SHARE

คัดลอกแล้ว

พาไปทำความรู้จัก The Wheel of Time Season 3 (วงล้อแห่งกาลเวลา ซีซั่น 3) ซีรีส์ที่สร้างจากนิยายชุดแฟนตาซีที่ขายดีที่สุดของโรเบิร์ต จอร์แดน บอกเล่าเรื่องราวของแรนด์ อัลธอร์ เด็กหนุ่มชาวไร่ผู้ต่ำต้อยที่ค้นพบว่าตัวเองคือ “มังกรจุติ” พร้อมคำอธิบายตัวละคร และบทสัมภาษณ์นักแสดง

 

บทนำ The Wheel of Time Season 3 (วงล้อแห่งกาลเวลา ซีซั่น 3)

The Wheel of Time (วงล้อแห่งกาลเวลา) คือซีรีส์ที่สร้างจากนิยายชุดแฟนตาซีที่ขายดีที่สุดของโรเบิร์ต จอร์แดน บอกเล่าเรื่องราวของแรนด์ อัลธอร์ เด็กหนุ่มชาวไร่ผู้ต่ำต้อยที่ค้นพบว่าตัวเองคือ “มังกรจุติ” (The Dragon Reborn) บุคคลที่คำพยากรณ์โบราณทำนายว่าจะเป็นผู้กอบกู้…หรือไม่ก็ทำลายโลกให้สูญสลาย บัดนี้วงล้อแห่งกาลเวลายังหมุนต่อไป และศึกสุดท้ายกำลังใกล้เข้ามา

หลังจากเอาชนะอิชามาเอลได้ในตอนจบของซีซั่นสอง แรนด์ได้กลับมารวมตัวกับเพื่อนๆ ของเขาอีกครั้งที่ฟาล์มและได้รับการประกาศให้เป็น “มังกรจุติ” แต่ในซีซั่นสาม ฝ่ายแสงสว่างต้องเผชิญกับภัยคุกคามที่ทวีกำลังขึ้น: เมื่อหอคอยขาวแตกเป็นฝักฝ่าย เอจาห์ดำ (Black Ajah) ซึ่งเข้าร่วมกับฝ่ายเจ้าอนธการเป็นอิสระ เหล่าศัตรูเก่าหวนกลับมายังทูริเวอร์ส และผู้ละทิ้งคำสาบานที่เหลือยังคงตามล่ามังกรอย่างไม่ลดละ…รวมถึงแลนเฟียร์ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับแรนด์จะเป็นเครื่องตัดสินระหว่างฝ่ายแสงสว่างหรือความมืดสำหรับพวกเขาทั้งสอง เมื่อเรื่องราวสายสัมพันธ์ในอดีตของแรนด์เริ่มคลี่คลายและพลังชั่วร้ายในตัวเขาแข็งแกร่งขึ้น แรนด์เริ่มเปลี่ยนไปจนแม้แต่คนใกล้ชิดที่สุดของเขาอย่างมอเรนและเอเกว็นไม่อาจจดจำได้ หญิงผู้ทรงพลังทั้งสองซึ่งมีความสัมพันธ์ในฐานะอาจารย์กับศิษย์ในช่วงเริ่มต้นของซีรีส์ จะต้องร่วมมือกันเพื่อป้องกันไม่ให้มังกรจุติหันเข้าหาฝ่ายมืด…ไม่ว่าจะต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม

The Wheel of Time (วงล้อแห่งกาลเวลา) นำแสดงโดย “Rosamund Pike (โรซามันด์ ไพค์)” (จาก Gone Girl และ I Care a Lot) รับบท Moiraine Damodred, “Daniel Henney (แดเนียล เฮนนีย์)” (จาก Criminal Minds) รับบท Lan Mandragoran, “Zoë Robins (โซอี โรบินส์)” (จาก Power Rangers Ninja Steel) รับบท Nynaeve al’Meara, “Madeleine Madden (เมเดอลีน แมดเดน)” (จาก Dora and the Lost City of Gold) รับบท Egwene al’Vere, “Marcus Rutherford (มาร์คัส รูเทอร์ฟอร์ด)” (จาก Obey) รับบท Perrin Aybara, “Dónal Finn (โดนัล ฟินน์)” (จาก Rogue Heroes) รับบท Mat Cauthon, “Ceara Coveney (เคียรา โคฟนีย์)” (จาก Young Wallander) รับบท Elayne Trakand, “Kate Fleetwood (เคท ฟลีตวูด)” (จาก Harlots) รับบท Leandrin Guirale, “Natasha O’Keefe (นาตาชา โอคีฟ)” (จาก Peaky Blinders) รับบท Lanfear, “Ayoola Smart (อายูลา สมาร์ท)” (จาก Killing Eve) รับบท Aviendha, และ “Kae Alexander (เค อเล็กซานเดอร์)” (จาก Game of Thrones) รับบท Min Farshaw

ซีรีส์เรื่องนี้ได้รับการดัดแปลงเป็นบทซีรีส์โทรทัศน์โดยผู้อำนวยการสร้างและโชว์รันเนอร์อย่าง Rafe Judkins (จาก Agents of S.H.I.E.L.D. และ Hemlock Grove) โดยมี Rick Selvage และ Larry Mondragon จาก iwot productions (จาก Winter Dragon), Mike Weber (จาก Jumanji: The Next Level และ Beirut), Ted Field จาก Radar Pictures (จาก Jumanji: Welcome to the Jungle และ Winter Dragon), Marigo Kehoe (จาก Outlander และ The Crown), Ciaran Donnelly (จาก Kin), Justine Juel Gillmer (จาก The Survivor และ Halo), Dave Hill (จาก Game of Thrones) และ Rosamund Pike (จาก Saltburn, Gone Girl) รับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างด้วยเช่นกัน โดย The Wheel of Time (วงล้อแห่งกาลเวลา) เป็นผลงานจากการร่วมผลิตระหว่าง Amazon Studios และ Sony Pictures Television

 

สรุปเรื่องราว The Wheel of Time ซีซั่น 1 และ 2:

The Wheel of Time คือมหากาพย์ซีรีส์แฟนตาซีสุดอลังการจากนิยายที่ขายดีที่สุดของโรเบิร์ต จอร์แดน ที่จะพาคุณหลุดพ้นจากชีวิตประจำวันแสนธรรมดาสู่โลกแห่งเวทมนตร์ เรื่องราวของกลุ่มหนุ่มสาวจากหมู่บ้านอันเงียบสงบ ที่ชีวิตพลิกผันเมื่อหญิงลึกลับนามว่ามอเรน (รับบทโดย โรซามันด์ ไพค์) ปรากฏตัวขึ้น และเชื่อว่าหนึ่งในพวกเขาคือผู้ถูกเลือกที่จะกอบกู้หรือทำลายโลก สองซีซั่นที่ผ่านมา เราได้เห็นพวกเขาเติบโตจากชาวบ้านไร้เดียวสาสู่ผู้กล้าเปี่ยมพลัง เผชิญหน้ากับความท้าทายของตัวเอง และค้นพบความแข็งแกร่งที่ซ่อนอยู่ภายใน ซีรีส์ที่แฝงประเด็นเรื่องโชคชะตากับเจตจำนงเสรี อำนาจ และพลังจากความเป็นหนึ่งเดียวกันเรื่องนี้ กำลังจะพาคุณกลับเข้าสู่เรื่องราวมหากาพย์แห่งเวทมนตร์ การต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ที่สั่นสะเทือนโลก และสิ่งมีชีวิตในตำนานอีกครั้งในซีซั่นที่สาม

 

ซีซั่นแรกของซีรีส์พาเราไปทำความรู้จักกับ มอเรน เซได (โรซามันด์ ไพค์) ผู้ใช้ “พลังเอก” (One Power – แหล่งพลังไร้ขีดจำกัดที่ขับเคลื่อนเวลาและวัฏจักรในจักรวาลวงล้อแห่งกาลเวลา) กับภารกิจของเธอในการตามหา “มังกรจุติ” (Dragon Reborn) ในคำทำนาย เธอพาหนุ่มสาวชาวบ้านห้าคนจากหมู่บ้านเล็กๆ ที่ชื่อว่าทูริเวอร์ส (Two Rivers) ออกเดินทางไปด้วยกัน โดยเชื่อว่าหนึ่งในนั้นอาจเป็นมังกรผู้ที่ชะตากำหนดให้มาช่วยกอบกู้หรือทำลายโลกให้ล่มสลาย ในขณะที่พวกเขาเดินทางผ่านดินแดนอันตราย เผชิญหน้ากับพลังมืดและปิศาจภายใน แต่ละคนได้ค้นพบพลังในตัวเองและเผชิญหน้ากับความรับผิดชอบ ซีซั่นแรกจบลงด้วยการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ที่หนึ่งในห้าของพวกเขา แรนด์ อัลธอร์ (โยชา สตราดอฟสกี) ถูกเปิดเผยว่าเป็นมังกรจุติ อย่างไรก็ตาม ชัยชนะของเขามีราคาที่ต้องแลก ทำให้เหล่าผู้กล้าของเรากระจัดกระจายกันไปคนละทาง และต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ที่รออยู่ข้างหน้า

 

ซีซั่นที่สองเพิ่มความเข้มข้นขึ้น เมื่อมอเรนซึ่งถูกปลดการเข้าถึงพลังเอก ต้องต่อสู้กับการเมืองในหอคอยขาว (White Tower) ขณะที่แรนด์พยายามควบคุมพลังใหม่ที่ยิ่งใหญ่ของเขาและต่อสู้กับการล่อลวงจากเจ้าอนธการ (The Dark One) ส่วนเพื่อนๆ ของเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับบททดสอบต่างๆ ของตัวเอง เรื่องราวนำไปสู่ตอนจบที่น่าตื่นเต้น เมื่อเกิดการดวลกลางท้องฟ้า ซึ่งเป็นสัญญาณถึงความขัดแย้งครั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึงศึกครั้งสุดท้ายกำลังใกล้เข้ามา กองกำลังแห่งความดีและความชั่วต่างกำลังรวบรวมสรรพกำลัง นำเข้าสู่ซีซั่นที่สามของ The Wheel of Time ที่จะอัดแน่นด้วยแอ็กชั่นยิ่งกว่าที่เคย

 

คำอธิบายตัวละคร และบทสัมภาษณ์นักแสดง

MOIRAINE DAMODRED (มอเรน ดาโมเดรด) รับบทโดย ROSAMUND PIKE (โรซามันด์ ไพค์)

ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร เป็นเวลา 20 ปีที่มอเรนตามหามังกรจุติ แต่หลังจากที่พบเขาแล้ว เธอกลับถูกตัดขาดจากพลังเอกด้วยฝีมือของอิชามาเอล ผู้ซึ่งหลอกลวงเธอและคนรักลับของเธอ สวอน ซานเช ประมุขแห่งอมีร์ลิน โดยทำให้พวกเธอคิดว่าเขาคือเจ้าแห่งอนธการ ต่อมาลานและแรนด์ช่วยฟื้นฟูพลังของเธอกลับมา มอเรนจึงใช้พลังนั้นประกาศให้แรนด์เป็นมังกรท่ามกลางสาธารณะในเมืองฟาล์ม

บทสัมภาษณ์

การเดินทางของมอเรนในซีซั่นที่สามจะเป็นอย่างไรบ้าง

หนึ่งในความสัมพันธ์ของตัวละครที่ตราตรึงใจที่สุดในนิยายชุดนี้ คือความสัมพันธ์ระหว่างมอเรนกับแรนด์ มอเรนใช้เวลา 20 ปีในการทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากหอคอยขาวให้สำเร็จ หลังจากที่ครูผู้ฝึกของเธอมีนิมิตว่ามังกรได้กลับมาเกิดใหม่แล้ว มอเรนจะต้องตามหาเด็กคนนั้นให้พบ เธอไม่ได้พบเด็กคนนั้นในทันที แต่มาพบหลังจากที่เขาโตเป็นหนุ่มแล้ว หลังจากนั้น หน้าที่ของเธอคือการนำทางเขา นอกจากนี้ มอเรนยังแอบร่วมมือกับสวอน คนรักของเธอซึ่งตอนนี้เป็นประมุขแห่งอมีร์ลิน งานของสวอนคือการเตรียมหอคอยขาวให้พร้อมที่จะเดินตามแรนด์ ผู้เป็นมังกรจุติ ขณะที่มอเรนต้องนำทางเขาเพื่อให้เขาเดินอยู่ในเส้นทางแห่งแสง เธอคิดไว้ในใจว่าจะต้องฆ่าเขา หากว่าวันใดเขาเลือกฝักใฝ่ฝ่ายมืด ในจุดนี้ เราจะเริ่มได้เห็นพลังของแรนด์ว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง พลังอันยิ่งใหญ่นี้อยู่ในตัวแรนด์ มันทำให้เขารู้สึกกลัว ต่อต้าน แต่ในขณะเดียวกันก็ถูกยั่วยวนจากมัน และมอเรนก็สงสัยเหลือเกินว่าเธอจะควบคุมและนำทางเขาได้ยังไง

เป็นเวลาห้าปีแล้วที่คุณมีส่วนร่วมในซีรีส์เรื่องนี้ ความสัมพันธ์ของคุณกับ The Wheel of Time ลึกซึ้งขึ้นอย่างไรบ้าง

ความเข้าใจของฉันพัฒนาขึ้นผ่านการอ่านหนังสือ The Wheel of Time ค่ะ ตอนนี้ฉันก็ยังอ่านมันอยู่และจดบันทึกบางอย่างไว้ เรื่องราวมันซับซ้อนมากจนต้องกลับมาอ่านใหม่อีกเพื่อให้เข้าใจสิ่งที่แฝงอยู่ ในซีซั่นนี้เราจะได้พบกับแนวคิดใหม่ๆ วัฒนธรรมของชาวไอเอล (Aiel) ที่เราจะได้เห็นมันวิเศษมาก มีเรื่องงดงามอย่างหนึ่งที่ชาวทะเลทรายซึ่งอาศัยในดินแดนร้างอันโหดร้ายทำเวลาที่พวกเขาทักทายกัน พวกเขาจะพูดว่า “ขอให้ท่านพบน้ำและร่มเงาอยู่เสมอ” ซึ่งเป็นแนวคิดที่สวยงามมาก

อะไรคือความท้าทายในการสร้างโลกอันยิ่งใหญ่นี้จากนิยายสู่สายตาผู้ชม

มันซับซ้อนมากเลยค่ะ นี่เป็นซีรีส์จากโลกในจินตนาการ โลกในนิยายชุดที่อยู่ในจินตนาการของแฟนๆ มายาวนานหลายปี และโรเบิร์ต จอร์แดนก็ละเอียดมาก เขาสร้างโลกขึ้นมาในความคิดของผู้คน และเราต้องให้เกียรติโลกที่เขาสร้าง ซึ่งนั่นหมายความเราไม่ได้สร้างแค่ฉาก แต่ยังสร้างเมืองต่างๆ ขึ้นมาด้วย เราโชคดีที่ได้ทีมงานสร้างสรรค์ที่ยอดเยี่ยมมากมาร่วมงาน ตั้งแต่เรื่องการเคลื่อนไหวต่างๆ ไปจนถึงเครื่องแต่งกาย งานวิชวลเอฟเฟกต์ การออกแบบฉาก การแสดง และการกำกับ เรามีทีมงานยอดเยี่ยมจำนวนมากที่ทำงานร่วมกันเพื่อทำให้มันเกิดขึ้นจริง

คุณคาดหวังเสียงตอบรับจากแฟนๆ ต่อซีซั่นที่สามนี้อย่างไรบ้าง

ฉันคิดว่าพวกเขาจะต้องชอบมันแน่ๆ ฉันชอบมันมากค่ะ ฉันคิดว่าเราได้ยกระดับรายการขึ้นไปอีกขั้น เราเปลี่ยนไปใช้ภาพจอกว้างแบบพาโนรามาที่สวยงาม มันเป็นซีซั่นที่วิเศษมาก เราได้เข้าสู่โลกและวัฒนธรรมใหม่ๆ การเมืองและเดิมพันทางอารมณ์ที่ตัวละครในเรื่องจะต้องเจอนั้นน่าสนใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม เราจะได้เห็นการเติบโตของเพร์รินในการเป็นผู้นำในทูริเวอร์ส ฉันคิดว่ามันเป็นซีซั่นที่ยอดเยี่ยมมาก คุณอาจจะพูดได้เลยว่าเราสร้างวงล้อขึ้นมาใหม่ และเป็นเจ้าของเรื่องราวในรูปแบบใหม่

LAN MANDRAGORAN (ลาน มันดราโกรัน) รับบทโดย DANIEL HENNEY (แดเนียล เฮนนีย์)

ไม่มีใครที่ใกล้ชิดกับมอเรนมากไปกว่าลานผู้อดทน ผู้พิทักษ์คนแรกและคนเดียวของเธอ และไม่มีใครรู้ความลับของเธอมากไปกว่าเขา เขาคือผู้ที่ปกป้องคุ้มครองตลอดการตามหามังกรจุติ และพร้อมจะสละชีวิตของตัวเองเพื่อเธอ เขาค้นพบว่าอิชามาเอลไม่ได้ตัดขาดเธอออกจากพลังเอกอย่างถาวร เขาจึงช่วยแรนด์ อัลธอร์ให้ฟื้นฟูพลังของเธอกลับมาได้สำเร็จ ซึ่งเป็นการกอบกู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับมอเรนด้วยเช่นกัน บัดนี้พวกเขาทั้งสองจึงเป็นสหายที่ทัดเทียมกันมากกว่าครั้งไหนๆ

บทสัมภาษณ์

เกิดอะไรขึ้นบ้างกับตัวละครของคุณในซีซั่นที่สาม

ซีซั่นสามยิ่งใหญ่มากสำหรับลาน มีเรื่องโกลาหลเกิดขึ้นมากมาย ตั้งแต่ความบ้าคลั่งที่หอคอยขาว ไปจนถึงผู้ละแสง (Forsaken) ที่ถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระ แลนเฟียร์ยังคงต่อสู้กับตัวเองและตั้งคำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับแรนด์ แรนด์จมดิ่งสู่ความบ้าคลั่งมากกว่าเดิมและต่อสู้กับมันอย่างดุเดือด ขณะที่มอเรนกับลานค้นพบจุดยืนที่เท่าเทียมกันมากขึ้นหลังจากเรื่องราวในซีซั่นสอง ตัวละครทั้งสองค้นพบความรู้สึกเคารพในตัวกันและกัน และลานก็รู้สึกว่าเขาอยู่ในจุดยืนที่ทัดเทียมกับมอเรนมากขึ้นด้วยครับ

ลานจะได้แสดงทักษะการใช้ดาบของเขามากขึ้นไหมในซีซั่นสาม

จะมีฉากฝึกประลองดาบระหว่างแรนด์และลานสองสามฉากที่เราถ่ายทำบนไหล่เขานอกเมืองเคปทาวน์ครับ โยชา สตราดอฟสกี (Josha Stradowski) กับผม และพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้น ผมต้องใช้ดาบจริงที่หนักประมาณ 20 ปอนด์ ผมแทบจะทำอะไรไม่ได้เลยเพราะมันหนักมาก ส่วนเขาใช้ดาบของผม ดาบของลาน ผมค่อยๆ สอนเขาเรื่องการหายใจ จิตวิญญาณ แนวคิดเรื่องความสมดุลที่อยู่ในท่วงท่าเพลงดาบ (Kata) และเบื้องหลังการเป็นนักดาบ มีบางอย่างที่สวยงามมากๆ เกี่ยวกับความเรียบง่ายของมัน ผมบอกทุกคนว่ามันเป็น “ช่วงเวลามิสเตอร์มิยากิ (Mr. Miyagi moment)” ของผม เพราะว่าผมเป็นแฟนตัวยงของ The Karate Kid

นับตั้งแต่ซีซั่นแรก ซีรีส์เรื่องนี้เติบโตขึ้นอย่างไรบ้างในแง่ของขนาด

ในซีซั่นที่สาม เราเริ่มจับจังหวะของเราได้อยู่ตัวแล้วว่า นี่แหละ ไปต่อได้เลย ผมได้เห็นสิ่งที่เราถ่ายทำบางส่วน มันน่าทึ่งมาก เราถึงขนาดเปลี่ยนกล้องด้วย และถ่ายภาพในมุมที่กว้างขึ้น ภาพที่ได้ดูยิ่งใหญ่ตระการตามาก มันคือสิ่งที่ต้องมีสำหรับซีรีส์เรื่องนี้ และคุณต้องใช้เวลาในการค้นหาว่าซีรีส์เรื่องนี้ควรจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะซีรีส์ที่มีความยิ่งใหญ่ทั้งในแง่ความทะเยอทะยานและขนาดระดับนี้ เรากำลังจับจังหวะของเราได้แล้ว เป็นเวลาห้าปีแล้วที่เราเริ่มสร้างซีรีส์เรื่องนี้ แต่ก็เป็นห้าปีที่ผ่านไปเร็วมาก

พอจะบอกเราโดยไม่สปอยล์ได้ไหมว่า ฉากที่ท้าทายที่สุดสำหรับคุณในการถ่ายทำซีซั่นสาม คือฉากไหน

ฉากต่อสู้ครั้งใหญ่กับหนึ่งในตัวละครหลักครับ มันเป็นการต่อสู้ที่รวดเร็ว สะเทือนอารมณ์ รุนแรง และสนุกมาก และผมตั้งใจมากเพื่อให้แน่ใจว่ามันจะออกมาดี และเราก็ทำสำเร็จ ตัวผมเป็นรอยฟกช้ำและปวดไปหมด แต่ผมมีความสุขกับมันมากๆ

 

RAND AL’THOR (แรนด์ อัลธอร์) รับบทโดย JOSHA STRADOWSKI (โยชา สตราดอฟสกี)

แรนด์พยายามหนีจากชะตากรรมของการเป็นมังกรจุติ แต่นั่นกลับทำให้เพื่อนๆ ของเขาและทั้งโลกตกอยู่ในอันตรายยิ่งกว่าเดิม เขาถูกล่อลวงโดยแลนเฟียร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ละแสง (Forsaken) และเกือบถูกปลิดชีพโดยอิชามาเอล ผู้ละแสงอีกคน แต่แล้วเขาก็รอดมาได้ก็เพราะเพื่อนๆ และมอเรนซึ่งตั้งใจจะเป็นที่ปรึกษาให้เขา

บทสัมภาษณ์

คนดูจะได้เห็นอะไรจากตัวละครแรนด์ในซีซั่นสามบ้าง

แรนด์เปลี่ยนไปอย่างมากในซีซั่นนี้ เขากระตือรือร้นที่จะค้นหาความจริง ไขปริศนาในคำพยากรณ์ และเผชิญหน้ากับภารกิจอันยิ่งใหญ่ในการโค่นล้มอำนาจของเจ้าอนธการ ทำให้เขามีบทบาทเชิงรุกมากขึ้น ในช่วงต้นของซีซั่นสาม เหมือนกับว่ามีแรงผลักดันบางอย่างเกิดขึ้นในตัวเขา เขามีสัญชาตญาณว่าตัวเองต้องการไปที่ไหน ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากซีซั่นสองที่เขาเป็นฝ่ายหลบหนีเป็นส่วนใหญ่ แต่ในขณะเดียวกัน ในช่วงต้นของซีซั่นสาม เขายังคงอยู่กับเพื่อนรัก เพร์ริน, ไนนีฟ, เอเกว็น และแมท ผู้ที่เติบโตมาพร้อมกับเขา คนที่เคยร่วมฉลองวันเกิดและงานอะไรแบบนั้นกับเขาในวัยเด็ก สิ่งนี้เป็นทั้งแรงยึดเหนี่ยวที่ช่วยปลอบโยนพวกเขา แต่ขณะเดียวกันก็เป็นความยากลำบาก โดยเฉพาะสำหรับแรนด์ เพราะว่าตอนนี้มีบางอย่างที่คอยเร่งเร้าในตัวเขา อีกทั้งยังมีความมืดมนบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นในตัวเขา เขายังต้องแบกรับความเกลียดชังและยังต้องเก็บงำความลับไว้มากมาย

ความสัมพันธ์ของคุณกับมอเรนในซีซั่นนี้เป็นอย่างไร

ความสัมพันธ์ระหว่างมอเรนกับแรนด์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับซีซั่นหนึ่งและสอง ในซีซั่นหนึ่ง แรนด์เชื่อฟังมอเรนอย่างไม่มีข้อสงสัย เพราะเขาไม่รู้อะไรเลย นั่นทำให้เขาต้องไว้ใจเธอ แต่ในซีซั่นสาม เขารู้เรื่องราวมากขึ้น อีกทั้งยังกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับคำทำนายต่างๆ อย่างเรื่องการจุติของมังกร เรื่องราวของชาวมังกร หรือว่าเรื่องชาวไอเอล (Aiel) และเรื่องอื่นๆ แต่มอเรนเองกลับมองไม่เห็นตัวตนที่แท้จริงของเขา ซึ่งนั่นทำให้เกิดความขัดแย้งและความตึงเครียดขึ้นมากมาย แรนด์อาจเป็นผู้สงบศึกที่ดีได้ถ้าทุกคนปล่อยเขาไว้ตามลำพัง แต่ไม่มีใครปล่อยเขาเลย ทุกคนต่างกดดัน บงการ และพยายามหลอกล่อเขา และสิ่งนั้นที่ทำให้เราได้เห็นอีกด้านหนึ่งของแรนด์ โดยปกติแล้วเขาจะไม่เปิดเผยให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองรู้อะไรมากแค่ไหน แต่กับมอเรน เขากลับเปิดเผยให้เธอรู้มากกว่าที่เขาตั้งใจไว้ แต่ท้ายที่สุดแล้ว เธอก็ไม่ยอมฟังเขาเลย

NYNAEVE AL’MEARA (ไนนีฟ อัลมีรา) รับบทโดย ZOË ROBINS (โซอี โรบินส์)

ไนนีฟถูกลีอันดริน ครูผู้ฝึกของเธอหักหลังและจับมาขังไว้ ไนนีฟพยายามช่วยเอเกว็นเพื่อนของเธอจากพวกชอนชัน (Seanchan) แต่ถึงแม้เธอจะเป็นผู้ใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบพันปี เธอกลับไม่สามารถช่วยเพื่อนของเธอได้เลยในการต่อสู้ที่ฟาล์ม (Falme) เพราะเธอถูกปิดกั้นการใช้พลังและไม่สามารถเข้าถึงพลังได้ตามต้องการ

บทสัมภาษณ์

ไนนีฟในซีซั่นสามจะเป็นอย่างไร

ซีซั่นสามของไนนีฟเป็นเรื่องของการยอมรับความเปลี่ยนแปลง และเราจะได้เห็นด้านที่ไม่มั่นใจของเธอมากขึ้น รวมถึงความไม่แน่นอนมากมายในชีวิตของเธอ บทบาทและความสัมพันธ์ต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เราจะได้เห็นไนนีฟในอีกมุมหนึ่ง ซึ่งอยู่กับตัวเองมากขึ้นและการถ่ายทอดบทบาทในมุมนี้ก็สนุกมากค่ะ ไนนีฟได้ใช้เวลาร่วมกับแมทและเอเลย์นเป็นส่วนใหญ่ พวกเขากำลังออกตามล่าหาลีอันดรินและเอจาห์ดำ (Black Ajah) ด้วยกัน จนทำให้พวกเขากลายเป็นทีมที่เข้าขากันได้ดี โดยมีมินร่วมทางด้วย

ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครของคุณกับลานเปลี่ยนไปอย่างไรตั้งแต่ซีซันสอง

สำหรับลานกับไนนีฟ เราจะได้เห็นพวกเขาเติบโตและมีมุมมองที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เมื่อทั้งคู่ต้องยอมรับสถานการณ์และจุดที่พวกเขายืนอยู่ในชีวิต แม้จะรู้ดีว่าความรักระหว่างพวกเขานั้นคือรักแท้ แต่มันก็เป็นเรื่องของการพบคนที่ใช่ในเวลาที่ผิด วิธีที่พวกเขายอมรับสถานการณ์ของตัวเองเป็นสิ่งที่งดงามมาก พวกเขาเคารพซึ่งกันและกันมาก และมันให้ความรู้สึกถึงความสัมพันธ์แบบผู้ใหญ่จริงๆ

 

EGWENE AL’VERE (เอเกว็น อัลเวียร์) รับบทโดย MADELEINE MADDEN (เมเดอลีน แมดเดน)

หลังจากถูกลีอันดรินหักหลังและจับตัวมาขังไว้ เอเกว็นก็ถูกยกให้ชอนชัน (Seanchan) ให้เป็นดามาเน (damane) หรือหญิงที่ชอนชันใช้เป็นทาส จนเมื่อเกิดศึกที่ฟาล์ม (Falme) เอเกว็นสามารถปลดปล่อยตนเองได้สำเร็จ และได้สังหารเร็นนา ซูลดัม ผู้ที่กักขังเธอไว้ จากนั้นเธอได้เผชิญหน้าและต่อสู้กันอย่างสูสีกับอิชามาเอลเพื่อปกป้องแรนด์ จนกระทั่งพันธมิตรของพวกเขาเข้ามาช่วย เมื่อร่วมมือกัน พวกเขาจึงสามารถโค่นอิชามาเอลสำเร็จ และได้เห็นช่วงเวลาที่แรนด์ถูกประกาศให้เป็นมังกรจุติ

บทสัมภาษณ์

อะไรคือความแตกต่างที่สำคัญที่สุดของเอเกว็น ระหว่างซีซั่นสองและสาม

ซีซั่นสองถือเป็นซีซั่นที่กำหนดเส้นทางและตัวตนของเอเกว็นค่ะ เรามักได้ยินว่าเอเกว็นเป็นคนที่ไม่อ่อนแอ แข็งแกร่ง และล้มแล้วลุกขึ้นมาได้เสมอ แต่ฉันคิดว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น และก็ได้เห็นสิ่งนั้นในตอนที่หก “Eye Without Pity (แววตาไร้ปรานี)” ซึ่งเขียนบทโดย แรมมี พาร์ค (Rammy Park) มันเป็นตอนที่ยอดเยี่ยมมาก การได้ มายา เวอร์วิลโล (Maja Vrvilo) มากำกับก็วิเศษมาก เพราะเธอเปิดโอกาสให้เราได้เล่นและสำรวจมุมมืดของโลกในซีรีส์ โดยเฉพาะโครงสร้างภายในกองทัพชอนชัน อีกทั้งยังเป็นอีกซีซั่นที่ยากลำบากในการถ่ายทำแต่ฉันก็สนุกกับความท้าทายนี้ เพราะมันเป็นสิ่งที่ฉันอยากทำมาตลอด ฉันรู้มาตลอดว่าเอเกว็นมีด้านนี้อยู่ และการได้ตีความและแสดงมันออกมาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับฉัน โดยเฉพาะเมื่อมาถึงจุดที่เราพบเอเกว็นในตอนต้นของซีซั่นสาม เธอยังคงมีบาดแผลจากความทรมานที่เธอเจอในคอกที่คุมขัง ฉันมักจะบอกว่าเอเกว็นยังเป็นมือใหม่ของโลกนั้น และเธอเรียนรู้จากทุกสถานการณ์ที่เธอต้องเผชิญ เธอได้เรียนรู้อะไรมากมายจากประสบการณ์และช่วงเวลาที่อยู่กรงขังแห่งนั้น

ความสัมพันธ์ของคุณกับแรนด์เปลี่ยนไปอย่างไรจากซีซั่นก่อนหน้านี้

ซีซั่นสองจบลงตรงที่แรนด์กับเอเกว็นอยู่บนยอดหอคอยที่ฟาล์ม ที่ซึ่งแรนด์พบเอเกว็นในสภาพที่ถูกทำร้ายอย่างสาหัส มีหลายสิ่งที่พวกเขาต้องทำความเข้าใจ มันค่อนข้างสำคัญสำหรับโยชา สตราดอฟสกี (Josha Stradowski) และสำหรับฉันที่ต้องทำให้ความสัมพันธ์นี้รู้สึกแตกต่างจากซีซั่นหนึ่ง สิ่งที่ฉันประทับใจคือตัวละครทั้งสองพยายามมองหาความสบายใจและที่พึ่งพิงในตัวกันและกัน แต่พวกเขามีความลับต่อกันและมีเส้นทางชีวิตที่ต่างกัน มันอาจเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่าเจ็บปวดที่สุดเมื่อคุณรักใครคนหนึ่งจริงๆ แต่ความสัมพันธ์มันไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป คุณต่างกำลังมองหาสิ่งที่แตกต่างจากชีวิต ดังนั้นเราจึงจะได้เห็นพวกเขาในความสัมพันธ์ที่มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์ของพวกเขาด้วย

PERRIN AYBARA (เพร์ริน ไอบารา) รับบทโดย MARCUS RUTHERFORD (มาร์คัส รูเทอร์ฟอร์ด)

เพร์รินออกเดินทางเพื่อตามล่าพาดาน เฟน (Padan Fain) ชายผู้ชักนำโทรลลอคมาที่ทูริเวอร์สและเป็นต้นเหตุให้ภรรยาของเขาต้องจบชีวิตลง ในขณะที่โลยัล (Loial) และเพื่อนใหม่ชาวไชนาร์ของเพร์ริน ถูกพวกชอนชัน (Seanchan) จับตัวไป ทำให้เพร์รินต้องเดินทางข้ามทวีปเพื่อช่วยเหลือพวกเขา และได้ค้นพบว่าตนเองเป็นหนึ่งในพี่น้องหมาป่า (wolfbrother) บุคคลผู้มีพลังโบราณพิเศษ ที่มีประสาทสัมผัสเหนือมนุษย์แบบหมาป่า และสามารถสื่อสารกับพวกมันได้

บทสัมภาษณ์

เพร์รินต้องเผชิญกับอะไรบ้างในซีซั่นสาม

เขาเริ่มรู้สึกอิ่มตัวกับการผจญภัย จึงตัดสินใจกลับบ้านที่ทูริเวอร์ส แต่เมื่อเขากลับมาถึงความวุ่นวายก็เริ่มต้นขึ้น เขาตระหนักได้ว่าแม้เขาจะกลับมาเพื่อหาความสงบและความสบายใจ แต่ความวุ่นวายกลับติดตามเขามาด้วย อันตรายแฝงตัวอยู่ในหมู่ผู้คนที่เขารักและเติบโตมาด้วยกัน พวกเขาหันมาพึ่งพาเพร์รินในฐานะผู้นำ และนั่นคือความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดของเพร์ริน เขายังคงรู้สึกผิดในใจมาโดยตลอด แต่แล้วจู่ๆ เขากลับต้องมานำพาคนของเขาผ่านช่วงเวลาแห่งความยากลำบาก ในซีซั่นหนึ่งและซีซั่นสอง เพร์รินยินดีที่จะปล่อยให้แรนด์, ไนนีฟ และแม้แต่เอเกว็นเป็นจุดสนใจ แต่ในซีซั่นนี้ มันเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่เราจะได้เห็นเขาก้าวขึ้นมารับบทบาทผู้นำ

คุณตื่นเต้นกับอะไรที่แฟนๆจะได้เห็นที่สุด เมื่อซีซั่นสามสตรีมทาง Prime Video

แฟนๆ จะต้องตื่นตาตื่นใจแน่นอนครับ การเปลี่ยนแปลงจากซีซั่นหนึ่งไปซีซั่นสองว่ายิ่งใหญ่แล้ว ซีซั่นนี้ยกระดับขึ้นไปอีกสิบเท่า มีวัฒนธรรมและตัวละครใหม่ๆ ที่นำมาซึ่งสุนทรียภาพที่แปลกใหม่โดยสิ้นเชิง แต่ก็ยังคงเคารพและให้เกียรติเนื้อหาในนิยายต้นฉบับเอาไว้ ในแบบที่แฟนๆ จะต้องชื่นชอบ โดยเฉพาะในเส้นเรื่องของผมเอง รวมถึงเส้นเรื่องของ Tanchico และ Rhuidean หลายฉากที่แฟนๆ ชื่นชอบในหนังสือ ได้รับการถ่ายทอดออกมาในซีรีส์ได้อย่างลงตัวในเรื่องราวและตัวละครทั้งหมด และยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมายในซีซั่นสามที่แฟนๆ จะต้องหลงรัก

 

MATRIM ‘MAT’ CAUTHON (แมทริม ‘แมท’ โคธัน) รับบทโดย DÓNAL FINN (โดนัล ฟินน์)

แมทหนีออกจากที่คุมขังที่ ลีอันดริน (Liandrin) จับเขาขังเอาไว้ และออกเดินทางร่วมกับเพื่อนนักโทษอย่าง มิน (Min) ผู้หยั่งรู้อนาคต ทว่าแมทไม่ล่วงรู้เลยว่า มินทำงานให้กับลีอันดรินและอิชามาเอล (Ishamael) อีกทั้งเธอยังเคยเห็นนิมิตว่าเขาจะเป็นผู้ปลิดชีพมังกรจุติ อิชามาเอลพาตัวเขาไปยังฟาล์ม (Falme) แต่แมทสามารถหลบหนีออกมาได้ และเป่า ‘แตรแห่งวาเลียร์’ (Horn of Valere) เรียกเหล่าวีรชนผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตให้มาช่วยต่อสู้กับชอนชัน (Seanchan) พร้อมทั้งผูกมัดพลังของแตรศักดิ์สิทธิ์ไว้กับตัวเอง

บทสัมภาษณ์

สภาวะอารมณ์ของแมทหลังจากเป่าแตรแห่งวาเลียร์ในซีซั่นสองเป็นอย่างไร

ในช่วงต้นของซีซั่นสาม แมทกำลังตื่นเต้นกับการเป่าแตรแห่งวาเลียร์อยู่ เขาเฉลิมฉลองให้กับความรู้สึกมีจุดมุ่งหมายใหม่ในชีวิตและสถานะที่เขามี เขาเพลิดเพลินกับผลประโยชน์ที่มาพร้อมกับสถานะนั้น แต่มันก็มาพร้อมกับผลกระทบเช่นกัน การเป่าแตรแห่งวาเลียร์ส่งผลให้แมทได้รับความทรงจำจากวีรชนในอดีต ได้เห็นชีวิตและการต่อสู้ของพวกเขา ซึ่งเท่ากับว่าเขาได้รับช่วงต่อบาดแผลทางจิตใจจากวีรชนหลายชั่วอายุ นี่เป็นประสบการณ์ที่หลอกหลอนเขาอย่างแสนสาหัส ดังนั้นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของแมทในซีซั่นนี้ก็คือ การหาทางปลดปล่อยตัวเองจากความทรงจำเหล่านั้น

คุณรู้สึกอย่างไรบ้างกับการได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ The Wheel of Time ที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก

ตอนแรกผมค่อนข้างกังวลที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของผลงานที่มีแฟนคลับจำนวนมากเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะนักแสดงใหม่ที่เข้ามารับบทแทนคนเดิม ก่อนที่ผลงานของผมจะถูกเผยแพร่ ผมมีความรู้สึกกังวลและประหม่าอยู่บ้าง แต่สุดท้ายแล้วผมรู้สึกโชคดีมากตอนที่มีโอกาสไปงาน New York Comic Con, งาน CCXP Expo ที่เซาเปาโล การได้อยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยแฟนๆ ที่รักและให้ความสำคัญกับซีรีส์มากขนาดนี้ เป็นโอกาสที่หาได้ยากและพิเศษมากสำหรับนักแสดง ที่ได้เห็นว่าสิ่งที่เราทำนั้นมีความหมายต่อผู้คนขนาดไหน ผมมีความสุขมากและดีใจที่ได้มอบประสบการณ์นั้นให้กับพวกเขา แฟนๆ ของ The Wheel of Time ให้การสนับสนุนพวกเรามากๆ และผมก็รู้สึกขอบคุณมากจริงๆ ครับ

ELAYNE TRAKAND (เอเลย์น ทราคานด์) รับบทโดย CEARA COVENEY (เคียรา โคฟนีย์)

ธิดารัชทายาทแห่งอันดอร์ (Andor) และศิษย์ฝึกหัดของอายเซได (Aes Sedai) ที่หอคอยขาว เอเลย์นถูกจับกุมพร้อมไนนีฟ (Nynaeve) และเอเกว็น (Egwene) ก่อนจะถูกพาตัวไปยังฟาล์ม (Falme) เธอกับไนนีฟสามารถหนีออกจากเงื้อมมือของชอนชัน (Seanchan) มาได้ และพยายามก้าวข้ามความขัดแย้งระหว่างกันเพื่อช่วยเหลือเอเกว็น นอกจากนี้ เอเลย์นยังเป็นผู้รักษามังกรจุติ หลังจากที่แมททำร้ายเขาโดยไม่ตั้งใจอีกด้วย

บทสัมภาษณ์

การได้เจาะลึกถึงตัวละครเอเลย์นในซีซั่นสามเป็นอย่างไรบ้าง

มันสนุกมากที่ได้เจาะลึกไปในโลกของ เอเลย์น ทราคานด์ ในซีซั่นที่สามนี้ และได้สำรวจตัวตนของเธอลึกขึ้น เราจะได้เห็นถึงพื้นเพของเธอมากขึ้น เพราะในซีซั่นสองที่เราได้พบกับเธอ เอเลย์นอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ที่เธอไม่คุ้นเคยเลย โลกใบนี้แตกต่างจากโลกที่เธอเคยรู้จักมาโดยสิ้นเชิง ดังนั้นมันจึงยอดเยี่ยมมากที่ได้ผสมผสานทั้งสองสิ่งเข้าด้วยกัน และได้เห็นเธอต่อสู้ระหว่างสองโลกที่แตกต่างกัน รวมถึงแรงดึงดูดสองด้านในชีวิตของเธอ

เอเลย์นมีพัฒนาการอย่างไรบ้าง ตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เราเห็นเธอในซีซั่นสอง

ในซีซั่นสองเอเลย์นเพิ่งออกจากวังมา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ออกไปใช้ชีวิตอย่างอิสระที่หอคอยขาว และนี่คือที่ที่เธอเริ่มเรียนรู้การเป็นอายเซได ในฐานะศิษย์ฝึกหัด ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง อย่างที่เราเห็น เธอถูกจับตัวไปจากหอคอยและตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเอาตัวรอด เธอต้องร่วมมือกับไนนีฟ ผู้ที่ทั้งสนับสนุนและท้าทายเธอไปพร้อมกัน แม้ว่าทั้งสองจะขัดแย้งกันอยู่บ่อยครั้ง แต่พวกเธอก็ช่วยเหลือกันผ่านเหตุการณ์อันน่าหวาดหวั่นมาได้ ประสบการณ์ในไร่ทำให้โลกของเอเลย์นเปิดกว้างขึ้น และเธอได้เห็นโลกในมุมมองที่แตกต่างออกไป และนี่คือจุดเริ่มต้นที่เราจะได้พบในซีซั่นที่สาม เธอผ่านประสบการณ์เฉียดตายมา ไม่เพียงแค่รอดชีวิต แต่เธอยังแข็งแกร่งขึ้น และเธอยังได้รักษามังกรจุติ อีกทั้งช่วยเพื่อนของเธอให้รอดพ้นจากการถูกจับกุม และนั่นทำให้เธอไม่เพียงรับรู้ถึงจุดแข็งของตัวเอง แต่ประสบการณ์นี้ยังเผยให้เธอเห็นจุดอ่อนของตัวเองด้วยเช่นเดียวกัน ในซีซั่นที่สามนี้ เอเลย์นตระหนักว่ายังมีอีกหลายสิ่งที่เธอต้องทำ เพื่อจะเป็นราชินีในแบบที่เธอต้องการจะเป็น

 

คู่มือศัพท์เฉพาะของ The Wheel of Time

  1. อายเซได (Aes Sedai) ผู้หญิงที่เป็นสมาชิกของกลุ่มภราดรภาพอันทรงพลัง และสามารถเข้าถึงพลังเอก (The One Power) ได้
  2. พลังเอก (The One Power) แหล่งพลังเวทมนตร์ในโลกนี้ แบ่งออกเป็นฝ่ายชาย (saidin) และฝ่ายหญิง (saidar)
  3. มังกรจุติ (The Dragon Reborn) บุคคลตามคำทำนายที่ชะตากำหนดให้เป็นผู้กอบกู้หรือทำลายโลก
  4. ผู้พิทักษ์ (Warder) นักรบที่ผูกพันกับอายเซได โดยทำหน้าที่เป็นทั้งผู้ปกป้องและเพื่อนของเธอ
  5. เจ้าอนธการ (The Dark One) ตัวตนชั่วร้ายที่พยายามหนีจากคุกเพื่อควบคุมและทำลายโลก
  6. โทรลลอค (Trollocs) สิ่งมีชีวิตคล้ายปิศาจที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อรับใช้เจ้าอนธการ
  7. ภูติเงา (The Fades / Myrddraal) สิ่งมีชีวิตไร้ดวงตาน่าสะพรึงกลัวซึ่งนำทัพโทรลลอค
  8. กระสวนเวลา (The Pattern) กระแสของความจริง ซึ่งถักทอด้วยวงล้อแห่งกาลเวลา

 

สถานที่ในซีรีส์ The Wheel of Time

  1. ทูริเวอร์ส (The Two Rivers) หมู่บ้านชนบทที่เป็นบ้านเกิดของตัวละครหลัก
  2. ทาร์วาลอน (Tar Valon)ที่ตั้งของหอคอยขาว และศูนย์กลางอำนาจของเหล่าอายเซได
  3. หอคอยขาว (The White Tower)อาคารศูนย์กลางในทาร์วาลอนที่เหล่าอายเซไดปกครอง ฝึกวิชา และอาศัยอยู่
  4. ชาดาร์โลกอธ (Shadar Logoth)เมืองร้างต้องคำสาปที่มีประวัติศาสตร์อันมืดมน
  5. แดนมรณะ (The Blight)ดินแดนเสื่อมโทรมไกลโพ้นทางเหนือ เป็นบ้านของสิ่งมีชีวิตอันตราย และอยู่ใกล้กับคุกของเจ้าอนธการ
  6. ฟาลดารา (Fal Dara)เมืองป้อมปราการบนชายแดนของแดนมรณะ
  7. มรรคา (The Ways)เส้นทางโบราณลึกลับที่ช่วยให้เดินทางได้รวดเร็ว แต่เป็นสถานที่ที่มืดมิดและอันตราย
  8. ฟาล์ม (Falme)เมืองท่าจากซีซั่นที่สอง ที่ซึ่งเหตุการณ์สำคัญจากหนังสือถูกทำนายว่าจะเกิดขึ้น
  9. อันดอร์ (Andor)ประเทศที่เก่าแก่ที่สุด ใหญ่ที่สุด และมีอำนาจที่สุดในดินแดนตะวันตก ปกครองโดยราชินีมอร์เกส ทราคานด์

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า