SHARE

คัดลอกแล้ว

 

แพทย์เตือนผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปและมีโรคร่วม เสี่ยงที่จะเป็นโรคงูสวัด ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพ เช่น ปวดเส้นประสาทอย่างรุนแรงและยาวนาน ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต ทั้งการนอน การทำงาน และการใช้ชีวิตประจำวัน หากเกิดที่ใบหน้าหรือดวงตา อาจทำให้สูญเสียการมองเห็น หรือเกิดปัญหาทางระบบประสาทได้ ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำการป้องกันโรคและภาวะแทรกซ้อน

นพ.วีรวัฒน์ มโนสุทธิ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ สถาบันบำราศนราดูร กล่าวว่า ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป และมีโรคอื่นร่วมด้วยมีความเสี่ยงเป็นโรคงูสวัด อาจส่งผลต่อปัญหาสุขภาพร้ายแรงตามมา โดยเฉพาะอาการปวดเส้นประสาทที่อาจจะรุนแรงและยาวนานหลายเดือนหรือเป็นปี ส่งผลกระทบต่อการนอน การทำงาน ตลอดจนการใช้ชีวิตประจำวัน บางรายอาจเป็นภาวะซึมเศร้า รู้สึกโดดเดี่ยวจากการเก็บตัวจากสังคม นอกจากนี้ โรคงูสวัดยังอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น การติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังเกิดเป็นแผลเป็นถาวร หากเกิดที่ใบหน้าหรือดวงตาอาจทำให้สูญเสียการมองเห็น หรือเกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาทบนใบหน้าได้ ในบางกรณีอาจนำไปสู่การเป็นโรคเส้นเลือดในสมองหรือกล้ามเนื้อหัวใจตายได้ ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง

 

“ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป มีโอกาสเป็นโรคงูสวัดมากกว่าผู้ที่มีอายุน้อย เนื่องจากเมื่ออายุมากขึ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายจะลดลง อีกประเด็นหนึ่ง คือ ผู้ที่มีอายุมากส่วนใหญ่จะมีโรคร่วมต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวาน หรือโรคที่จะต้องได้รับยากดภูมิคุ้มกัน ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันลดลง เมื่อมี 2 ปัจจัยนี้เข้ามาจึงทำให้ผู้สูงอายุเสี่ยงเป็นโรคงูสวัดมากขึ้น” นพ. วีรวัฒน์ กล่าว

 

โรคงูสวัดเป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดเดียวกับอีสุกอีใส แม้ว่าจะหายจากอีสุกอีใสแล้ว แต่เชื้อไวรัสไม่ได้หายไปยังคงแฝงตัวอยู่ในปมประสาท และสามารถกลับมาแสดงอาการได้อีกครั้งเมื่ออายุมากขึ้น เชื้อไวรัสตัวนี้จะออกมาใหม่ในรูปแบบของโรคงูสวัด โดยอาการจะแบ่งเป็น 2 ระยะ ระยะแรกจะมีอาการปวดแสบปวดร้อน ควบคู่กับมีตุ่มน้ำใสขึ้นตามร่างกาย ทำให้เกิดแผล และระยะหลังจากแผลหายจะมีอาการปวดตามปลายประสาท โดยเฉพาะในผู้ที่มีอายุเยอะ รวมถึงผู้ที่มีโรคร่วม อาการปวดจะยิ่งรุนแรง และอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว

 

“แนวทางป้องกันโรคงูสวัด สามารถทำได้โดยการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ได้แก่ การออกกำลังกาย นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รักษาสุขอนามัย และการรับวัคซีนป้องกัน ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคงูสวัด 2 ชนิด ได้แก่ วัคซีนชนิดไม่ใช่เชื้อเป็น สามารถใช้ได้ตั้งแต่อายุ 50 ปีขึ้นไป รวมถึงผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปที่มีความเสี่ยงต่อโรคงูสวัดมากกว่าปกติ และวัคซีนชนิดเชื้อเป็นสำหรับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป การรับวัคซีนจะช่วยลดโอกาสเกิดโรคงูสวัด และหากเป็นโรคงูสวัดก็จะช่วยลดความรุนแรงของอาการและภาวะแทรกซ้อนได้” นพ. วีรวัฒน์ กล่าวสรุป

 

ข้อมูลอ้างอิง

  1. Harpaz, R., et al. (2008). MMWR, 57(RR-5), 1–CE4.
  2. Marra, F., Parhar, K., Huang, B., & Vadlamudi, N. (2020). Open forum infectious diseases, 7(1), ofaa005.
  3. Erskine, N., et al. (2017). PloS one, 12(7), e0181565.
  4. Forbes, H. J., et al (2016). Neurology, 87(1), 94–102.

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า