SHARE

คัดลอกแล้ว

สาธารณสุขไทย ประกาศเฝ้าระวัง การติดเชื้อแบคทีเรีย ‘สเตรปโตคอกคัส ชนิดเอ’ หนึ่งในเหตุของโรค และอยู่ในระบบเฝ้าระวังของไทย คือ โรคไข้ดำแดง หรือ Scarlet fever ที่มีผู้ป่วยสะสมแล้ว 914 คนจนถึงปัจจุบัน และส่วนใหญ่เป็นเด็กเล็ก

 

นับตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ก่อน โรคไข้ดำแดง เป็นที่พูดถึงหลัง หลังโลกออนไลน์มีการเผยแพร่ประกาศของสาธารณสุข ที่มีข้อเสนอถึงโรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน จ.สมุทรปราการ ให้หยุดทำการเรียนการสอน เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโรงดังกล่าว

ก่อนที่ในวันนี้ (5 มี.ค.) กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จะเตือนเฝ้าระวัง เพราะนับตั้งแต่เปิดปี ถึงวันนี้ มีผู้ป่วยสะสมแล้ว 914 คน แต่ยังไม่พบผู้เสียชีวิต ตัวเลขอาจยังไม่ได้สูงจนน่าตื่นตระหนก 

ขณะที่ นพ. ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค ย้ำว่า โรคไข้ดำแดง ไม่ใช่โรคอุบัติใหม่ ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก เพราะเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังตาม พ.ร.บ. โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 อยู่แล้ว อย่างไรก็ดี ค่ามัธยฐานผู้ป่วย 5 ปีย้อนหลัง จำนวน 605 รายต่อปี แต่ข้อสังเกต คือ มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมาถึง 322 คน ภายในสัปดาห์เดียว

และตามข้อมูลพื้นฐาน ว่าโรคนี้พบมากในเด็ก สอดคล้องกับตัวเลขว่า พบการป่วยสูงสุดช่วงอายุ 5-9 ปี ถึง 229 คน สำนักข่าวทูเดย์ จึงอยากชวนไปทำความเข้าใจโรคนี้กัน

[สเตรปโตคอกคัส ชนิดเอ คืออะไร] 

สำหรับ เสตรปโตคอกคัส ชนิดเอ (Streptococcus group A) เป็นเชื้อแบคทีเรียก่อโรคสำคัญของคอหอยอักเสบ สามารถสร้างสารพิษ ที่ทำให้เกิดผื่นในไข้ดำแดง รวมถึงโรคอื่นๆ ที่เกิดจากการติดเชื้อนี้ อย่าง โรคติดเชื้อผิวหนัง โรคหัวใจรูมาติก เป็นต้น

และไม่ต่างการโรคติดเชื้ออื่นๆ ที่เราคุ้นเคยกัน การติดต่อเกิดขึ้นผ่านเสมหะ หรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วย และสามารถติดต่อได้โดยการหายใจ สูดเอาละอองฝอยของเสมหะที่ผู้ป่วยไอหรือจาม รวมถึงรับเชื้อจากการสัมผัสผ่านมือ หรือสิ่งของผู้ป่วย ทั้งแก้วน้ำ จาน ชาม ผ้าเช็ดหน้า เป็นต้น

[รู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคนี้]

อาการแรกเริ่ม อาจไม่ได้แตกต่างโรคติดเชื้อแบคทีเรียอื่น โดยผู้ป่วยจะมีไข้สูงฉับพลัน หนาวสั่น ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว และเจ็บคอ 

ก่อนพบจุดสังเกตที่ชัดเจนขึ้น คือ ตุ่มสีแดงที่ลิ้น คล้ายผลสตรอว์เบอร์รี แถมมีทอนซิลอักเสบร่วมด้วย และเมื่อมีไข้ 1-2 วัน จะเริ่มมีผื่นแดงขึ้นบริเวณรอบคอ หน้าอก ก่อนกระจายไปตามลำตัวอย่างรวดเร็ว

บางคนอาจกระโดดไปมีผื่นเลยก็ได้ โดยที่ผื่นจะมีลักษณะเป็นเม็ดหยาบๆ เมื่อลูบจะรู้สึกนูนๆ สากๆ คล้ายกระดาษทราย เห็นได้ชัดตามแก้มและรอบปาก ซึ่งอาจจะมีอาการคันบริเวณนั้น เมื่อผื่นจางอาจลอกเป็นแผ่น บ้างเป็นขุยๆ อาการผิวลอกนี้อาจจะพบติดต่อกันได้นานเป็นเดือน

[ความน่ากังวลอยู่ที่อะไร]

การติดเชื้อดังกล่าวนี้ อาจมีอาการแทรกซ้อนที่สำคัญ อย่าง โรคไข้รูมาติก และหน่วยไตอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งมักเกิดหลังต่อมทอนซิลอักเสบประมาณ 1-4 สัปดาห์

จึงจำเป็นต้องรีบพบแพทย์ เพื่อให้ทำการวินิจฉัยโรค เพราะการรักษาจำเป็นต้องพึ่งยาปฏิชีวนะ ควบคู่ไปกับการรักษาอาการอื่นๆ ซึ่งระหว่างรักษาบางรายเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา ได้แก่ เหนื่อยง่าย ปวดข้อและตุ่ม หรือก้อนที่ใต้ผิวหนัง หรือมีอาการบวม ปัสสาวะเป็นสีแดง หรือเลือดปน เป็นต้น

จึงเป็นที่มาของข้อแนะนำ เมื่อเด็กเล็กเจ็บป่วย ควรให้หยุดเรียน หรือแยกตัวออกจากผู้อื่นจนกว่าได้ยาปฏิชีวนะไปแล้วอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ถึงจะลดการแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้

[ป้องกันได้อย่างไร]

เนื่องจากยังไม่มีวัคซีน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ สเตรปโตคอกคัส ชนิดเอ เราจึงต้องปฏิบัติตามขั้นตอนป้องกันอย่างเคร่งครัด ดังนี้

  • ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย แต่หากมีความจำเป็น ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ร่วมกับล้างมือ ก่อนและหลังสัมผัสผู้ป่วยหรือของใช้ผู้ป่วย
  • ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย โดยเฉพาะของใช้ส่วนตัว เช่น แก้วน้ำ ผ้าเช็ดหน้า

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า