SHARE

คัดลอกแล้ว

‘Climate Game กติกาสากลของโลก ก้าวสำคัญสู่ความยั่งยืน’  

ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในบุคคลสำคัญที่เป็นหัวเรือหลักในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเพื่อพาธุรกิจและประเทศไทยคว้าชัยชนะ ในเกมกติกาใหม่ของโลกนี้ให้สำเร็จคือ CEO  

‘ดร.กรินทร์ บุญเลิศวณิชย์’ รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย ในฐานะผู้สนับสนุนและที่ปรึกษาหลักสูตร Net Zero CEO ซึ่งจัดโดยสถาบันคาร์บอนเพื่อความยั่งยืน (CBiS) กล่าวว่า ธนาคารกสิกรไทย มุ่งมั่นสนับสนุนลูกค้าทุกกลุ่ม โดยเฉพาะลูกค้าธุรกิจที่มีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เพื่อช่วยให้สามารถปรับตัวตามกฏระเบียบและกติกาโลกใหม่ ที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ  ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อทุกธุรกิจ การเปลี่ยนผ่านนี้ทำให้ธนาคารมองถึงบทบาท ที่สามารถช่วยสนับสนุนลูกค้าได้มากกว่าแค่การให้สินเชื่อ โดยที่ผ่านมา KBank ได้สนับสนุนผ่านผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เช่น Green Loan, Green Bond และสินเชื่อธุรกิจเพื่อลดคาร์บอน พร้อมทั้งพัฒนาโซลูชั่นใหม่ ๆ สำหรับผู้ประกอบการ

KBank มองว่าธุรกิจไม่ได้ต้องการเพียงเงินทุน แต่ยังต้องการความเข้าใจในสิ่งที่ถูกต้อง เหมาะสม และเป็นประโยชน์ในระยะยาว รวมถึงความสามารถในการเลือกพันธมิตรหรือผู้ให้บริการที่เหมาะสม ธนาคารจึงมุ่งเน้นการสร้างองค์ความรู้และสนับสนุนทั้งในด้านการเงินและการพัฒนาธุรกิจเพื่อช่วยให้ลูกค้าเติบโตอย่างยั่งยืนพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

ธนาคารกสิกรไทย เล็งเห็นถึงความสำคัญนี้ จึงสนับสนุนหลักสูตร ‘Net Zero CEO’ ซึ่งจัดขึ้นโดยสถาบันคาร์บอนเพื่อความยั่งยืน (CBiS) และคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นสถาบันที่เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืนระดับแถวหน้าของประเทศ โดยธนาคารได้ร่วมพัฒนาหลักสูตรที่ผนวกความรู้ความเข้าใจด้านเศรษฐศาสตร์เข้ากับความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งยังร่วมเป็นวิทยากรให้ความรู้เรื่อง Green Finance พร้อมแชร์ประสบการณ์เส้นทางการปรับเปลี่ยนสู่งธุรกิจคาร์บอนต่ำของ KBank เพื่อเป็นกรณีศึกษาให้แก่ผู้เรียนในหลักสูตรนี้ด้วย 

‘ดร.กรินทร์’ กล่าวถึง ความโดดเด่นของหลักสูตร Net Zero CEO ไว้ดังนี้ 

[1.] การผสมผสานความรู้ (Integrator) : หลักสูตรนี้มีการบูรณาการทั้ง Hard Science ที่ช่วยปูพื้นฐานให้เข้าใจถึงกลไกการเกิดก๊าซเรือนกระจกต่างๆ อัพเดทความก้าวหน้าของเทคโนโลยีด้าน Climate รวมถึง Soft Science ที่เสริมความรู้ด้านกฏหมายข้อบังคับต่างๆ และเรียนรู้ Business cases จากองค์กรแถวหน้าด้าน Climate ในหลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจครบทุกมิติของการดำเนินงานด้าน Net Zero อีกทั้งหลักสูตรยังเน้นการเข้าถึงความรู้ด้านการเงินสีเขียว ที่ถือเป็นเรื่องใหม่ พร้อมเติมบทเรียนด้าน Leadership skills ให้ผู้บริหารพร้อมลงมือปฏิบัติอีกด้วย ซึ่งหลักสูตรถูกออกแบบโดยการผสานความเชี่ยวชาญและเครือข่ายจากทั้งทาง CBiS และ KBank ทำให้ได้พันธมิตรผู้เชี่ยวชาญชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศที่ดีที่สุดในแต่ละด้านมาเป็นวิทยากรในหลักสูตร

[2.] การออกแบบสำหรับผู้บริหาร (Executive Tailored Design) : หลักสูตรนี้ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับ ผู้บริหารระดับสูง (C-Level) โดยมุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือ  (Collaboration) มีการคัดเลือกผู้เรียนที่มี Passion เดียวกัน จากหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งภาครัฐและเอกชน ให้เกิด Ecosystem ที่พร้อมจะต่อยอดซึ่งกันและกัน หลักสูตรมีการกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อสนับสนุน collaboration อย่างการจัดให้มี Session Sharing ให้ผู้เรียนระดับแถวหน้าของประเทศได้แชร์และเรียนรู้ระหว่างกัน เพื่อให้เกิด cross-industry collaboration ที่ทำให้ผู้บริหารได้เกิดไอเดีย และมองเห็นโอกาสใหม่ๆ   และเข้าใจว่าองค์กรสามารถร่วมมือกับพันธมิตรต่าง ๆ ได้อย่างไร

[3.] ประสบการณ์จริง (Experience) : หลักสูตรนี้เน้นการให้ผู้เรียนได้เห็นและสัมผัสประสบการณ์จริงจากการดูงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ และการหมุนเวียนจัดคลาสนอกสถานที่ มากกว่า 10 แห่ง โดยการพาผู้บริหารไปพบกับผู้นำในด้าน Net Zero นี้ ช่วยให้เปิดโลกทัศน์ สร้างวิสัยทัศน์ (Vision) เกิดการตระหนักรู้ (Awareness) และ เชื่อมั่นว่าการดำเนินการดังกล่าว ไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ต่อตัวบริษัทเอง แต่ยังส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ซึ่งช่วยกระตุ้นให้ผู้บริหารตัดสินใจที่จะนำองค์กรเข้าสู่ Net Zero อย่างจริงจัง 

โดยจุดมุ่งหมายของหลักสูตรคือ การทำให้ผู้เข้าร่วมรู้สึกว่าตนเองแตกต่าง จากเดิม โดยการได้รับองค์ความรู้ใหม่ ได้เห็นความก้าวหน้าและ Painpoint ในต่างอุตสาหกรรม ที่สามารถนำไปต่อยอดจริงในองค์กร รวมถึงการสร้างพันธมิตรใหม่ที่มีเป้าหมายเดียวกัน ที่ช่วยเสริมสร้างความร่วมมือในด้านต่าง ๆ นอกจากนี้ยังเน้นให้ผู้เรียนแลกเปลี่ยนประสบการณ์และหา วิธีการแก้ปัญหาใหม่ ๆ ร่วมกัน ซึ่งเป็นการปรับทิศทางธุรกิจที่สำคัญสำหรับการดำเนินการสู่ Net Zero และมองเห็นภาพรวมของการขับเคลื่อนเป้าหมายในระดับประเทศ หลักสูตรนี้จึงทำให้ผู้เรียนไม่เพียงแค่ได้รับประสบการณ์และความร่วมมือจริง ๆ  เท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้บริหารระดับแถวหน้าของไทยได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเป้าหมาย Net Zero Emission ของประเทศอีกด้วย

[ มุมมอง 3 ผู้นำ : ความท้าทายในการนําพาธุรกิจเข้าสู่ Net Zero ]

‘วีรพล สวรรค์พิทักษ์’ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท อีมิแน้นท์แอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยถึงความท้าทายในการนำพาธุรกิจเข้าสู่เป้าหมาย Net Zero ของอีมิแน้นท์แอร์ ผู้นำด้านเครื่องปรับอากาศแบรนด์ไทย ที่มีประสบการณ์กว่า 48 ปี และส่งออกทั้งในประเทศและต่างประเทศ เนื่องจากเครื่องปรับอากาศเป็นหนึ่งในเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีส่วนทำให้โลกร้อน ผู้ผลิตจึงต้องมีความรับผิดชอบสูง อีมิแน้นท์แอร์เป็นบริษัทแรกในประเทศไทย ที่ได้รับทุนสนับสนุนจาก World Bank เมื่อ 10 ปีก่อน เพื่อเปลี่ยนมาใช้น้ำยาแอร์ R32 ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต่ำกว่าน้ำยารุ่นเดิม ปัจจุบัน เครื่องปรับอากาศที่บริษัทผลิตกว่า 200,000 เครื่องต่อปี ใช้น้ำยาแอร์ที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม 100%

นอกจากนี้ บริษัทกำลังมีแผนในการรีไซเคิลแอร์เก่าเพื่อนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ รวมถึงพัฒนามาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การดำเนินงานตามมาตรฐาน ISO 14064-1 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการ และรายงานการปล่อยคาร์บอนในระดับสากล  นับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ ที่อีมิแน้นท์แอร์มุ่งมั่นสู่เป้าหมาย Net Zero อย่างยั่งยืน

‘บุปผา กวินวศิน’ รองผู้ว่าการ (พัฒนาที่ยั่งยืน) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า กนอ. เป็นรัฐวิสาหกิจภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม มีบทบาทสำคัญในการจัดเตรียมพื้นที่และโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) สำหรับนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงส่งเสริมการลงทุน ดูแลสิทธิประโยชน์ และให้บริการแบบครบวงจรแก่ผู้ประกอบการ โดยเน้นการเป็นศูนย์บริการครบวงจร (One-Stop Service) ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเริ่มดำเนินธุรกิจในนิคมอุตสาหกรรมได้ทันที นอกจากนี้ ยังมีบทบาทในการกำกับดูแลด้านสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย ดูแลชุมชน ให้นิคมอุตสาหกรรมและโรงงานอุตสาหกรรมสามารถอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างยั่งยืน

ในยุคที่ความยั่งยืนกลายเป็นปัจจัยสำคัญ กนอ. ได้รับบทบาทเพิ่มเติมในการส่งเสริมผู้ประกอบการเข้าสู่ Net Zero เพื่อรับมือกับข้อกีดกันทางการค้าและความท้าทายของการดำเนินธุรกิจในระดับโลก การสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว (Green Transition to new Economy) จึงกลายเป็นภารกิจสำคัญ ในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการในตลาดโลก และสร้างความยั่งยืนให้กับประเทศ เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงและความท้าทายที่มาพร้อมกับการเข้าสู่เป้าหมาย Net Zero

‘สินีนุช  โกกนุทาภรณ์’ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (TEGH) ผู้นำธุรกิจเกษตรแปรรูป มุ่งเน้นพืชเศรษฐกิจหลักอย่างยางพาราและ ปาล์มน้ำมัน พร้อมขยายธุรกิจโมเดลใหม่ โดยนำกากของเสียอินทรีย์ มาผลิตเป็นพลังงานหมุนเวียน ผ่านโมเดล “TEGH Symbiosis” ที่สร้าง ประสิทธิภาพและความยั่งยืนในทุกกระบวนการ แม้ธุรกิจยางพาราใน Supply Chain ของยานยนต์ยังไม่ได้รับผลกระทบจาก CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) ของยุโรป แต่ TEGH ได้เตรียมพร้อมด้วยผลิตภัณฑ์ ที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนในอุตสาหกรรมยางล้อรถยนต์ได้ถึง 30% เมื่อเทียบกับคู่แข่ง

ภายใน 2 ปีหลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ TEGH สามารถคว้ารางวัล Best Sustainability และได้คะแนน AAA จาก SET ESG Rating สะท้อนถึงผลของการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นด้านการบริหารธุรกิจอย่างยั่งยืนที่ทำมาต่อเนื่องยาวนานกว่า 20 ปี และตอนนี้ เราพร้อมแล้วที่จะก้าวสู่ Net Zero อย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ TEGH ยังมีบทบาทในเครือข่าย Thailand Climate Business Network (ThaiCBN) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างธนาคารกสิกรไทย กับ 30 องค์กรชั้นนำทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ เชื่อมโยงการทำงานของทั้ง 5 ภาคส่วน ได้แก่  ภาครัฐ ภาคเอกชน  ภาคการศึกษา ภาคการเงินและการธนาคาร องค์กรและธุรกิจต่างประเทศ มุ่งเน้นการร่วมมือใน 5 กลุ่มงาน ได้แก่ Energy transition, Waste and circular economy, Agriculture, Technology, Public awareness & adoption โดย TEGH อยู่ในกลุ่มงานพัฒนาแนวทางปฏิบัติด้านการจัดการขยะ โดยใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดก่อนการกำจัด และกลุ่มการเกษตรและป่าไม้ที่มีเป้าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคเกษตรและป่าไม้ พร้อมให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วยและมองว่าเครือข่ายนี้เป็นช่องทางสำคัญในการสร้าง Collaboration และ Networking ระหว่างองค์กรต่าง ๆ โดยสามารถช่วยกันแลกเปลี่ยนมุมมองและแนวทางการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งสร้างความยั่งยืนให้ทั้งตัวองค์กรและพันธมิตร

[ โอกาส VS อุปสรรคของธุรกิจ สู่ Net Zero ]

‘วีรพล’ มองว่า Net Zero เป็นโอกาสสำคัญสำหรับองค์กรที่ปรับตัวเร็ว โดยเฉพาะในตลาดที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน (Sustainability) และการลดการปล่อยคาร์บอน การปรับตัวก่อนจะช่วยหลีกเลี่ยง Non-Tariff Barriers (NTBs) ที่ประเทศในยุโรปและตลาดที่มีมาตรการสิ่งแวดล้อมเข้มงวด ซึ่งส่งผลต่อการส่งออกสินค้า

แต่หากองค์กรไม่ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ โอกาสเหล่านี้ก็อาจกลายเป็น อุปสรรคได้ การรู้จัก Net Zero และ Sustainability อย่างลึกซึ้งเป็นสิ่งสำคัญ การเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมและข้อมูลที่ถูกต้องในแต่ละอุตสาหกรรมจะช่วยให้องค์กรคว้าโอกาสและสร้างความสำเร็จในการเดินทางสู่ Net Zero

‘บุปผา’ มองว่า การก้าวสู่ Net Zero มีอุปสรรคสำหรับบางโรงงานที่ต้องเผชิญกับ CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) โดยเฉพาะในด้านพลังงานสะอาด สำหรับ Scope 1 (การดำเนินการโดยตรงจากองค์กร) นั้นสามารถทำได้ แต่ใน Scope 2 (การใช้พลังงานสะอาด) ยังต้องการการสนับสนุนจากภายนอก เช่น พลังงานสะอาดที่เพียงพอ โดยเฉพาะในนิคมอุตสาหกรรมที่ต้องพัฒนา Climate Infrastructure เช่น การจัดการพลังงานและขยะ การข้ามผ่าน Scope 3 ก็ต้องการความร่วมมือจาก Supply Chain เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถลด Carbon Footprint ไปด้วยกัน Net Zero เป็นโอกาสในการเปลี่ยนผ่านสู่ New Economy ที่เน้นความยั่งยืน โดยการลด Carbon Footprint จะช่วยให้ธุรกิจมีขีดความสามารถในการแข่งขันและเป็นพันธมิตรที่ดีสำหรับบริษัทที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่มี Carbon Footprint ต่ำ การสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ (Ecosystem) ภายในนิคมเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการให้สามารถก้าวผ่าน Net Zero จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจดำเนินการได้อย่างยั่งยืน

‘สินีนุช’ มองว่า การก้าวสู่ Net Zero เป็นสิ่งที่ทุกองค์กรต้องทำ ถือเป็น “เงื่อนไขความอยู่รอด” ตามแรงกดดันของข้อกำหนดจากภาครัฐ (Regulation) รวมถึงความต้องการจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder) และ Supply Chain ที่ต้องการให้ทุกฝ่ายร่วมกันดำเนินการเพื่อลด Carbon Footprint โดยภาคธนาคารถือเป็นตัวอย่างหนึ่งขององค์กรที่ต้องพยายามผลักดัน Supply Chain ให้เข้าสู่ Net Zero เพื่อลดผลกระทบจาก Carbon Emission Scope 3 ของธนาคาร ซึ่งการมุ่งสู่ Net Zero จะสำเร็จต้องมีการบูรณาการเข้ากับ Business model หรือ Strategy ให้สามารถสร้างผลตอบแทนในระยะยาวให้ได้ กลยุทธ์ด้านความยั่งยืนยังช่วยสร้างความแตกต่างและความได้เปรียบในการแข่งขัน รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงทางธุรกิจในอนาคตได้ 

‘ดร.กรินทร์’ มองว่าโอกาสของธุรกิจในการก้าวสู่ Net Zero ประกอบด้วย 

[1.] โอกาสในการแข่งขัน : การปฏิบัติตามมาตรฐาน Net Zero จะช่วยให้ธุรกิจสามารถแข่งขันได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในตลาดที่เริ่มมีการกำหนด Carbon Tax หรือภาษีคาร์บอน หากธุรกิจสามารถปรับตัวและเข้าสู่ Net Zero ได้ก่อนจะช่วยลดภาษีคาร์บอนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันได้มากขึ้น

[2.] โอกาสในการสร้างมูลค่าบริษัท : การเปลี่ยนแปลงไปสู่ Net Zero ไม่เพียงแต่ช่วยในเรื่องของการลด Carbon Footprint แต่ยังช่วยเพิ่มศักยภาพในการเติบโตของบริษัท โดยเฉพาะในกลุ่มสตาร์ทอัพ เช่น ธุรกิจ Carbon Accounting Platform มูลค่าบริษัทตามยอดขาย (Sale multiple) จะสูงกว่าบริษัท Accounting Platform ที่ทำในธุรกิจทั่วไป เพราะนักลงทุนให้ความสำคัญกับการที่บริษัทมีทิศทางและสามารถบรรลุ Net Zero ได้ นักลงทุนมองว่าเรื่องนี้สามารถสร้างผลตอบแทนในระยะยาว ทำให้มูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้นได้

การก้าวสู่ Net Zero ธุรกิจ Sector ที่ได้รับผลกระทบที่สุดคือ SMEs เพราะ มีอุปสรรคหลายด้าน ได้แก่ ไม่มีเครื่องมือและความรู้ในการคำนวณและรายงาน Carbon Emissions ที่ถูกต้อง ไม่มีเทคโนโลยีที่รองรับการเปลี่ยนแปลง รวมถึงต้นทุนในการปรับตัวที่สูง โดยเฉพาะในธุรกิจที่มีข้อจำกัดทางการเงิน อีกทั้งยังมีความท้าทายอีกด้านคือการที่ SMEs เป็นส่วนหนึ่งใน Supply Chain ซึ่งก็จะพบว่าทุกวันนี้บริษัทใหญ่ๆ จะพิจารณาทำการค้าหรือเลือก Suppliers ที่สามารถรายงาน Carbon Emissions ได้ นั่นก็ทำให้ SMEs ต้องเร่งปรับตัวตามความต้องการใหม่ของคู่ค้ารายใหญ่ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สร้างผลกระทบต่อทั้ง Supply Chain นอกจากนี้ SMEs ยังขาดการสนับสนุนภาครัฐและเอกชน รวมถึงยังขาดแคลนแหล่งเงินทุนและเครื่องมือทางการเงิน สำหรับการลงทุนใน Green Technology ซึ่งธนาคารกสิกรไทยเองก็พยายามเข้ามาช่วยสนับสนุนในส่วนนี้ ทั้งการให้เงินทุน องค์ความรู้ และเครื่องมือในการคำนวณคาร์บอน เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นไปได้อย่างยั่งยืน ‘ดร.กรินทร์’ กล่าว 

[ บทบาทสำคัญของ CEO เพื่อมุ่งสู่ Net Zero ]

‘วีรพล’ มองว่า CEO มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการนำองค์กรไปสู่ Net Zero เพราะเป็นผู้กำหนดทิศทางและนโยบายขององค์กร ดังนั้นหาก CEO ไม่เข้าใจและไม่พร้อมในเรื่องของ Net Zero หรือ Sustainability ก็จะไม่สามารถผลักดันองค์กรไปในทิศทางที่ถูกต้องได้ หลักสูตร Net Zero CEO ช่วยให้ CEO ได้เรียนรู้ทั้งในภาพรวมและรายละเอียดของ Net Zero และ Sustainability โดยการทำความเข้าใจบริบทและข้อมูลจากหลายแหล่ง สามารถตัดสินใจได้ถูกต้องและนำพาองค์กรไปสู่เป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

‘บุปผา’ มองว่า CEO เป็นบุคคลที่มีความสำคัญในการพาองค์กรมุ่งสู่ Net Zero  โดยที่ CEO จำเป็นต้องมีความเข้าใจในภาพรวมทั้งขององค์กร รวมถึง Ecosystem และ supply chain ที่เกี่ยวข้อง สามารถเป็นผู้นำและเชื่อมโยงความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ถึงจะสามารถพาองค์กรมุ่งสู่ Net Zero ได้สําเร็จ  

‘สินีนุช’ มองว่า หลักการสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนองค์กรให้เกิดการเปลี่ยนแปลง คือ Tone from the Top ซึ่งหมายความว่า CEO ต้องเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และความเข้าใจในทิศทางของ Net Zero และ Green Transformation หรือการเปลี่ยนแปลงสู่ความยั่งยืน พร้อมกันนี้ CEO ต้องมีบทบาทเป็น Role Model ให้กับพนักงาน โดยการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ในการลงมือทำและสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงในองค์กร ให้เกิดขึ้นอย่างจริงจังและมีประสิทธิภาพ 

[ ทำไมต้องเป็นหลักสูตร Net Zero CEO เท่านั้น ]

‘วีรพล’ มองว่า หลักสูตร Net Zero CEO โดดเด่นใน 3 ด้านหลักคือ 

[1.] ความใหม่ : หลักสูตรนี้เป็นหลักสูตรแรกที่ร่วมมือกันระหว่างจุฬาฯ และกสิกรไทย โดยเน้นการเรียนรู้ในหัวข้อที่ทันสมัยเกี่ยวกับ Net Zero และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งตอบโจทย์การเตรียมพร้อมสำหรับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

[2.] ความกว้าง : ครอบคลุมเนื้อหาหลากหลาย เช่น Cabon Credit, Net Zero Model และการเติบโตที่ยั่งยืน โดยมีวิทยากรระดับประเทศจากหลายสถาบันมาให้ความรู้ ทำให้ผู้เรียนได้รับข้อมูลที่ครอบคลุมและเป็นประโยชน์

[3.] ความสบายใจ: การเรียนในหลักสูตรนี้เปิดโอกาสให้ผู้เรียนสร้างความสัมพันธ์และทำ Networking กับเพื่อนร่วมหลักสูตรและวิทยากรในบรรยากาศที่เป็นกันเอง ทำให้การเรียนรู้เป็นไปอย่างสบายใจและมีความสุข

“ผมคิดว่าถ้าคุณอยากรู้ คุณต้องมาเรียน 

ถ้าคุณรู้อยู่แล้ว คุณก็จะรู้มากขึ้น

แล้วถ้าคุณคิดว่าคุณรู้ทุกอย่างแล้ว คุณอาจจะพบว่าคุณไม่ใช่คนที่รู้ทุกอย่าง 

หลักสูตร Net Zero CEO ทำให้คุณ Wow ได้อีก”

‘วีรพล สวรรค์พิทักษ์’ กล่าวทิ้งท้าย 

‘บุปผา’ มองว่า หลักสูตร Net Zero CEO นั้นตอบโจทย์การเรียนรู้เกี่ยวกับ Climate Change และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ด้วยการรวมองค์ความรู้จากหลายแหล่ง รวมถึงตัวอย่างความสำเร็จในการดำเนินการจริง ในด้านนี้ หลักสูตรนี้มุ่งเน้นที่การเรียนรู้ทั้งด้านกฎหมาย การรายงาน และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ที่เกี่ยวข้องกับ Net Zero และยังช่วยให้เข้าใจความสำคัญของ Finance ได้ดียิ่งขึ้น สิ่งที่โดดเด่นของ หลักสูตร Net Zero CEO  คือ การเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้สร้าง Networking  การร่วมระดมสมองทำให้ได้มุมมองที่หลากหลาย และเป็นประโยชน์ในการทำงานจริง หลักสูตรนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญในการเข้าใจปัญหาสภาพภูมิอากาศ การสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน และการทำงานร่วมกันในภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนและตอบโจทย์การพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคต

“กนอ. ได้นำเอาโจทย์จริงของหน่วยงาน มาแชร์ในหลักสูตร

โดยได้ผู้บริหารซึ่งถือเป็นระดับแนวหน้าด้าน Net Zero มาช่วยกันคิด

สุดท้ายได้ออกมาเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายให้แก่ กนอ.

ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้จริง เป็นประโยชน์ต่อประเทศอย่างมาก

เชื่อว่าโอกาสที่จะได้ผู้บริหารเหล่านี้มาช่วยกันแก้โจทย์ให้ภาครัฐแบบนี้หาได้ยากมาก ๆ”

‘บุปผา กวินวศิน’ กล่าวทิ้งท้าย 

‘สินีนุช’  พูดถึง เหตุผลที่เข้าร่วมหลักสูตร Net Zero CEO เพราะ ตอบโจทย์ได้ชัดเจนในสองประเด็นหลัก 

[1.] ความเชื่อมั่นในความตั้งใจของธนาคารกสิกรไทย :  ซึ่งเป็นองค์กรที่มีความตั้งใจและความมุ่งมั่นในการทำงานด้าน Climate Change และการบรรลุเป้าหมาย Net Zero เป็นธนาคารที่โดดเด่นในเรื่องนี้ จึงสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจให้กับผู้เรียน

[2.] เนื้อหาหลักสูตรตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการ : หลักสูตรนี้เน้นที่ Climate Mitigation และ Climate Adaptation ซึ่งเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการลดคาร์บอนและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ หลักสูตรจึงตอบโจทย์ผู้ประกอบการที่สนใจหรือให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการทำงานเพื่อบรรลุ Net Zero

“หลักสูตร Net Zero CEO รวม CEO จากหลากหลายธุรกิจที่มีเป้าหมายเดียวกัน 

สร้าง Ecosystem ที่สนุก เกิดองค์ความรู้ใหม่ ๆ ต่อยอดได้จริง  

และสร้างโอกาสให้ Collaboration กับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ เพื่อก้าวสู่ Net Zero ร่วมกัน”

‘สินีนุช  โกกนุทาภรณ์’ กล่าวทิ้งท้าย

 

‘ดร.กรินทร์’ กล่าวถึง แผนการต่อยอดหลักสูตรของ KBank เพื่อรองรับการพัฒนาและขยายผลของการมุ่งสู่ Net Zero ตามเป้าหมายประเทศ 

หลังจากหลักสูตร Net Zero CEO รุ่นแรกจบลงไป เราได้เห็นแล้วว่าผู้เรียนมี Awareness และ Collaboration มากขึ้นแล้ว จึงนำมาหารือกับทาง CBiS เพื่อต่อยอดพัฒนาให้ Net Zero CEO รุ่นที่ 2 โดยจะมุ่งเน้นการสร้าง Ecosystem ของผู้บริหารในหลักสูตรให้ใหญ่ขึ้น สร้างความร่วมมือระหว่างรุ่น ต่อยอดซึ่งกันและกันไปให้ไกลกว่าเดิม นอกจากนี้ยังเน้นเนื้อหาและประสบการณ์จริงที่เข้มข้นขึ้นอีกด้วย โดยเรามีเป้าหมายว่าหลักสูตรนี้จะต้องทำให้เกิดโปรเจคความร่วมมือที่สร้างโอกาสทางธุรกิจ หรือสร้างผลกระทบเชิงบวกให้ประเทศได้จริง และวัดได้อีกด้วย

นอกจากนี้ธนาคารยังเตรียมสนับสนุนการออกแบบหลักสูตร Net Zero Leader สำหรับผู้บริหารระดับถัดลงไป เช่น หัวหน้าฝ่าย หรือผู้บริหารระดับกลาง ที่ดูแลด้าน Supply Chain, Strategy, New Business, Sustainability และ ฟังก์ชั่นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Net Zero เพื่อให้ความรู้เฉพาะทาง และ Know-how ที่ใช้ในการดำเนินการจริง ต่อยอดวิสัยทัศน์ใหม่ของผู้บริหารสู่การลงมือทำ ในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หลักสูตรทั้งสองจะพัฒนาคู่กัน โดยให้ CEO เข้าใจและตระหนักรู้ผ่านประสบการณ์จริง และการร่วมงานกับพันธมิตร ขณะที่ Net Zero Leader จะมุ่งเน้นการให้ความรู้ เฉพาะทาง และ Know-how เช่น การคำนวณ Carbon Footprint  เพื่อให้นำไปใช้ได้จริงในองค์กร และสามารถดำเนินโครงการ Net Zero ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แผนการพัฒนานี้จะช่วยให้ KBank สามารถผลักดันให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมาย Net Zero อย่างครอบคลุมในทุกระดับ

สำหรับผู้ที่สนใจร่วม Transform สู่การเป็นธุรกิจคาร์บอนต่ำ สามารถติดตามข่าวสารการรับสมัครหลักสูตร Net Zero CEO ได้ที่ https://netzeroceothailand.kasikornbank.com

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า