ย้อนไปเมื่อปลายปี 2567 บิตคอยน์ (Bitcoin) ทำนิวไฮทะลุ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐได้สำเร็จเป็นครั้งแรก ด้วยมูลค่าตลาดกว่า 2.01 ล้านล้านดอลลาร์ ขึ้นแท่นท็อป 7 สินทรัพย์มูลค่าสูงสุดในโลก แต่ล่าสุดได้ปรับตัวลงลงมาอยู่ที่ระดับ 97,249.69 ดอลลาร์ และยังกลับไปอยู่ในระดับสูงสุดเดิมไม่ได้
‘ไรอัน ลี’ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ บิตเก็ต (Bitget) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีและบริษัท Web3 ชั้นนำของโลก กล่าวว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคา Bitcoin ในช่วงนี้คือนโยบายด้านดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
โดยตัวแปรสำคัญที่มีผลค่อนข้างมากคือตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ หากอัตราเงินเฟ้อออกมาสูงกว่าที่คาดการณ์ อาจลดโอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยและส่งผลเชิงลบต่อตลาดคริปโทโดยเฉพาะ Bitcoin ที่อาจเผชิญกับแรงขายในระยะสั้น เนื่องจากนักลงทุนมองหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม หากอัตราเงินเฟ้อออกมาต่ำ อาจสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงและถ้าเงินเฟ้อสูงขึ้นในอัตราที่ไม่รุนแรง นักลงทุนบางส่วนอาจแบ่งเงินมาซื้อ Bitcoin เพื่อป้องกันความเสี่ยงเงินเฟ้อ ส่งผลให้ราคาของ Bitcoin และ Altcoins อาจปรับตัวขึ้น
ล่าสุด การประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมกราคมออกมาสูงกว่าที่คาดเล็กน้อยโดยออกมาที่ 3.0% ขณะที่ตลาดมองว่าจะออกมา 2.9% แต่ราคา Bitcoin ได้รับผลกระทบจำกัด เนื่องจากตลาดยังได้แรงหนุนจากกระแสเงินทุนจากนักลงทุนสถาบัน โดยเฉพาะจากกองทุน Spot Bitcoin ETF ซึ่งจะสามารถผลักดันราคา Bitcoin ได้หลังจากนี้
“ในสัญญาณทางเทคนิคบ่งชี้ว่า Bitcoin อาจมีการทดสอบแนวรับสำคัญที่ 91,000 ดอลลาร์ ก่อนที่จะกลับตัวขึ้นในระยะยาว ระยะสั้นอาจมีแนวโน้มขาลงจากแรงขายทำกำไร แต่หากสามารถทรงตัวเหนือระดับแนวรับ 94,000 และ 91,000 ดอลลาร์ได้ ยังมองโอกาสที่จะกลับไปยืนเหนือระดับ 110,000 ดอลลาร์ ”
ขณะที่ Ethereum ซึ่งมีมาร์เกตแคปอันดับที่ 2 มีแนวโน้มราคามีความผันผวนสูงโดยอาจลงไปทดสอบแนวรับ 2,300 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม Ethereum ยังมีปัจจัยที่ต้องจับตาคือการอัปเกรดครั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้นในเดือนมีนาคมเวอร์ชั่น Pectra อาจช่วยสร้างเสถียรภาพและกระตุ้นการฟื้นตัวของราคา โดยมองว่ามีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบระดับ 2,700 ดอลลาร์
ด้าน ‘เกรซี่ เฉิน’ กรรมการผู้จัดการของ บิตเก็ต (Bitget) กล่าวว่า นอกจากนักลงทุนสถาบันที่มีส่วนผลักดันราคา Bitcoin ยังต้องจับตากลุ่มของรัฐบาลต่างๆ ที่ให้ความสนใจลงทุนใน Bitcoin ตามนโยบาย Strategic Reserve ของสหรัฐฯ ซึ่งจะมีส่วนผลักดันมูลค่าของ Bitcoin ได้อย่างมาก
ตัวอย่างเช่น ประเทศสาธารณรัฐเช็กได้ตัดสินใจยกเว้นภาษีกำไรจากการถือครอง Bitcoin ระยะยาวรวมถึงเตรียมจัดสรรเงิน 5% ของทุนสำรองระหว่างประเทศมูลค่า 140,000 ล้านยูโรเข้าลงทุนใน Bitcoin ซึ่งหากมีการซื้อ Bitcoin ตามมูลค่านี้จริงอาจกลายเป็นประเทศที่ถือ Bitcoin มากเป็นอันดับ 3 ของโลก แซงหน้าสหราชอาณาจักร เยอรมนี และยูเครน
“ต้องจับตาท่าที่ของรัฐบาลบางประเทศว่าจะจัดสรรเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมาซื้อ Bitcoin หรือไม่โดยเฉพาะประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อย่างบางประเทศในยุโรปซึ่งจะเป็นต้นแบบให้ประเทศอื่นๆที่ลังเลมีการตัดสินใจลงทุนใน Bitcoin ในที่สุดซึ่งจะผลักดันมูลค่าและการใช้งานในวงกว้าง”
สำหรับ Bitget ก่อตั้งขึ้นในปี 2018 โดยเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีและบริษัท Web3 ชั้นนำของโลก แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน Bitget ให้บริการผู้ใช้มากกว่า 20 ล้านรายในมากกว่า 100 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก