SHARE

คัดลอกแล้ว

นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาค่าเงินบาทไทยแข็งค่ามาสักพัก ที่เป็นเช่นนี้เพราะอานิสงส์จากราคาทองคำที่พุ่งขึ้นสูงในช่วงที่สถานการณ์โลกไม่ปกติ 

ทีนี้ถ้าเรามาดูข้อมูลจะพบว่าปีนี้เงินบาทแข็งค่าขึ้นราว 1.2% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งมากกว่าสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชีย มีนักกลยุทธ์เตือนว่าบาทแข็งค่าอาจแค่ชั่วคราว เพราะยังมีปัจจัยเสี่ยงจากการลดอัตราดอกเบี้ยและความกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลให้ค่าเงินอ่อนค่าลง

แต่หนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นช่วงนี้ คือ บทบาทของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางซื้อขายทองคำ ในภูมิภาค ซึ่งช่วยหนุนค่าเงินขณะที่ราคาทองคำทำจุดสูงสุดใหม่

จากข้อมูลของ Bloomberg พบว่า เงินบาทมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับราคาทองคำมากกว่าสกุลเงินในตลาดเกิดใหม่อื่นๆ โดยมีค่าสหสัมพันธ์ (Correlation Coefficient) อยู่ที่ 0.57 ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

หมายความว่าค่าเงินบาทและราคาทองคำเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันในระดับสูง

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเงินบาทจะได้รับแรงหนุนจากทองคำ แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังมีมุมมองเชิงลบต่อค่าเงินบาทในอนาคต โดยให้เหตุผลว่าค่าเงินไทยอาจเผชิญกับแรงกดดันจาก 2 สาเหตุหลักๆ 

      1. ช่องว่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างไทยและสหรัฐฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเหลือ 2% เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งส่งผลให้ส่วนต่างดอกเบี้ยกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อยู่ที่ 250 จุดฐาน (2.5%) แต่การลดดอกเบี้ยมักทำให้ค่าเงินอ่อนค่าลง เพราะนักลงทุนจะย้ายเงินไปยังสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า
      1. ความเสี่ยงจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ อย่างที่เรารู้กันว่าทรัมป์ ได้ขู่จะใช้มาตรการภาษีตอบโต้ประเทศคู่ค้า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท และไทยเป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออกสูง ดังนั้นมาตรการภาษีที่เข้มงวดจากสหรัฐฯ อาจทำให้ค่าเงินบาทเผชิญแรงกดดันเพิ่มขึ้น

[ เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่อง ]

สำหรับแนวโน้มเงินบาท เมื่อวานนี้เงินบาทอ่อนค่าลง 0.3% แตะระดับ 33.89 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถ้าตามรายงานของ Goldman Sachs (7 มีนาคม 2568) คาดว่าเงินบาทจะอ่อนค่าลงแตะ 35 บาทต่อดอลลาร์ภายใน 3 เดือน และอ่อนค่าไปที่ 36 บาทภายใน 12 เดือน

ด้านนักเศรษฐศาสตร์ของ Bank of America ก็มีมุมมองคล้ายกัน โดยระบุว่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่ามากกว่าที่จะกลับมาแข็งค่า ค่าเงินบาทยังขึ้นอยู่กับปัจจัยภายในประเทศไทยเอง นอกจากแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงในช่วงที่ผ่านมาแล้ว เศรษฐกิจไทยเองยังคงเผชิญความเสี่ยงจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ

‘Alvin Tan’ นักกลยุทธ์จาก RBC Capital Markets ในสิงคโปร์ คาดการณ์ว่า ค่าเงินบาทอาจเคลื่อนไหวในช่วงกว้างที่ 32 – 37 บาทต่อดอลลาร์ ตลอดทั้งปีนี้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยเศรษฐกิจและนโยบายของทั้งไทยและสหรัฐฯ

สรุปสถานการณ์ค่าเงินบาทตอนนี้ง่ายๆ ว่าแม้ค่าเงินบาทจะได้รับแรงหนุนจากราคาทองคำที่พุ่งสูง แต่ปัจจัยอื่นๆ เช่น อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าและความไม่แน่นอนจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ อาจทำให้ค่าเงินไทยเผชิญกับแรงกดดันและแนวโน้มอ่อนค่าลงในอนาคต

ที่มา :

      • https://www.bloomberg.com/news/articles/2025-03-09/stock-market-today-dow-s-p-live-updates?srnd=phx-markets&sref=LQZclhPm

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า