ที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยนอกจากภาคส่งออกแล้ว ‘การท่องเที่ยว’ คืออีกหนึ่งตัวขับเคลื่อนหลัก ภาคงานการบริการและท่องเที่ยวถือเป็นจุดแข็งดึงเม็ดเงินเข้าประเทศไทยมาหลายปี ด้วยต้นทุนที่คุ้มค่ากับเงินที่เข้าประเทศ สร้างรายได้มหาศาล
โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักรู้กันว่าคือ นักท่องเที่ยวจีน เป็นส่วนใหญ่ แต่เปิดต้นปีนี้การท่องเที่ยวที่คาดการณ์ตัวเลขว่าจะกลับมาแตะ 40 ล้านได้ในปีนี้อาจต้องลุ้นและสะดุดลง เพราะดูเหมือนตอนนี้บรรยากาศนักท่องเที่ยวจีนจำนวนหนึ่งอยู่ในช่วงเว้นระยะห่างกับประเทศไทย หลังมีเหตุการณ์และข่าวลบกระทบภาพลักษณ์ต่อเนื่อง ทั้งกรณีการลักพาตัวไปจนถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ข่าวลบที่ออกมาติดๆ มีผลทางจิตวิทยากับนักท่องเที่ยวจีนที่คิดจะมาเที่ยวไทยแน่นอน ดัชนีที่อาจจะบอกได้ชัดเจนตอนนี้คือ ช่วงวันหยุดยาวตรุษจีนที่ผ่านมา คนจีนหันไปสู่จุดหมายปลายทางอย่าง ‘ญี่ปุ่น’ มากขึ้นแทน
ข้อมูลจาก UN Tourism ที่บอกว่าในปี 2024 ญี่ปุ่นมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือน 36.87 ล้านคน แซงหน้าประเทศไทยที่มีนักท่องเที่ยว 35.55 ล้านคน แสดงให้เห็นว่าการเติบโตของนักท่องเที่ยวโดยรวม โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนในญี่ปุ่นกำลังอยู่ในกระแสขาขึ้น
ที่ผ่านมาความขัดแย้งระหว่างจีนและญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็นประเด็นทางประวัติศาสตร์หรือประเด็นพิพาทดินแดน ต่างก็ส่งผลกระทบต่อการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ ซึ่งตัวเลขที่เพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวจีนในญี่ปุ่นกำลังสะท้อนให้เห็นบางอย่างที่อาจจะกำลังเปลี่ยนไป
[ ทำไมญี่ปุ่นถึงแซงหน้าดึงนักท่องเที่ยวจีนไปจากไทย? ]
มีหลายปัจจัยที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนหันไปเที่ยวญี่ปุ่นมากขึ้น เช่น นโยบายวีซ่าที่ผ่อนคลายญี่ปุ่นได้ปรับนโยบายวีซ่าให้เอื้อต่อนักท่องเที่ยวจีนมากขึ้น
อีกทั้งค่าเงินเยนอ่อนตัว ทำให้การท่องเที่ยวในญี่ปุ่นมีต้นทุนต่ำลง นอกจากนี้ระยะทางที่ใกล้ ทำให้สะดวกต่อการเดินทางจากจีน
ถ้าไปดูในรายละเอียดจะเห็นว่ามีการเพิ่มเที่ยวบิน เช่น สายการบิน China Eastern Airlines เพิ่มเที่ยวบินไปญี่ปุ่นถึง 54% และมีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 71.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน
เมื่อมาดูภาพรวมเที่ยวบินระหว่างจีน-ญี่ปุ่นทั้งหมดโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นถึง 30% ในช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา และแพลตฟอร์มท่องเที่ยวชั้นนำของจีนอย่าง Trip.com Group และ Tongcheng Travel ต่างยืนยันว่าญี่ปุ่นกลายเป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งของนักท่องเที่ยวจีน แซงหน้าเกาหลีใต้ มาเลเซีย สิงคโปร์ และไทยเราเป็นที่เรียบร้อย
[ บทเรียนสำหรับการท่องเที่ยวไทย ]
ถ้าเรามาพิจารณาถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จะพบว่าการท่องเที่ยวไทยกำลังเผชิญความท้าทายสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไข เช่น
-
-
-
- ปัญหาการพึ่งพานักท่องเที่ยวจีนมากเกินไป การที่ไทยพึ่งพานักท่องเที่ยวจีนมากเกินไปทำให้เกิดความเปราะบางเมื่อตลาดนักท่องเที่ยวจากจีนมีความผันผวน รัฐบาลจึงพยายามขยายฐานนักท่องเที่ยวไปยังประเทศอื่น โดยเฉพาะอินเดีย เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดเดียว
-
-
-
-
-
- ปัญหาคุณภาพการท่องเที่ยว แม้จำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้น แต่รายได้ต่อหัวกลับลดลง สะท้อนปัญหาเชิงคุณภาพของการท่องเที่ยวไทย ตามที่ KKP Research วิเคราะห์ไว้ว่ารายได้จากการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวในไทยต่อหัวยังต่ำกว่าช่วงก่อนโควิดมาก
-
-
-
-
-
- การกระจุกตัวของรายได้ รายได้จากการท่องเที่ยวกระจุกตัวอยู่ใน 5 จังหวัดหลัก อาทิ กรุงเทพฯ ภูเก็ต ชลบุรี สุราษฎร์ธานี และกระบี่ โดยเอื้อประโยชน์ต่อโรงแรมขนาดใหญ่มากกว่า ทำให้การกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวไม่ทั่วถึง
-
-
-
-
-
- ความเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมอื่นมีน้อย การท่องเที่ยวไทยมีการเชื่อมโยงกับภาคเศรษฐกิจอื่น (Backward Linkages) น้อยกว่าในต่างประเทศ ทำให้แม้จำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้น แต่ผลต่อเศรษฐกิจในภาพรวมยังจำกัด
-
-
[ ไทยรับมือยังไง เมื่อญี่ปุ่นเตรียมดึงนักท่องเที่ยว 60 ล้านคน หนึ่งในนั้นเป้าหมายคือจีน ]
ตอนนี้ญี่ปุ่นกำลังเดินหน้าสู่เป้าหมายดึงนักท่องเที่ยว 60 ล้านคนภายในปี 2030 ด้วยกลยุทธ์ที่ชัดเจน ขณะที่ไทยต้องเผชิญกับความท้าทายสำคัญหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กลับคืนมา การยกระดับคุณภาพการท่องเที่ยว และการกระจายผลประโยชน์จากการท่องเที่ยวให้ทั่วถึงมากขึ้น
ภาพรวมตอนนี้แม้ภาคการท่องเที่ยวไทยจะฟื้นตัวขึ้นมากหลังจากโควิด แต่ภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยรวมยังอยู่ในทิศทางขาลง ทำให้เศรษฐกิจไทยภาพรวมเติบโตได้ในระดับต่ำ ดังนั้น การพัฒนาการท่องเที่ยวไทยจึงต้องคำนึงทั้งมิติเชิงปริมาณและคุณภาพ พร้อมสร้างความเชื่อมโยงกับภาคเศรษฐกิจอื่นให้มากขึ้น เพื่อให้การท่องเที่ยวยังคงเป็น “พระเอก” ที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้อย่างยั่งยืนและทั่วถึงในระยะยาว
ที่มา :
-
-
-
-
- https://asia.nikkei.com/Business/Travel-Leisure/Japan-overtakes-Thailand-as-China-s-most-popular-destination
- https://advicecenter.kkpfg.com/th/kkp-research/impact-from-trump-policy-to-thai-economy
-
-
-