่ทรัมป์ปลุกระดมผู้สนับสนุนให้บุกอาคารรัฐสภาเพื่อขัดขวางการรับรองผลเลือกตั้งประธานาธิบดีของโจ ไบเดน 

ส่งผลให้นับตั้งแต่นั้นมา Meta ถูกพรรครีพับลิกันและบรรดาผู้สนับสนุนฝั่งอนุรักษ์นิยมวิพากษ์วิจารณ์และกล่าวหามาตลอดว่าใช้โปรแกรมตรวจสอบข้อเท็จที่มีอคติต่อกลุ่มอนุรักษ์นิยม

อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลังๆ มีการตั้งข้อสังเกตว่า ดูเหมือนซักเคอร์เบิร์ก จะเริ่มหันกลับเข้าไปหาว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากถ้อยแถลงที่เขาระบุในระหว่างประกาศปรับนโยบายครั้งใหม่นี้ด้วยตัวเองเลยว่าการเลือกตั้งครั้งล่าสุดที่เพิ่งจะผ่านมา เป็นเหมือนจุดเปลี่ยนทางวัฒนธรรมที่มุ่งสู่การให้ความสำคัญกับการพูดอีกครั้ง

ยิ่งไปกว่านั้น ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ยังเกิดขึ้นไม่นาน หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว  Meta ประกาศเลื่อนตำแหน่งให้ โจเอล แคปแลน อดีตผู้บริหารนโยบายของพรรครีพับลิกัน ขึ้นเป็นหัวหน้าฝ่ายกิจการระดับโลก และเมื่อวันจันทร์ (6 ..) ก็เพิ่งมีการประกาศแต่งตั้ง ดานา ไวท์ ซีอีโอของ Ultimate Fighting Championship (UFC) และพันธมิตรใกล้ชิดของทรัมป์ ให้ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการบริหารของบริษัท

ด้านว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ หลังจากที่มีความเคลื่อนไหวจากซีอีโอของ Meta ออกมา เขาก็ได้ออกมาตอบรับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทันที โดยพูดถึงเรื่องนี้ระหว่างแถลงข่าวที่บ้านพักส่วนตัวมาร์อาลาโก ชื่นชมว่า “Meta มาไกลมากและซักเคอร์เบิร์กก็เป็นคนที่น่าประทับใจจริงๆ

ว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ยังตอบคำถามนักข่าวที่ถามว่า คิดว่าความเคลื่อนไหวนี้ของซักเคอร์เบิร์ก เป็นการตอบสนองต่อคำขู่ที่เขาเคยพูดก่อนหน้านี้ รวมถึงที่เคยบอกว่าจะนำตัวผู้บริหาร Meta มาเข้าคุก หรือไม่ ซึ่งทรัมป์ตอบว่าก็อาจเป็นแบบนั้น

และนอกจากเสียงตอบรับจากว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์แล้ว ยังมีกลุ่มผู้สนับสนุนฝั่งอนุรักษ์นิยมหลายคนออกมาชื่นชมการตัดสินใจของผู้บริหาร Meta ในครั้งนี้ด้วย โดยหลายคนบอกเลยว่านี่เป็นสัญญาณที่เน้นย้ำเสรีภาพมากกว่าการควบคุม

 

นักวิจารณ์มีความเห็นอย่างไร

แม้ว่าความเคลื่อนไหวของซีอีโอ Meta จะได้รับการชื่นชมจากฝั่งอนุรักษ์นิยมแต่อีกมุมหนึ่งก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญที่เห็นต่างหลายคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานา

หนึ่งในนั้นคือ เอวา ลี จาก Global Witness ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงกำไรที่ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องความรับผิดชอบจากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ ระบุว่าการประกาศของซักเคอร์เบิร์กเป็นความพยายามอย่างชัดเจนในการผูกมิตรกับรัฐบาลชุดใหม่ของทรัมป์ ซึ่งจะนำไปสู่ผลเสียมากกว่าดี

โดยนักวิจารณ์คนนี้ อธิบายว่าข้ออ้างที่ว่าต้องการหลีกเลี่ยงไม่ให้มีการเซนเซอร์มากจนเกินไป จริงๆ แล้วเป็นแค่ความเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบต่อความเกลียดชังและการเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนบนแพลตฟอร์ม เพื่อสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้กับฝ่ายการเมือง

อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ยังคงไม่ชัดเจนว่าเหตุผลแท้จริงที่ทำให้ Meta ตัดสินใจเปลี่ยนนโยบายคืออะไร

แต่มีความเห็นน่าสนใจจาก ศาสตราจารย์ เอริก โกลด์แมน จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยซานตาคลารา ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านควบคุมเนื้อหาบนโซเซียลมีเดีย ให้คำอธิบายว่าเป็นไปได้ทั้งข้อสันนิษฐานที่ว่า Meta ต้องการแสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับเสรีภาพ หรืออาจจะแค่พยายามเอาใจรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่

หรืออีกทางหนึ่ง นี่อาจเป็นเพียงการขยับเพื่อเปลี่ยนจุดยืนมาผ่อนปรนมากขึ้นตามที่ซักเคอร์เบิร์กเคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้

คงต้องจับตาต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ Meta มีการปรับเปลี่ยนนโยบายครั้งใหญ่ โดยการเปลี่ยนมาใช้ระบบ community notes จะเริ่มในสหรัฐฯ ก่อน ส่วนพื้นที่อื่นๆ เช่น สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร หรือภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก Meta ระบุว่า จะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเร็วๆ นี้

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า