SHARE

คัดลอกแล้ว

“ทุกๆ 100 บาท ของสินค้าและบริการที่เราผลิตขึ้นมา ประมาณสัก 12% เราต้องสังเวยให้กับมลพิษทางอากาศ สังเวยในที่นี้ คือต้นทุนทางสังคมที่เกิดขึ้น”

รศ.ดร.วิษณุ อรรถวานิช ภาควิชาเศรษฐศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ฉายให้เห็น ว่าทำไมถึงยังมองว่า ความตื่นตัวของรัฐบาลในการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ ‘ดีขึ้นแต่ยังไม่พอ’

[3 ปัญหาโครงสร้าง ใต้ยอดภูเขาน้ำแข็ง]

ย้อนอดีต ‘การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง’ ถูกบันทึกเป็นนโยบายครั้งแรก ภายใต้แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ ปี 2562 นับแต่นั้น อ.วิษณุ มองว่า มาตรการเกือบทั้งหมดยังคงคล้ายเดิม วกไปวนมา คล้ายภายเรือในอ่าง

“ทุกอย่างแทบจะทรงเดิม เครื่องมือต่างๆ ก็จะเน้นขอความร่วมมือ เป็นลักษณะบังคับให้ปฏิบัติตาม แต่ไม่มีนโยบายที่ยั่งยืน ส่วนใหญ่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ไม่มีการพูดถึงเครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ ที่อาศัยกลไกตลาด หรือนำไปสู่การแก้ปัญหาระยะยาวขึ้น

ภาพ ภานุมาศ สงวนวงษ์ / Thai News Pix

จึงสรุปเป็น 3 ข้อปัญหาเชิงโครงสร้างพื้นฐานที่รอการแก้ไข ดังนี้

  • ขาดหน่วยงานที่มีอำนาจ เบ็ดเสร็จเด็ดขาด

อ.วิษณุ เล่าว่า ในประเทศที่มีการจัดการเป็นระบบ จะมีการจัดตั้งสำนักปกป้องสิ่งแวดล้อม มีอำนาจทำงานข้ามกระทรวงได้ เพื่อตัดปัญหา ‘หน้าที่ใครหน้าที่มัน’ อย่างที่เป็นโจทย์ใหญ่ราชการไทย

“อย่างบ้านเรากรมควบคุมมลพิษ อยู่ใต้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เกิดอะไรขึ้น ไม่สามารถสั่งการข้ามกระทรวงได้ หน้าที่ของท่าน คือขอความร่วมมือ เจ้ากระทรวงจะทำหรือไม่ทำ อีกเรื่องหนึ่ง”

  • ขาดงบประมาณ

เมื่อรัฐบาลตีความปัญหาฝุ่น ว่าเป็น ‘ภัยพิบัติ’ จึงไม่น่าแปลกใจ ที่แนวทางแก้ปัญหาจะเฉพาะหน้า ตื่นตัวชั่วครั้งชั่วคราว ไม่คาดหวังระยะยาว ตามความเห็นของ อ.วิษณุ

นักเศรษฐศาสตร์รายนี้ ตั้งข้อสังเกตผ่านงบประมาณแผ่นดินด้านสิ่งแวดล้อม ที่ทั้งน้อย และมีลักษณะขึ้นๆ ลงๆ อยู่ราว 10,000 ล้านบาท จากนโยบายทั้งหมด 3.3-3.7 ล้านล้านบาท อย่างล่าสุดงบปี 2568 ก็คิดเป็นเพียง  0.36%

และเมื่อเจาะจงถึงแผนจัดการมลพิษ อยู่ที่ราว 800 กว่าล้าน ซึ่งตัวเลขอาจลอกตาว่าสูงแล้ว แต่ต้องย้ำว่านี่เป็นงบประมาณสำหรับทั้งประเทศ “ถ้าไปเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย  เขาอัดงบด้านสิ่งแวดล้อม เยอะกว่าไทยอย่างน้อย 2 เท่าตัว สหภาพยุโรปยิ่งเยอะกว่า 5 เท่าตัว”

สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่า รัฐยังให้ความสำคัญน้อยมาก กับการจัดการสิ่งแวดล้อม ซึ่งปัญหาฝุ่นเป็นหนึ่งในนั้น เมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจใหญ่โตมาก  GDP อยู่ที่อันดับ 25 ของโลก ขณะที่ การดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อม บางช่วงเวลาหลุดไปถึงอันดับ 100 กว่า

ภาพ ภานุมาศ สงวนวงษ์ / Thai News Pix

  • กฎหมายไทยเป็นแท่ง ไร้การบูรณาการ 

อ.วิษณุ ชี้ว่า ปัญหาของกฎหมายนี่เอง ที่ทำให้เกิดความพยายามรวมร่าง ให้กฎหมายอากาศสะอาด สัมฤทธิผลเสียที ซึ่งตอนนี้คาด 1-2 เดือนนี้ น่าจะแล้วเสร็จเพื่อเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ ต่อไป 

หลักสำคัญ คือ ภายใต้หน่วยงานชื่อ ‘สำนักบริหารจัดการอากาศ’ จะให้อำนาจเบ็ดเสร็จ เพื่อจัดการและบูรณาการ ทั้งภาคยานยนต์ ขนส่ง เกษตร และป่าไม้ รวมไปถึงการผลักดัน ‘กองทุน’ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อให้การแก้ปัญหาต่อเนื่อง ไม่สะดุด ทันเวลา ข้ามพ้นปัญหาฝุ่นมาวันนี้ แต่อนุมัติงบอีกทีสัปดาห์ถัดไป

“เรารู้ว่างบประมาณนี้จำกัด ในมุมมองของผม ใช้ของเดิมได้ แต่ต้องปรับรูปแบบการใช้”

[ให้อย่างมีเงื่อนไข หวังผลทางอ้อม]

อย่างไรก็ดี อ.วิษณุ ชี้ช่องว่า ในภาคเกษตรซึ่งมีส่วนสำคัญ และกำหนดทิศทางความสำเร็จของแก้ไขปัญหามลพิษบ้านเรานั้น รัฐสามารถตั้งเงื่อนไขผ่านขั้นตอนการเยียวยา ซึ่งเป็นนโยบายที่ทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อหวังผลในเรื่องของการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมไปในตัว เช่น ถ้าอยากได้เงินชดเชยไป ก็ต้องงดการเผาอย่างชัดเจน 

“การให้เงินต้องไม่ถาวร มีระยะเวลาชัดเจน ในต่างประเทศให้ช่วงเวลา 3 ปี เขาค่อยๆ ให้แล้วถอยออก ในเชิงเศรษฐศาสตร์เราเรียกว่าอุตสาหกรรมทารก คือไม่รู้จักโต แบมือขอตลอดเรื่อยๆ เราต้องส่งเสริมให้เขาตกปลาเองให้เป็น”

ไม่เพียงพัฒนาขีดความสามารถเกษตรกร แต่หากพวกเขาไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย รัฐก็จะสามารถควบคุม และลงโทษเก็บค่าธรรมเนียม เป็นต้น

‘ที่ผ่านมาเราทำแบบนี้ เพราะเน้นการเมือง’ เป็นคำถามตัวโตๆ จาก อ.วิษณุ พร้อมตั้งคำถามต่อว่า ประเทศไทยได้ประโยชน์อะไรจากการเยียวยาแบบให้เปล่า เพราะประสิทธิภาพในการผลิตไม่ได้เพิ่ม แถมขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยก็น้อยลง

“เราจ่ายเงินเป็นแสนล้านเพื่อเยียวยา เรามีเงินน้อยมากช่วยทำวิจัยและพัฒนา มีเงินน้อยมากที่จะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ดิจิทัลเกษตรอยู่ไหน สิ่งนี้รัฐต้องลงทุน เพราะมันจะสร้างผลประโยชน์ที่ทวีคูณในระยะยาว” 

ภาพ ภานุมาศ สงวนวงษ์ / Thai News Pix

[สังเวยให้ฝุ่น หลักล้านล้านบาท]

ย้อนไปในปี 2562 เคยมีผลการศึกษา มูลค่าความเสียหายต่อครัวเรือนไทย ว่า PM2.5 สร้างความเสียหายต่อครัวเรือนไทยราว 2.173 ล้านล้านบาท แต่ต่อมาปี 2567 ความสูญเสียลดลง

แต่ อ.วิษณุ ระบุว่า ต้องขอบคุณธรรมชาติที่ช่วยเอาไว้ จากการที่ปริมาณฝนสูง นั่นถึงนำมาซึ่งคำถามว่า ธรรมชาติจะช่วยได้ตลอดจริงหรือไม่ โดยเฉพาะในปี 2568 ที่แหล่งกำเนิดฝุ่นไม่ได้ลดลง นั่นถึงทำให้ ต้นทุนทางสุขภาพที่รัฐต้องจ่ายสูงมาก ความเจ็บป่วยสะสมของประชาชนเพิ่มขึ้น และยิ่งรุนแรงขึ้น ประชาชนเองก็ต้องรับภาระค่าใช้จ่าย อย่างเลี่ยงไม่ได้ ยังไม่ได้นับความไม่สะดวกสบาย และข้อจำกัดที่เพิ่มขึ้นในชีวิตประจำวัน ที่ถือเป็นต้นทุนทั้งหมด

สอดคล้องกับการศึกษาของ ‘ศูนย์วิจัยกสิกรไทย’ คาดว่า ผลกระทบทางเศรษฐกิจในมิติของค่าเสียโอกาสโดยเฉพาะประเด็นด้านสุขภาพของคนกรุงเทพฯ เป็นระยะเวลาประมาณ 1 เดือน จะอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท

เพราะปัญหาฝุ่น PM 2.5 ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ ทั้งในมิติของการรักษาอาการเจ็บป่วย รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในมิติของการดูแลป้องกันสุขภาพ เช่น หน้ากากอนามัยเครื่องฟอกอากาศ 

ซึ่งแม้ว่าค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะถูกส่งผ่านไปยังภาคธุรกิจ แต่ก็ถือเป็นค่าเสียโอกาสที่เกิดขึ้น เพราะผู้บริโภคไม่สามารถนำเงินนี้ไปใช้จ่ายเพื่อการอื่น ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจเบื้องต้น

“สุดท้ายความสุขหายไป คิดเป็นมูลค่าเท่าไหร่ ไม่เคยมีใครคิดมาก่อน ทุกคนคิดแค่ที่จ่ายเงินไปจริง แต่หลักเศรษฐศาสตร์บอกว่าไม่ได้ คุณต้องคิดให้หมดทุกอย่าง เพราะความสุขของคุณมีมูลค่า” อ.วิษณุ กล่าวทิ้งท้าย

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า