SHARE

คัดลอกแล้ว

มีผลแล้วที่สหรัฐอเมริกาเรียกเก็บภาษีนำเข้า 25% สินค้าที่มาจากแคนาดาและเม็กซิโก แต่สิ่งที่ตอนนี้หลายคนเป็นห่วงมากคือ ประชาชนผู้บริโภคใน 3 ประเทศ ทั้งแคนาดา เม็กซิโก และสหรัฐฯ ต้องเตรียมตัวรับมือกับผลกระทบที่ตามมา

ความที่ แคนาดา เม็กซิโก เป็นประเทศเพื่อนบ้านชายแดนติดสหรัฐฯ แน่นอนว่าในทางมิติภูมิศาสตร์เศรษฐกิจและห่วงโซ่อุปทานของ 3 ประเทศนี้เชื่อมโยงอย่างเหนียวแน่น มีการส่งผ่านสินค้าสำเร็จรูปข้ามพรมแดนคิดเป็นมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน

แม้การขึ้นภาษีนำเข้าตามเหตุผลของ ‘โดนัลด์ ทรัมป์” คือเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศ แต่หลายฝ่ายเตือนว่า ภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้นอาจผลักให้ราคาสินค้าสูงขึ้น โดยเฉพาะกับผู้บริโภคชาวอเมริกัน เนื่องจากบริษัทผู้นำเข้าอาจจะ ‘ผลักต้นทุน’ ที่เพิ่มขึ้นไปให้ลูกค้าหรืออาจลดปริมาณการนำเข้าลง ซึ่งจะทำให้สินค้ามีจำนวนน้อยลงและราคาสูงขึ้น

ผลจาก ‘ภาษีทรัมป์’ กำลังจะส่งผลให้สินค้าหลายอย่างที่คนอเมริกันใช้จะต้องควักเงินแพงขึ้น และนี่คือตัวอย่างที่พอจะทำให้เห็นภาพชัดเจน

1.รถยนต์

ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมรถยนต์ได้อานิสงส์จากการค้าเสรีต่อเนื่องมาหลายสิบปี จนราคารถยนต์อยู่ในระดับที่เอื้อมถึงได้ง่าย แต่จากนี้คาดว่าคนอเมริกันจะต้องควักเงินซื้อรถเพิ่มขึ้น อีกประมาณ 3,000 ดอลลาร์ (ตามการประเมินของ TD Economics) สาเหตุหลักมาจากชิ้นส่วนรถยนต์ที่ต้องข้ามพรมแดนสหรัฐฯ–แคนาดา–เม็กซิโก หลายเที่ยว กว่าจะประกอบเป็นรถหนึ่งคัน แต่เมื่อต้นทุนภาษีนำเข้าชิ้นส่วนสูงขึ้น ราคาขายรถต่อคันก็มีแนวโน้มสูงขึ้นตาม

2.เบียร์ วิสกี้ เตกีลา

มีความเป็นไปได้ว่าเบียร์เม็กซิกันยอดนิยมอย่างโมเดโล และโคโรนาอาจขึ้นราคาสำหรับผู้บริโภคในสหรัฐฯ หากบริษัทอเมริกันที่นำเข้าผลิตภัณฑ์ต้องจ่ายภาษีนำเข้าสูงขึ้นและผลักต้นทุนต่อลูกค้า อย่างไรก็ตาม บริษัทอาจเลือกนำเข้าน้อยลงแทนก็เป็นไปได้

ที่ผ่านมาโมเดโลขึ้นแท่นเป็นแบรนด์เบียร์อันดับ 1 ในสหรัฐฯ

ส่วนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทเหล้า เช่น บูร์บอง วิสกี้เทนเนสซี เตกีลา และวิสกี้ ผลกระทบถูกแสดงออกผ่านแถลงการณ์ร่วมกันของสมาคมเครื่องดื่มในสหรัฐฯ แคนาดา และเม็กซิโก เนื่องจากเครื่องดื่มบางชนิดผลิตได้เฉพาะในประเทศต้นกำเนิดเท่านั้น ทำให้ย้ายฐานการผลิตได้ยาก การขึ้นภาษีจึงอาจกระทบต่อปริมาณสินค้าและส่งผลให้ราคาปรับขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งยังเป็นเจ้าของแบรนด์เหล้าที่มีฐานผลิตอยู่ในทั้งสามประเทศ จึงอาจหนีไม่พ้นภาระต้นทุนที่เพิ่ม

3.บ้านและที่อยู่อาศัย

สหรัฐฯ นำเข้าไม้ซอฟต์วูดจากแคนาดาประมาณ 1 ใน 3 ของปริมาณที่ใช้ในแต่ละปี ซึ่งเป็นวัสดุสำคัญในการก่อสร้างบ้านที่อาจถูกเรียกเก็บภาษีตามข้อเสนอของทรัมป์ แม้ทรัมป์จะบอกว่าสหรัฐฯ มี “ไม้มากกว่าที่ต้องใช้” แต่สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ได้ขอให้ทรัมป์ยกเว้นวัสดุก่อสร้างจากภาษีนี้ เนื่องจากเกรงจะกระทบต้นทุนที่อยู่อาศัยและทำให้ผู้พัฒนาโครงการไม่อยากสร้างบ้านใหม่ และหวั่นเกรงว่าผู้บริโภคต้องจ่ายเงินแพงขึ้นในรูปแบบราคาบ้านที่สูงขึ้น”

4.เมเปิลไซรัป

โธมัส แซมป์สัน รองศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์จาก London School of Economics ชี้ว่าการทำสงครามการค้ากับแคนาดาอาจส่งผลต่อราคาน้ำเชื่อมเมเปิลที่จะแพงขึ้น ซึ่งถือเป็นผลกระทบชัดเจนที่สุดสำหรับครัวเรือน

อุตสาหกรรมเมเปิลไซรัปของแคนาดามีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ และคิดเป็น 75% ของกำลังการผลิตทั้งหมดในโลก ราว 90% มาจากควิเบก ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “คลังสำรองเมเปิลไซรัป” แห่งเดียวของโลกที่ก่อตั้งมากว่า 24 ปี

5.ราคาน้ำมัน

แคนาดาเป็นซัพพลายเออร์น้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดให้สหรัฐฯ สถิติทางการระบุว่า ระหว่างเดือนมกราคม-พฤศจิกายนปีที่แล้ว สหรัฐฯ นำเข้าน้ำมันจากแคนาดาถึง 61%

แม้สหรัฐฯ เรียกเก็บ 25% กับสินค้าส่วนใหญ่จากแคนาดา แต่น้ำมันและพลังงานจะเจอภาษีที่ต่ำกว่า (ราว 10%) อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ไม่ได้ขาดแคลนน้ำมัน แต่ประเภทโรงกลั่นกลับออกแบบมาเพื่อใช้กับ ‘น้ำมันดิบหนัก’ (Heavy Crude Oil) ซึ่งส่วนใหญ่ต้องพึ่งพาจากแคนาดาและเม็กซิโก

สมาคมผู้ผลิตเชื้อเพลิงและปิโตรเคมีอเมริกา ระบุว่าหลายโรงกลั่นต้องการน้ำมันดิบหนัก เพื่อให้ได้ความยืดหยุ่นในการผลิตเบนซิน ดีเซล และน้ำมันเครื่องบิน ดังนั้นหากแคนาดาตอบโต้ด้วยการลดการส่งออกน้ำมัน ราคาน้ำมันที่ปั๊มในสหรัฐฯ อาจดีดตัวสูงขึ้น

6.อะโวคาโด

ผลไม้ซูเปอร์ฟู้ดชนิดนี้จะกลายเป็นอาหารอีกหนึ่งรายการที่ชาวอเมริกันต้องควักเงินในกระเป๋ามากขึ้น เนื่องจากตลาดอะโวคาโดในสหรัฐฯ เกือบ 90% มาจากเม็กซิโก ซึ่งมีสภาพอากาศอบอุ่นเหมาะกับการเพาะปลูก

กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ เตือนว่า หากมีการเก็บภาษีนำเข้าอย่างเข้มงวด ราคาของอะโวคาโด รวมถึงเมนูที่ทำจากอะโวคาโด อย่างกัวคาโมเล่ อาจพุ่งสูงขึ้นเช่นกัน

เป็นตัวอย่างสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่พอจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพว่า ผลจาก ‘ภาษีทรัมป์’ ก็มีราคาที่คนอเมริกาต้องจ่ายเช่นกัน แม้ทรัมป์จะยืนยันว่าทำเพื่อปกป้องภาคอุตสาหกรรมสหรัฐอเมริกา แต่ราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นก็เป็นภาระที่ตกอยู่กับผู้บริโภคไม่ใช่ใครอื่น

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า