หลังจากประกาศยุติการเจรจาควบรวมกิจการกับฮอนด้า นิสสันกำลังเดินหน้าปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่เพื่อรักษาเสถียรภาพของบริษัท ก่อนหน้านี้ บริษัทเคยประกาศลดจำนวนพนักงานลง 9,000 ตำแหน่ง และลดกำลังการผลิตทั่วโลกลง 20% และแผนฟื้นฟูครั้งนี้ต้องแลกมาด้วยการ ‘ปิดโรงงาน’ อย่างน้อย 3 แห่งทั่วโลก รวมทั้งการปิดโรงงานในไทยด้วย
[ ปิดโรงงาน 3 แห่งภายใน 2 ปี เริ่มไตรมาสแรกปี 2025 ]
‘มากิโตะ อุจิดะ’ ซีอีโอของนิสสัน เผยผลประกอบการบริษัทว่า ในปี 2023 (ช่วงเม.ย.-ธ.ค.) บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานลด 478.4 พันล้านเยน (ประมาณ 119,600 ล้านบาท) กำไรสุทธิ 320.2 พันล้านเยน (ประมาณ 80,050 ล้านบาท)
แต่ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2024 มีกำไรจากการดำเนินงานลดลง 64 พันล้านเยน (ประมาณ 16,000 ล้านบาท) กำไรสุทธิ 5.1 พันล้านเยน 1,275 ล้านบาท (ประมาณ 1,275 ล้านบาท)
ทำให้บริษัทวางแผน ‘ลดต้นทุน’ คาดว่าจะประหยัดงบประมาณได้ 400,000 ล้านเยน (1 แสนล้านบาท) ภายในปีง 2026 ได้ ด้วยการปิดโรงงาน 3 แห่งทั่วโลกภายใน 2 ปีข้างหน้า โดยเริ่มต้นในไตรมาสที่ 1 ของปี 2025
หนึ่งในโรงงานที่จะปิดนั้นตั้งอยู่ในประเทศไทย ซึ่งนิสสันมีโรงงาน 2 แห่งในจังหวัดสมุทรปราการ ประเทศไทย ได้แก่
-
-
-
- โรงงานผลิตรถยนต์ที่ใช้โครงสร้างตัวถังแบบเฟรม (Frame-based vehicles)
- โรงงานผลิตรถยนต์นั่งส่วนบุคคล (Passenger vehicles)
-
-
หากโรงงานในประเทศไทยถูกปิด อาจส่งผลกระทบอย่างมาก โดยเฉพาะ นิสสัน ฟิลิปปินส์ (Nissan Philippines Inc.) จะกระทบมากสุด เพราะรถรุ่นที่ขายดีของบริษัทถูกนำเข้าจากโรงงานในไทย เช่น
-
-
-
- รุ่น Navara รถกระบะที่ขายดีที่สุดของนิสสันฟิลิปปินส์ โดยในปี 2024 มียอดขาย 10,297 คัน จากยอดขายทั้งหมด 26,774 คัน
- รุ่น Terra เอสยูวีขนาดกลางที่ได้รับความนิยม โดยมียอดขาย 5,779 คันในปี 2024
- รุ่น Almera และ Kicks e-Power รถยนต์นั่งที่สำคัญของแบรนด์ในตลาดเอเชีย
-
-
ตามแผนปรับโครงสร้างของนิสสันทั่วโลกทั้งระบบ (ไม่ใช่แค่ในไทย) จะทำให้พนักงานทั่วโลกเกือบ 6,500 คนต้องถูกเลิกจ้าง รวมถึงกลุ่มพนักงานที่ถูกจ้างงานทางอ้อมทั่วโลกอีก 2,500 คน ในขณะเดียวกัน กำลังการผลิตทั่วโลกจะลดลง 20% ซึ่งจะเปลี่ยนจาก 5 ล้านหน่วยการผลิตในปัจจุบันเป็น 4 ล้านหน่วยภายในปีงบประมาณ 2026
อย่างไรก็ตาม การลดกำลังการผลิตทั่วโลกคาดว่าจะส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานเพิ่มขึ้นเป็น 85% ซึ่งดีขึ้นจาก 70% ในปัจจุบัน
‘มากิโตะ อุจิดะ’ ซีอีโอของนิสสันกล่าวว่า การกู้สถานการณ์ของบริษัทเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุด และเขาพร้อมที่จะก้าวลงจากตำแหน่งหากสามารถนำพานิสสันไปสู่ทิศทางที่มั่นคงขึ้น
“ถ้าผมเห็นแนวทางที่ชัดเจน ผมก็พร้อมจะส่งไม้ต่อให้ผู้บริหารรุ่นต่อไป”