SHARE

คัดลอกแล้ว

เปลี่ยน Wetland เป็นอ่างเก็บน้ำ ไทยกำลังกลืนน้ำลายตัวเอง

ในคราบ ‘โครงการอนุรักษ์’ เวียงหนองหล่ม

เมื่อโยนกนาคพันธุ์ ผืนนี้กลายเป็นน้ำ โยนกหรือที่แปลว่า ยวน จึงจมใต้บาดาลกลายเป็นตำนานไป จุดเริ่มต้นของยุค นาคพันธุ์สิงหนวัติ ตำนานพื้นเมือง ของเมืองเชียงใหม่ และเมืองที่สันนิษฐานกันว่า เป็นชุมชนโบราณยุคแรกเริ่มในแผ่นดินภาคเหนือของไทย ล่มสลายเหลือแต่ชื่อ

พื้นที่ตำนานแห่งนี้ ปัจจุบันเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ‘เวียงหนองหล่ม’ แอ่งรับน้ำ และพื้นที่ชุ่มน้ำขนาดใหญ่ที่สุดของ อ.แม่จัน และ จ.เชียงราย ที่เสี่ยงล่มสลายอีกครั้ง เมื่อ ‘โครงการอนุรักษ์’ เวียงหนองหล่ม ขุดลอกพื้นที่ชุ่มน้ำ 2,500 ไร่ เพื่อทำเป็นอ่างเก็บน้ำแทน

ในแผนพัฒนาแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ “เวียงหนองหล่ม” ถูกระบุไว้ว่า สภาพปัญหาพื้นที่ คือ ตื้นเขิน สัตว์น้ำน้อยลง และมีสารพิษจากการเกษตรไหลสู่หนอง และเป็นพื้นที่ทับซ้อนของการปกครองระดับอำเภอและส่วนท้องถิ่น และมีแนวทางแก้ไขปัญหา คือ การขุดลอกรอบเวียง ก่อคันกั้นน้ำ ขุดลอกหนองและร่องน้ำเดิม ปรับปรุงภูมิทัศน์และศูนย์เรียนรู้ปางควาย

การพัฒนานี้เน้นไปที่การทำให้เวียงหนองหล่มสามารถกักเก็บน้ำได้เต็มศักยภาพ เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งและส่งเสริมรายได้ให้กับประชาชน ที่รัฐบาลมอบให้หน่วยงานรัฐอย่าง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. จับมือกับจังหวัดเชียงรายทำงานร่วมกัน

แต่การพัฒนาดังกล่าวกลับถูกมองในมุมอนุรักษ์ หรือแม้แต่คนดูนก ที่เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่แล้วตกใจว่า การพัฒนาที่ขึ้นชื่อว่า งานอนุรักษ์แบบไหน ที่กลับกลายเป็นการไล่สิ่งมีชีวิตออกจากบ้าน ทำลายรัง ทำลายระบบนิเวศ และเปลี่ยนความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติให้เป็นคอนกีตรอบสระ

สิ่งที่ได้มาดูไม่ต่างอะไรจากสระว่ายน้ำ ที่ไม่มีสัตว์ตัวไหนอยากว่าย และไม่ต่างอะไรจากพื้นดินที่แห้งแล้ง ที่ระบบนิเวศเติบโตไม่ได้อีก

“เข้าใจว่าจะทำเป็นแก้มลิงด้วยเพื่อให้รองรับน้ำ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นแทบจะเป็นเหมือนเปลี่ยนสภาพ ไม่ได้เอาเรื่องของความหลากหลายทางชีวภาพเดิมมาคำนึงเลย ” ดร.เพชร มโนปวิตร นักวิทยาศาสตร์ด้านการอนุรักษ์ ที่ปรึกษาองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมนานาชาติ และนักสื่อสารประเด็นสาธารณะที่ว่าด้วยการปกป้องธรรมชาติ แสดงความคิดเห็นเมื่อรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

ดร.เพชร มองว่า ประเทศไทยอาจกำลังโฟกัสผิดทาง หรือ กำลังกลือนน้ำลายตัวเองที่เคยไปสัญญาไว้ในเวทีโลกว่าจะฟื้นฟูธรรมชาติ แต่สิ่งที่กำลังทำอยู่กลับกลายเป็นการใช้แนวคิดล่าหลังมาพัฒนาประเทศ

ภาพจาก : อายุวัต เจียรวัฒนกนก กรรมการ สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย

“กรณีนี้เป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ มีคนทำการศึกษาเรื่องนก แต่กลายเป็นว่า ตอนดำเนินโครงการไม่มีการคิดถึงมุมนี้เลย เหมือนรูป ก็คือ ตอนนี้แห้ง คล้ายกับขุดลอก เตรียมเป็นแอ่งรับน้ำ ซึ่งสะท้อนว่าไม่มีความเข้าใจเรื่อง Wetland (พื้นที่ชุ่มน้ำ) เลย และบริหารจัดการเหมือนอ่างเก็บน้ำ ซึ่งค่อนข้างย้อนยุคมาก กลายเป็นว่าในขณะที่การอนุรักษ์เราไปไกล แต่การปฏิบัติกลายเป็นยังไม่เข้าถึงคนทำงานจริงๆ” ดร.เพชร กล่าว

ภาพจาก : Philipp Maleko

ไทยได้ร่วมสัญญาการเป็นส่วนหนึ่งที่มุ่งมั่น 30×30 ที่หมายถึงข้อตกลงระดับนานาชาติที่แต่ละประเทศสัญญาว่าจะมุ่งไปสู่การอนุรักษ์พื้นที่บนบก ในทะเล และน้ำจืด ให้ได้อย่างน้อย 30% ในปี ค.ศ. 2030 ที่หัวใจสำคัญของแนวคิดนี้ก็คือ การปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพและป้องกันการเสียที่อยู่อาศัยหรือถิ่นฐานของสิ่งมีชีวิตบนโลก

“เราไม่ได้เซ็นต์แค่ 30×30 แต่เรายังเซ็นต์ร่วมมือเรื่องของ Global Biodiversity framework นอกจากเรื่องของการยกระดับการอนุรักษ์ในพื้นที่ การขยายให้ได้ 30×30 แล้ว ก็ยังมีเรื่องของการไม่ทำให้เกิดการทำลายพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวิภาพสูง ซึ่งพื้นที่แรมซาไซต์ หรือ พื้นที่อย่างเวียงหนองหล่มเนี่ยเข้าหมดเลย นั่นหมายความว่าคุณไม่ได้จริงใจกับสิ่งที่คุณสัญญาไปแล้วด้วยซ้ำ” ดร.เพชร กล่าวเพิ่มเติม

ซึ่งไม่ต่างอะไรจากการกลืนน้ำลายตัวเอง ด้วยงบกว่า 3,000 บาทที่จะทุ่มไปยังโครงการในคราบอนุรักษ์ที่นักวิชาการไม่เห็นด้วยนี้กับยุคที่เราควรจะกลับไปสู่ Nature positive หรือการเพิ่มพื้นที่ธรรมชาติ ที่ภารกิจอันยิ่งใหญ่อีกอย่างก็คือ การทำให้ธรรมชาติกลับมา ดร.เพชรเสนอว่า อันดับแรกก็คือ การหยุดทำลายก่อน ซึ่งหยุดทำลายธรรมชาตก็คือ หยุดในคราบของการพัฒนา ในนามของโครงการอนุรักษ์

อายุวัต เจียรวัฒนกนก กรรมการ สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย

เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยผ่านหูกันมาบ้างเรื่องการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือที่พูดกันเป็นภาษาที่เข้าใจง่ายที่สุด อย่าง โลกร้อน ด้วยวิธีการที่เรียกว่า Nature-Based solution ที่หมายถึง แนวคิดที่ต่อยอดมาจาก Ecosystem-based การปรับตัวและผลกระทบจากโลกร้อน ด้วยการอาศัยระบบนิเวศและธรรมชาติ

โดย Nature-Based solution ถูกนำเสนอครั้งแรก ในปี 2009 โดย International Union for Conservation of Nature (IUCN) ด้วยการเสนอว่าหลายปัญหาทชจะแก้ได้ด้วยการกลับไปฟื้นฟูธรรมชาติภาพรวม และสร้างให้เกิดความยั่งยืนในระยะยาว อย่างที่เราพยายามแก้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภัยพิบัติ ความมั่นคงทางอาหาร หรือแม้แต่ความยากจน และปัญหาที่สังคมเผชิญอยู่ในหลายมิติ

ด้วยการกลับไปดูต้นทุนทางธรรมชาติว่ามีอะไรบ้าง อย่าง การป้องกันน้ำท่วม ก็ต้องกลับไปฟื้นฟูตั้งแต่ป่าต้นน้ำ ไปจนถึงการฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำที่เป็นพื้นที่รับน้ำ ที่จะทำให้เราแก้ปัญหาเรื่องภัยพิบัติได้ และในขณะเดียวกัน ก็เพิ่มต้นทุนในการเป็นแหล่งรายได้ของคนในชุมชน สร้างโอกาสเรื่องการท่องเที่ยว เกิดความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ที่เป็นมากกว่าแค่การปลูกป่าแล้วจบ แต่เป็นเรื่องที่ต้องดูแลภาพรวมให้ดี

โดยเฉพาะพื้นที่ชุ่มน้ำ หรือ แรมซาไซต์ ที่เป็นแหล่งธรรมชาติที่ใกล้ชิดกับคนมากที่สุด เพราะคนใช้ประโยชน์จากพื้นที่ได้มาตลอด ไม่เหมือนกับป่าบางพื้นที่ในปัจจุบันที่ถูกประกาศห้ามใช้ ซึ่งชัดเจนมากแม้แต่ในอนุสัญญาแรมซาไซต์ก็เน้นเรื่อง wise used หรือ การใช้อย่างชาญฉลาด นั่นหมายถึง มีคอนเซ็ปท์การใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนมาโดยตลอด

อายุวัต เจียรวัฒนกนก กรรมการ สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย

และเวียงหนองหล่ม ถือเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ และตัวชี้วัดหนึ่งตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็คือ นก ซึ่งที่นี่เป็นที่เดียวในไทยที่พบการรายงานการทำรังวางไข่ของนกเสี่ยงสูญพันธุ์อย่าง นกแสกทุ่งหญ้าบ่อยที่สุดในไทย

“นกแสกทุ่งหญ้า ก็จะคล้ายนกแสกที่เราเห็นตามเมืองและตามทุ่งนา แต่ชนิดนนี้จะหายากกว่าเพราะต้องการที่อยู่อาศัยที่เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่การรบกวนน้อย จะทำรังวางไข่ในดงหญ้า ดงพืชน้ำ ซึ่งเวียงหนองหล่มเป็นหนึ่งในแหล่งอาศัยหลังของนกชนิดในประเทศไทย”

อีกหนึ่งเสียงที่ยืนยันความสำคัญของเวียงหนองหล่ม จาก ต้น อายุวัต เจียรวัฒนกนก

กรรมการ สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย ที่ยืนยันว่านกแสกทุ่งหญ้าเป็นสัตว์หายากที่ในประเทศไทยจะเจอได้ไม่กี่ที่ และ

พื้นที่ตรงเวียงหนองหล่มมีความพิเศษ เนื่องจากเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ แต่มีป่าลักษณะคล้ายๆ ป่าบุ่งป่าทาม ที่จะมีพืชลอยอยู่บนผิวน้ำ มีหญ้างอกสานกันจนกลายเป็นเกาะที่สร้างขึ้นมาจากพืช เป็นที่อยู่อาศัยสำคัญของนก ทั้งที่ทำรังและเกาะนอนตอนกลางวัน ของนกแสกทุ่งหญ้า และในช่วงฤดูหนาวก็จะเป็นแหล่งรวมนอนของเหยี่ยวทุ่งที่อพยพมาทางตอนเหนือของโลก ที่ก็จะมาอาศัยอยู่ในป่าลอยน้ำนี้ ซึ่งปราศจากการรบกวนของมนุษย์

“ปัญหาคือ การขุดลองเอาป่าพวกนี้ออกหมด นกก็จะไม่มีที่อาศัย ยังไม่นับรวมนกน้ำอื่นๆ ที่ปัจจุบันก็ยังถือว่าเป็นนกที่เจอได้ค่อนข้างง่าย  แต่ถ้าพื้นที่อาศัยของเขาน้อยลงก็จะหายากไปเรื่อยๆ” ต้นกล่าว

ปัจจุบันนกแสกทุ่งหญ้าถือเป็นสัตว์ที่อยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์ ตามที่ สผ. กับสมาคมอนุรักษ์นกประเทศไทย ได้มีการประเมินล่าสุด ส่วนเหยี่ยวทุ่ง อยู่ในสถานะมีแนวโน้มถูกคุกคามในระดับประเทศเช่นกัน

อายุวัต เจียรวัฒนกนก กรรมการ สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย

แต่เมื่อพูดถึงนก ก็อาจจะดูใกล้ตัว แต่ในความเป็นจริงแล้วมนุษย์ก็ต้องพึ่งพาความสมดุลของระบบนิเวศทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่นเดียวกันกับนกเหล่านี้ที่เราอาจไม่รู้จัก ไม่ว่าจะเป็นนกแสกทุ่งหญ้า หรือ เหยี่ยวทุ่ง ที่การล่าของพวกเขาช่วยควบคุมประชากรศัตรูพืช ซึ่งเป็นปัญหาของเกษตรกรและสุขอนามัย

“ทั้งนกแสกทุ่งหญ้าและเหนี่ยวทุ่งเป็นสัตว์ผู้ล่า ซึ่งอาหารหลักก็คือ  หนูแต่ละคืน นกแสกก็จะไปไล่ตะเวนจับหนู ส่วนช่วงกลางวันก็จะมีเหยี่ยวทุ่งที่ช่วยควบคุมประชากรของหนูในพื้นที่รอบๆ เพราะฉะนั้นนกพวกนี้มีหน้าที่สำคัญมากๆ ในการควบคุมประชากรหนูในพื้นที่ ถ้าไม่มีนกเหล่านี้ก็จะขาดความสมดุลของหนู ของแมลง บาลานซ์ของสัตว์ต่างๆ ที่อยู่ในระบบนิเวศก็จะสูญเสียไป เป็นระบบนิเวศของพื้นที่นี้ ที่คนเองก็ได้รับประโยชน์จากสิ่งนี้เหมือนกัน”

ภาพจาก : Philipp Maleko

ธรรมชาติอยู่ใกล้หรือไกล อยู่ที่มุมมองและความเข้าใจของเราด้วย
“เวลาเราพูดถึง Wetland สำหรับบางคนอาจจะมองว่ามีหน้าที่แค่กักเก็บน้ำ ซึ่งอาจจะเป็นที่มาของการขุดลอกให้ลึกที่สุด ให้โล่ง จะได้เก็บน้ำไว้ใชได้เยอะๆ แต่จริงๆ พื้นที่ชุ่มน้ำมีประโยชน์ในเรื่องอื่นๆ ระบบนิเวศ เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ ซึ่งหากปราศจากที่อยู่อาศัยสัตว์บางชนิดอาจเข้าขึ้นเสี่ยงสูญพันธ์ระดับประเทศเลยก็ได้ อย่าง นกแสกทุ่งหญ้า ถ้าเวียงหนองหล่มถูกขุดลอกออกทั้งหมด แน่นอนว่าประชากรโดยส่วนมากของนกแสกชนิดนี้ในประเทศไทยอาจจะหายไปเลย”

ที่ปัจจุบันโครงการเดินหน้าและมีการขุดลอกไปแล้ว และนี่ไม่ใช่ที่เดียวที่โครงการพัฒนาในคราบอ้างการอนุรักษ์ กำลังละเมิดธรรมชาติ และความต้องการจริงๆ ของคนในพื้นที่ ลุ่มน้ำศรีสงครามก็กำลังเผชิญกับโครงการในลักษณะเดียวกันนี้ที่ลุมน้ำกก

“น้ำหลากพาปลามา น้ำจากฝากปลาไว้” คือ คำกล่าวโบราณของชาวบ้าน อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ที่ไม่ต้องการคันกั้นน้ำรอบแรมซาไซต์แห่งที่ 15 แห่งล่าสุดของไทย ที่เพิ่งฉลองกันไปไม่กี่ปีก่อน (2563) อย่าง พื้นที่ชุ่มน้ำศรีสงครามตอนล่าง ที่กำลังจะมีทั้งสถานีสูบน้ำและเขื่อนโพนพอก เพื่อให้ชาวบ้านทำนา ทั้งที่จริงแล้ววิถีการทำนาของชาวบ้านที่นี้ พวกเขารู้ตัวนี้ว่าจะอยู่กับน้ำท่วม น้ำหลากอย่างไร

ตำนานและคำกล่าวโบราณ จะขลังพอหรือไม่ที่จะคงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติไว้ ไม่ให้พื้นที่ชุ่มน้ำกลายเป็นคอนกรีต ซึ่งไม่ได้มีแค่ที่เวียงหนองหล่ม หรือ พื้นที่ชุ่มน้ำศรีสงครามตอนล่างเท่า แต่โครงการของรัฐในคราบการพัฒนากำลังรุกล้ำพื้นที่ที่มีความหมายและความหลากหลายทางชีวภาพของทั้งคนและสัตว์

“อย่างที่ ชลบุรีก็จะมีโครงการการตัดถนนเข้าไปในพื้นที่ที่มีนกทะเลขาเขียวลายจุดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ แต่ข้อมูลพวกนี้ไม่เคยถูกเอาเข้าไปคิดด้วยเลยเวลามีโครงการ มันสะท้อนความไม่เข้าใจเรื่อง ความหลากหลายทางชีวภาพ ไม่รู้ว่าอะไรสำคัญไม่สำคัญ เอามุมมองของวิศวกรรมมา ซึ่งผมรู้สึกว่ามันจะสร้างปัญหาไม่รู้จบ” ดร.เพชรกล่าวทิ้งท้าย

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า