บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ประกาศกลยุทธ์ทางธุรกิจปี 2568 ด้วยการมุ่งสู่การเป็น Multi-National Company ที่มีความมั่นคงทางการเงิน พร้อมนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจ โดยตั้งเป้ายอดขาย 32,000 ล้านบาท พร้อมเปิดตัวโครงการใหม่รวม 36 โครงการ ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดในภูมิภาค มูลค่ารวมกว่า 46,000 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงและขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทฯ ในระยะยาว

แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2568 และปัจจัยสำคัญ

ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2568 คาดว่าจะขยายตัวเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แม้ว่าผู้ประกอบการยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน คาดว่าจะได้รับอิทธิพลจากหลายปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเติบโตของอุตสาหกรรม โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่ ปัจจัยที่ส่งผลกระทบ (Factors), ความท้าทาย (Challenges) และ โอกาส (Opportunities)

แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2568 มีปัจจัยหลายประการที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางของอุตสาหกรรม โดยหนึ่งในแนวโน้มสำคัญคือการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมที่ลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากต้นทุนที่ดินที่สูงขึ้นและความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้ ที่ดินในทำเลศักยภาพหายากขึ้น ทำให้ผู้พัฒนาโครงการต้องมองหาทำเลใหม่ๆ ที่มีศักยภาพเพิ่มขึ้น แนวโน้มของอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน การพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่นำเทคโนโลยีมาใช้มากขึ้น รวมถึงการนำ AI และเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาประยุกต์ใช้ในภาคอสังหาริมทรัพย์ ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนตลาด

อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายประการ อัตราดอกเบี้ยและภาวะเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำอาจส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนจากการลงทุน ขณะที่สถาบันการเงินมีความเข้มงวดมากขึ้นในการปล่อยสินเชื่อ ทำให้ผู้บริโภคบางกลุ่มเข้าถึงสินเชื่อบ้านได้ยากขึ้น นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจยังเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย อีกทั้งแนวโน้มจำนวนประชากรเกิดใหม่ที่ลดลงอาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ในระยะยาว รวมถึงกฎระเบียบและข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อมที่มีความเข้มงวดมากขึ้น ซึ่งอาจเพิ่มต้นทุนการพัฒนาโครงการ

แม้จะมีความท้าทาย แต่ตลาดยังมีโอกาสเติบโตจากการลงทุนจากต่างชาติที่เพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยกระตุ้นความต้องการในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะในทำเลที่เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว นอกจากนี้ การขยายตัวของเมืองรองยังเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่สร้างโอกาสใหม่ให้กับผู้พัฒนาโครงการ โดยเมืองรองหลายแห่งกำลังกลายเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูงสำหรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต

แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2568 ที่ต้องเผชิญทั้งโอกาสและความท้าทายสำคัญ ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของตลาด ทั้งในแง่ของพฤติกรรมผู้บริโภค เทคโนโลยี และนโยบายทางเศรษฐกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

ศุภาลัยเดินหน้าสู่บริษัทข้ามชาติ เสริมศักยภาพทางการเงิน

ภาพรวมของบริษัทฯ ปี 2568 บมจ.ศุภาลัยได้ก้าวสู่การเป็นบริษัทข้ามชาติจากการขยายการลงทุนในประเทศออสเตรเลียในปลายปี 2567 ซึ่งถือเป็นปีสำคัญแห่งการเติบโตขยายศักยภาพในทุกมิติ ด้วยศักยภาพและความพร้อมของส่วนของผู้ถือหุ้นที่สูงที่สุดและหนี้สินต่อทุนที่อยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ โดยได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรจากทริสเรทติ้งที่ระดับ A ต่อเนื่อง 11 ปี สะท้อนถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและความสามารถในการเติบโตทางธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีมูลค่าสินทรัพย์รวม 97,876 ล้านบาท และอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของ ผู้ถือหุ้น อยู่ที่ 51% อีกทั้งมีทุนหรือส่วนของผู้ถือหุ้นรวมอยู่ที่ 52,929 ล้านบาท อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเพียง 0.85 เท่า และยังสามารถสร้างกำไรสุทธิ 4,201 ล้านบาท สำหรับงวด 9 เดือน ปี 2567 ซึ่งสูงสุดเมื่อเทียบกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในอุตสาหกรรม แสดงถึงความมั่นคงและศักยภาพในการดำเนินธุรกิจในระยะยาว

บมจ.ศุภาลัย มีแผนการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้จะมีโครงการระหว่างพัฒนารวมเกือบ 300 โครงการ ทั้งในและต่างประเทศ ปัจจุบันศุภาลัยได้ลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศออสเตรเลียแล้ว 24 โครงการ รวมมูลค่าโครงการทั้งหมด 185,500 ล้านบาท ด้วยเงินลงทุนของศุภาลัย 22,300 ล้านบาท โดยยอดขายในปี 2567 เติบโตจากปี 2566 สูงถึง 49% ซึ่งเป็นการเติบโตเป็นที่น่าพึงพอใจ สำหรับในปี 2568 คาดว่ายอดขายในประเทศออสเตรเลียมีโอกาสที่จะเพิ่มขึ้นได้มากถึง 100% ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการขยายฐานรายได้ของบริษัทฯ ในต่างประเทศ สำหรับการลงทุนในประเทศ กำหนดงบประมาณการจัดซื้อที่ดิน 8,000 ล้านบาท เพื่อขยายการพัฒนาโครงการในทำเลใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ ซึ่งครอบคลุมมากถึง 30 จังหวัด โดยเพิ่มจังหวัดใหม่ ได้แก่ ลพบุรี สุพรรณบุรี รวมถึงพื้นที่เศรษฐกิจของภาคใต้อย่างเกาะสมุย อีกทั้งมีการพัฒนาบ้านและคอนโดมิเนียม ออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ แบบบ้านใหม่ รวมถึงการพัฒนาคุณภาพสินค้า นวัตกรรมที่อยู่อาศัยรักษ์โลก ส่งมอบบ้านและการบริการที่ดีที่สุด ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง ผลการ ดำเนินงานปี 2567 ที่ผ่านมา ถือเป็นอีกปีที่มีความท้าทาย แต่บริษัทฯ ก็สามารถก้าวผ่านมาได้อย่างมั่นคง ด้วยความพร้อมทางต้นทุนทางการเงิน และความสามารถในการบริหารความเสี่ยง โดยมีการเปิดตัวโครงการทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม รวม 41 โครงการ มูลค่ารวม 52,380 ล้านบาท มียอดขายรวม 26,743 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 37 โครงการ (กรุงเทพฯ และปริมณฑล 16 โครงการ, ภูมิภาค 21 โครงการ) และโครงการคอนโดมิเนียม 4 โครงการ

สำหรับแผนงานปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายยอดขาย 32,000 ล้านบาท และเป้าหมายรายได้ 30,000 ล้านบาท โดยวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 36 โครงการ แบ่งเป็น โครงการแนวราบ 28 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 8 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 46,000 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้จะมีการพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ในหลากหลายด้าน เพื่อปรับตัวทำการตลาดให้โดนใจลูกค้า และการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง ประกอบไปด้วย

• ด้านสินค้าและผลิตภัณฑ์ พัฒนาโครงการแนวราบในราคาที่เข้าถึงได้ เจาะกลุ่มตลาดระดับราคา 3-5 ล้านบาท มีการพัฒนาแบบบ้านใหม่ เพิ่มการลงทุนในที่ดินขนาดใหญ่ เพื่อสร้างคอมมูนิตี้แห่งการอยู่อาศัยทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูมิภาค รวมถึงมุ่งมั่นการเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ และเพิ่มระยะเวลารับประกัน โดยโครงการคอนโดมิเนียม โครงสร้างจากเดิม 5 ปี เพิ่มเป็น 10 ปี และส่วนควบจากเดิม 2 ปี เพิ่มเป็น 3 ปี รวมทั้งโครงการแนวราบ ส่วนควบจากเดิม 1 ปี เพิ่มเป็น 3 ปี โดยบริษัทฯ ได้นำร่องที่โครงการคอนโดมิเนียม คือ ศุภาลัย ปาร์ค เอกมัย-พัฒนาการ, ศุภาลัย เซนส์ ศรีนครินทร์ และโครงการแนวราบที่ศุภาลัย เอสเซ้นส์ บางนา-สุวรรณภูมิ เพื่อตอบโจทย์ความมั่นใจในการอยู่อาศัยในโครงการศุภาลัย
• ด้านการตลาด มีการนำ AI และเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อขับเคลื่อนกลยุทธ์ด้านการตลาด โดยการนำข้อมูลมาวิคราะห์ เพื่อมอบประสบการณ์การซื้อที่อยู่อาศัยที่ง่าย สะดวก และตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม
• ด้านนวัตกรรมดิจิทัล ผสานนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน ด้วยแนวคิด Smart Village เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย
• ด้านสิ่งแวดล้อม มุ่งสู่ความยั่งยืนในการสร้างความร่วมมือกับคู่ค้า ด้วยการจัดเก็บข้อมูลการปล่อยคาร์บอนฯ ของวัสดุที่ใช้ในทุกกระบวนการของธุรกิจ 100% ในปี 2568 มุ่งสู่เป้าหมายการจัดซื้อวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Procurement) • ด้านความรับผิดชอบต่อสังคม ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพชีวิตของสังคมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders) ด้วยความโปร่งใสและจริยธรรม พร้อมปฏิบัติตามกฎหมายและจรรยาบรรณทางธุรกิจ

เปิดตัวโครงการใหม่ ไฮไลต์ไตรมาสแรก

ในไตรมาสแรกของปี 2568 ศุภาลัยเตรียมเปิดตัวบ้านเดี่ยวซีรีส์ใหม่ “Romantic Charm” โดยเปิดตัวโครงการแรก “ศุภาลัย พรีมา วิลล่า ถนนอุทยาน”

โครงการ ศุภาลัย พรีมา วิลล่า ถนนอุทยาน เป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ ตั้งอยู่บนถนนอุทยาน แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร พื้นที่โครงการรวม 29-0-77.7 ไร่ มีจำนวนยูนิตเพียง 65 หลัง โดยออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง บนที่ดินเริ่มต้น 100 ตารางวาขึ้นไป ราคาบ้านอยู่ในช่วง 17.9 – 35 ล้านบาท

โครงการนี้ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “Romantic Charm” ผสมผสานความโรแมนติกและเสน่ห์ที่น่าหลงใหล ตัวบ้านใช้สไตล์โมเดิร์นคลาสสิก โทนสีอบอุ่น เช่น ฟ้าอ่อน ชมพู และขาว พร้อมตกแต่งภูมิทัศน์ด้วยพรรณไม้ตัดแต่ง น้ำพุสไตล์คลาสสิก และต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่น แบบบ้านมีให้เลือก 4 รูปแบบ ได้แก่

• La Rose (344 ตร.ม.) มี 4 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ
• La Vista (393 ตร.ม.) มี 5 ห้องนอน 7 ห้องน้ำ
• La Montre (430 ตร.ม.) มี 5 ห้องนอน 7 ห้องน้ำ พร้อม 2 ห้องอเนกประสงค์
• La Salle (502 ตร.ม.) ที่เป็นแบบใหญ่สุด มี 5 ห้องนอน 7 ห้องน้ำ และพื้นที่พักผ่อนถึง 3 โซน

สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการครบครัน ประกอบด้วย Clubhouse สไตล์โมเดิร์นคลาสสิก สระว่ายน้ำระบบน้ำแร่ ฟิตเนส และสวนสาธารณะ ระบบรักษาความปลอดภัยทันสมัยด้วย CCTV และระบบเข้า-ออก VMS ผ่านแอป Supalai SABAI ตลอด 24 ชั่วโมง

โครงการตั้งอยู่ใกล้ศูนย์กลางความสะดวกสบาย เดินทางเพียง 5.2 กิโลเมตรถึงโลตัส ศาลายา และ 8.2 กิโลเมตรถึงเซ็นทรัล พลาซ่า ศาลายา ใกล้มหาวิทยาลัยมหิดลเพียง 3.1 กิโลเมตร และโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษกเพียง 1.9 กิโลเมตร การเดินทางสะดวกด้วยถนนหลักหลายสาย ได้แก่ ถนนพุทธมณฑลสาย 4, ถนนทวีวัฒนา, ถนนบรมราชชนนี และถนนพุทธมณฑลสาย 3