SHARE

คัดลอกแล้ว

เมื่อหนังมาพร้อมขบวนนักท่องเที่ยว The White Lotus กระตุ้นท่องเที่ยวเกาะสมุย คุ้มค่าหรือไม่ กับทรัพยากรในพื้นที่?

ขยะที่เราทิ้งไปไหน น้ำที่เราใช้อาบในรีสอร์ทมีต้นกำเนิดจากอะไร สระว่ายน้ำนี้ใช้น้ำมากน้อยแค่ไหน เวลาไปเที่ยวเคยมีใครตั้งคำถามพวกนี้รึเปล่า…

บ้าไปแล้วหรือเปล่า วันพักผ่อนทำไมต้องคิดถึงเรื่องพวกนี้? และอาจจะบ้ากว่า ถ้าบทความนี้จะขอเริ่มต้นด้วยข้อสันนิษฐาน ที่ว่า The White Lotus กำลังกระหน่ำเกาะสมุย?

ประมาณ 9 เดือนที่ผ่านมา สำนักข่าวจากอังกฤษ อย่าง The Guardian ได้เผยแพร่บทความหนึ่งชื่อว่า Thai island of Samui weighs ‘White Lotus effect’ against environmental cost หรือที่แปลว่า ชั่งน้ำหนักผลกระทบจากหนัง The White Lotus กับต้นทุนทางสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่เกาะสมุย

บทความนี้ได้พูดถึง ความกังวลของนักสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ต่อการท่องเที่ยว ที่ไม่มีการจัดการและการบาลานซ์ ระหว่างจำนวนนักท่องเที่ยวและการปกป้องทรัพยากรท้องถิ่น โดยได้ชี้ให้เห็นการจัดการที่ล้มเหลวหลายมิติ ทั้งขยะ น้ำปะปา และการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน ที่อาจตามมาด้วยปัญหาอย่างน้ำท่วม และดินสไลด์

[แล้วหนังเกี่ยวข้องยังไงกับปัญหาในพื้นที่?]

ด้วยซีรี่ส์ที่มาพร้อมความตลกร้าย และเสียดสีสังคม ที่เพิ่งฉายซีซันล่าสุดไปเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา (ตามเวลาไทย) อย่าง The White Lotus ซีรี่ส์สัญชาติอเมริกัน กำกับโดย Mike White ได้สร้างชื่อเสียงมาตั้งแต่ซีซันแรก โดย The White Lotus เป็นซีรี่ย์ที่เล่าเรื่องราวแง่มุมชีวิตของคนรวยกลุ่มหนึ่ง ที่เข้าไปพักในโรงแรมที่ชื่อว่า The White Lotus ซึ่งมีสาขาอยู่หลายประเทศทั่วโลก โดยสถานที่ถ่ายทำในแต่ละซีซันได้กระตุ้นให้โรงแรมในแต่ละที่ถูกจองและค้นหาเพิ่มขึ้น

อย่าซีซันแรก The White Lotus สร้างปรากฏการณ์ที่นักท่องเที่ยวแห่ไปยังสถานที่ถ่ายละคร จนมีชื่อเรียกว่า “ปรากฏการณ์ดอกบัวขาว” โดยในปี 2021 ซีรี่ส์เรื่องนี้ได้ทำให้มีเข้าชมเว็บไซต์ที่พักในฮาวายเพิ่มขึ้นกว่า 425% จากการที่ซีรี่ส์ได้เลือกสถานที่ถ่ายทำเป็น Four Seasons Resort Maui

เช่นเดียวกันกับซีนที่ 2 ละครเรื่องนี้ก็ทำให้เมืองซิซิลี ของอิตาลีได้รับความสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะเมืองโบราณที่ เหมาะกับการตากอากาศอย่าง Taormina ที่มียอดจองห้องพักเพิ่มขึ้นแต่ตั้งในเดือนพฤศจิกายน ทั้งๆ ที่ตามปกติแล้วเมืองนี้จะเป็นที่นิยมในเดือนมกราคมเป็นต้นไป และ The Four Seasons ที่เกาะอิตาลีแห่งนี้ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำ The White Lotus ซีซัน 2 ถูกจองเต็มหลายเดือนในปี 2023 พร้อมๆ กับไฟล์ทบินไปยังเกาะอิตาลีก็เพิ่มขึ้นหลังจากที่ละครฉายไปเพียงไม่กี่ตอน

จนมาถึงซีซันล่าสุด ที่ The White Lotus กลับมาอีกครั้งพร้อมกับกระแสที่กระตุ้นให้การท่องเที่ยวเกาะสมุยสูงขึ้นจากเดิม ตั้งแต่ยังไม่ทันได้ฉาย The White Lotus และตามคาดเมื่อซีซัน 3 เผยแพร่ ก็ทำให้ การค้นหาโรงแรม Four Seasons Koh Samui ของไทยบนเว็บไซต์ Hotels.com เพิ่มขึ้นถึง 40% จากการรายงานของ Robb Report

และหลังจากที่ปล่อยตอนแรกออกม รีสอร์ตบนเกาะสมุยได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น โดยมีการค้นหาบนอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับเกาะสมุยเพิ่มขึ้น 88% และมีการจองโรงแรมบนเกาะนี้เพิ่มขึ้น 44% นอกจากนี้ ยังมีการเปิดเผยเพิ่มเติมจาก Opodo บริษัทตัวแทนท่องเที่ยวออนไลน์ของสายการบินยุโรปว่า นักท่องเที่ยวในอังกฤษสนใจในประเทศไทยมากที่สุด โดยมีการค้นหาเพิ่มขึ้น 53%

และเว็บไซต์จองโรงแรมระดับโลกอย่าง Agoda ก็ระบุเช่นกันว่า การค้นหาโรงแรมสำหรับเกาะสมุยก็เพิ่มขึ้น 12% นอกจากนี้ สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ TCT ก็ได้คาดการณ์ว่าสมุยอาจไม่มีช่วง Low Season เลยในปีนี้เนื่องจากกระแสละครดอกบัวขาว หรือ The White Lotus นี้ (จากบทความของ Bangkokpost)

หนังและซีรี่ส์อาจไม่ได้เป็นเหตุผลทั้งหมดของปัญหา เพียงแต่หนังและซีรี่ส์ได้นำมาซึ่งกระแสความต้องการของนักท่องเที่ยวที่จะหลั่งไหลไปยังพื้นที่ เพื่อสัมผัสชีวิตของตัวละครในชีวิตจริง และอาจนำมาสู่ Overtourism หรือ การท่องเที่ยวที่ล้นเกิน

Overtourism ก็คือ การท่องเที่ยวที่มากเกินไป หรือ ภาวะนักท่องเที่ยวล้นเมือง และมากเกินไปจนทำให้การจัดสรรทรัพยากรอย่างยั่งยืนเป็นไปได้ยาก และสร้างผลกระทบหลายด้านโดยองค์กรท่องเที่ยวยั่งยืนสากล หรือ Sustainable Travel International ได้ระบุว่า การท่องเที่ยวที่มากเกินไปอาจนำมาสู่ ความแออัดที่ทำให้คนในพื้นที่น้อยลงเรื่อยๆ จากการพัฒนา และตามมาด้วยค่าครองชีพที่สูงขึ้น

โดยได้ยกตัวอย่างการสำรวจเมือง ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวมากกว่าคนในพื้นที่หลายเมือง (กราฟด้านล่าง) ไม่ว่าจะเป็น Maldives, Venice หรือ Bali ซึ่งเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมากกว่าคนในพื้นที่ และล้วนแต่เป็นเมืองที่มีค่าครองชีพสูงเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ ในประเทศเดียวกัน

หากมองย้อนการเปลี่ยนเมืองที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม วิถีชีวิตและทรัพยากรธรรมชาติ จนกลายเป็นปลายทางสวนสวรรค์แห่งการท่องเที่ยวชื่อดัง ‘ฮาวาย’ คงเป็นอีกเมืองที่เห็นภาพชัดเจน งานวิจัยชิ้นหนึ่งได้ศึกษาการท่องเที่ยวทำลายอัตลักษณ์ชนพื้นเมืองและทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ของฮาวายอย่างไร

ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมาเยือนฮาวายมากกว่า 7 ล้านคน และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวก็สร้างเศรษฐกิจให้กับเกาะฮาวายมากถึง 12,000 ล้านดอลลาร์ แต่ตัวเลขนี้แลกมาจากการบังคับ ให้ฮาวายสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว โดยงานวิจัยทางวิชาการฉบับนี้ได้ระบุว่า การท่องเที่ยวที่เติบโตนี้ ได้เข้ามาทำให้ประเพณีของของคนพื้นเมืองลดลง และบังคับให้พวกเขาต้องปรับตัวให้เข้ากับการใช้ชีวิตแบบใหม่ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการสูญหายทางวัฒนธรรม และภาษาของชาวฮาวายดั้งเดิม

และ รีสอร์ต โรงแรม ห้าง และสระว่ายน้ำกลางแจ้ง ที่เกิดขึ้นมากมายก็ได้กลืนกินพื้นที่ทางวัฒนธรรมของชนพื้นเมืองฮาวายด้วยเช่นกัน ตัวอย่างหนึ่งที่รายงานระบุคือ การพัฒนา Keoneloa ใน Kauai ที่ได้ย้ายสุสานดั้งเดิม 22 เอเคอร์ไปไว้บนพื้นที่ 1 เอเคอร์ และเปลี่ยนพื้นที่เป็นรีสอร์ทแทน

ตั้งแต่ช่วงปี 1950 มีการบันทึกว่า นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังเกาะแห่งนี้ เพิ่มขึ้น 22% ต่อปี จนถึงปัจจุบัน ที่ฮาวายกลายเป็นเกาะที่มีนักท่องเที่ยวมากกว่าจำนวนผู้อยู่อาศัยถึง 6 ต่อ 1 และมีคนนอก มากกว่าชาวฮาวายพื้นเมืองอยู่ที่ 30 คน ต่อชนพื้นเมืองฮาวาย 1 คนเท่านั้น

นอกจากนี้งานวิจัยฉบับนี้ก็ได้ระบุ ผลกระทบเกิดขึ้นกับสัตว์ป่าบนเกาะนี้ด้วย โดยทั้งพืชและสัตว์กว่า 60% บนเกาะฮาวายเข้าข่ายใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งมีสาเหตุมาจากการตัดไม้ทำลายป่าและการสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัยจากการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เช่นเดียวกันกับการจับปลาแบบดั้งเดิมที่ได้สูญหายไปแล้ว

[หนังดังบุกเกาะไม่ใช่ปัญหา แต่ต้นเหตุคือการจัดการเมืองที่ไม่ดีพอ?]

เมื่อมองย้อนกลับมายังเกาะสมุย คงไม่สามารถเทียบได้อย่างฮาวายทั้งหมด แต่ความเป็นจริงตอนนี้หากถามว่า หากสมุยไม่พึ่งการท่องเที่ยว มีทางเลือกชีวิตอื่นอีกหรือไม่สำหรับเกาะสวรรค์แห่งนี้ พร้อมความจริงอีกอย่างก็คือ สมุยยังมีปัญหาอีกหลายด้าน ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการท่องเที่ยว และการบริหารจัดการที่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ดีพอ

ในมุมนักสิ่งแวดล้อม ที่เปิดเผยในบทความของ The Guardian การพัฒนาอย่างรวดเร็วของเกาะสมุยกระทบสิ่งแวดล้อม การเปิดโรงแรมสปาหรูและสนามกอล์ฟทำให้เกาะสมุยไม่มีน้ำใช้ ซึ่งเป็นปัญหาเกือบทุกปีโดยเฉพาะหน้าแล้ง

อย่างในปีที่ผ่านมาช่วงเดือนกรกฎาคม ก็มีการรายงานจาด ThaiPBS ว่า ปริมาณน้ำดิบน้อย และเหลือใช้ได้เพียง 14 วัน และธุรกิจหนึ่งที่เข้ามากู้วิกฤตก็คือ ธุรกิจขายน้ำเอกชน ที่จะบรรทุกน้ำขายในราคา 300 บาท สำหรับน้ำ 2,000 ลิตร ที่ทำให้คนในพื้นที่ต้องยิมจ่ายค่าน้ำที่เพิ่มขึ้นหลายบาทต่อเดือน

เช่นเดียวกันกับปัญหาขยะที่เป็นปัญหามาโดยตลอดบนเกาะสมุย มีการรายงานตั้งแต่ปี 2016 ว่า มีขยะเพิ่มขึ้นวันละ 150 ตัน และยัง มีขยะเดิมที่ตกค้างกว่า 250,000 ตัน บนเกาะสมุย ซึ่งขยะจากครัวเรือนมีเพียง 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ส่วน 70 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือคือขยะที่เกิดจากภาคการท่องเที่ยว

หรืออย่างเมื่อ 2 ปี ที่ผ่านมาในปี 2023 เอง ชาวบ้านรอบบ่อขยะบนเกาะสมุยก็เตรียมฟ้องเรียกเงินเยียวยา จากหน่วยงานรัฐที่แก้ปัญหาขยะตกค้าง-ส่งกลิ่นเหม็นไม่ได้ และกองขยะเหล่านั้นกำลังกระทบสุขภาพของพวกเขา ที่เป็นปัญหาเรื้อรังมาหลายปี หรืออย่างในปีที่ผ่านมา ก็มีคำสั่งจากอดีตนายกฯ (เศรษฐา ทวีสิน) ที่ได้สั่งเร่งจัดการปัญหาขยะตกค้างบนเกาะสมุย กว่า 150,000 ตัน พร้อมกับสั่งเพิ่มโรงกำจัดขยะเพื่อรองรับขยะวันละ 130 – 300 ตันจากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น

ซึ่งการแก้ไขปัญหาระยะสั้นก็คือ การเผา และส่วนที่เผาไม่ได้ก็อัดเป็นก้อน และขนส่งข้ามเกาะไปกำจัด ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งใช้งบประมาณมากกว่า 230 ล้านบาทในการขนส่ง ทั้งหมดทั้งมวลเราไม่ได้ต้องการจะชี้ว่าการท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ หรือ เราไม่ควรส่งเสริมการท่องเที่ยว แต่สิ่งที่ควรจะเป็นก็คือ การจินตนาการถึงการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนมากขึ้น

การท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ไม่ได้วัดที่การเพิ่มขึ้นของรีสอร์ท สระว่ายน้ำ และการเติบโตของเมือง แต่เป็นการท่องเที่ยวที่คนในพื้นที่ไม่ต้องแบ่งรับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่แย่ลง และได้ผลประโยชน์อย่างยั่งยืนจริงๆ ก็คงไม่ต้องกังวลว่า หนังและละครจะมีอิทธิพลมากขนาดไหน

อย่างข่าวล่าสุด ที่คนในพื้นที่ต่างเสียดายวิวอันสวยงาม และไม่เห็นด้วยกับการสร้างจอขนาดยักษ์บังภูเขาไฟฟูจิ ในเมืองฟูจิคาวากูจิโกะ ประเทศญี่ปุ่น หลังจากที่เจ้าหน้าที่เมืองตัดสินใจสร้างกำแพงกั้นขนาดใหญ่สูง 2.5 เมตร และยาว 20 เมตร เพื่อปิดกั้นทัศนียภาพของภูเขาไฟฟูจิในจุดนี้ ด้วยเหตุผลที่ว่า มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากพากันเดินทางมาถ่ายภาพฉาก Lawson108 ที่มีวิวภูเขาไฟฟูจิอยู่ด้านหลัง ตามกระแสซีรี่ส์ Fisrt Love ประพฤติตัวไม่เหมาะสม ทิ้งขยะ และไม่เคารพกฎจราจร ที่กำหนดไว้เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเอง

หรืออย่างที่ครั้งหนึ่งในประเทศไทยเอง ก็เคยมีประสบการณ์เช่นเดียวกันนี้ จากภาพยนตร์เรื่อง The Beach ที่ก็ได้ถล่มอ่าวมาหยาด้วยนักท่องเที่ยวจำนวนมากแห่กันมาจนน้ำในอ่าวปนเปื้อนและปะการังหายหาย ทำให้ในที่สุดทางการก็ประกาศปิดอ่าวกว่า 3 ปี และเพิ่งเปิดให้เข้าได้ในปี 2022 ที่ผ่านมา พร้อมกับมาตการที่เข้มงวดขึ้นซึ่งหัวใจของเรื่องนี้ คงอยู่ที่การบริหารจัดการอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่คำนึงถึงความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม และคนท้องถิ่นมากขึ้น

และท้ายที่สุดก็คงปฏิเสธได้ยาก ในโลกที่เปิดกว้างที่ความสะดวกสบาย ทำให้เราเข้าถึงทรัพยากรได้มากขึ้น ซึ่งเราเองเป็นส่วนหนึ่งที่จะส่งเสริมความยั่งยืนให้เกิดขึ้นในอุตสากรรมท่องเที่ยวได้เช่นกัน อยู่ที่เราว่าจะท่องเที่ยวอย่างตระหนักรู้มากขึ้น หรือจะไม่คำนึงถึงการใช้สอยทรัพยากรเลย เพียงเพราะเราได้จ่ายเงินไปแล้ว



podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า