‘แอกซ่าประกันภัย’ เปิดเผยแผนธุรกิจปี 2568 ตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยรับรวมเติบโตมากกว่า 10% จากปีก่อนที่ 6,454 ล้านบาท พร้อมเปิดกว้างดีลควบรวมกิจการ หวังดันบริษัทติดท็อป 10 ประกันภัยในประเทศไทย
‘กิลโยม มิราโบว์’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแผนธุรกิจในปี 2568 ว่า บริษัทตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยรับรวม (Gross Written Premiums: GWP) จะเติบโตมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) ที่มีเบี้ยรับรวมที่ 6,454 ล้านบาท เติบโต 12.9% YoY
หลักๆ มาจากการขยายพอร์ตประกันภัยสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นประกันภัยสุขภาพสำหรับรายย่อย และประกันภัยสุขภาพสำหรับธุรกิจ ตอบรับกับเทรนด์สังคมสูงวัย (Aging Society) ในประเทศไทย โดยตั้งเป้าเสิร์ฟประกันภัยสุขภาพที่ดี แต่สามารถเข้าถึงคนได้ง่าย
ขณะที่ประกันภัยรถยนต์ ซึ่งปัจจุบันเป็นพอร์ตหลักของบริษัทด้วยสัดส่วน 53% คาดว่าจะรักษาการเติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าศึกษาประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งเป็นธุรกิจแห่งอนาคต สอดคล้องกับนโยบายของบริษัทแม่ในต่างประเทศ (AXA Global)
ทั้งนี้ แอกซ่าประกันภัยมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงที่ผ่านมา (2563-2567) โดยเบี้ยรับรวมเติบโตกว่า 3,452 ล้านบาท หรือเติบโต 87% ซึ่งการเติบโตที่โดดเด่นนี้ส่งผลให้บริษัทขยับอันดับในตลาด (Market Share) ขึ้นมาอยู่ที่ลำดับที่ 14 จากเดิมอยู่ที่ 22
การเติบโตดังกล่าวมาจากกลยุทธ์การขยายธุรกิจที่ไม่เพียงมุ่งเน้นในกลุ่มประกันภัยรถยนต์ โดยในปี 2567 ตลาดประกันทั่วไปของไทยมีการเติบโตเพียง 0.5% YoY เท่านั้น สวนทางกับแอกซ่าประกันภัยที่มีการเติบโตสูงถึง 12.9% YoY โดยมีเบี้ยรับรวมอยู่ที่ 6,454 ล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 2.3%
ปัจจัยสำคัญของการเติบโต ได้แก่ การขยายพอร์ตโฟลิโอประกันสุขภาพ โดยเฉพาะประกันสุขภาพกลุ่ม และผลิตภัณฑ์นวัตกรรม เช่น ประกันภัยรถ EV และรถยนต์ไฮบริดแบบชาร์จไฟ (PHEV)
ในอนาคต แอกซ่าประกันภัยตั้งเป้าที่จะเติบโตต่อเนื่องในปี 2568 ผ่านโครงการ ‘วัน แอกซ่า’ (One AXA) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และขับเคลื่อนบริษัทให้ก้าวขึ้นสู่อันดับที่สูงขึ้นในตลาดประกันภัยไทยทั้งในปีนี้และในอนาคต
ทั้งนี้ แอกซ่าประกันภัยยังเปิดกว้างเกี่ยวกับการควบรวมกิจการ (M&A) เพื่อสนับสนุนให้บริษัทเติบโตติดท็อป 10 ธุรกิจประกันภัยในประเทศไทยอีกด้วย โดยจะเห็นว่าในช่วงที่ผ่านมา บริษัทประกันภัยบางแห่งก็มีการควบรวมกันเพื่อขยายธุรกิจ ส่งผลให้เติบโตติดท็อป 10 ของประเทศ
ซีอีโอของแอกซ่าประกันภัยยังกล่าวอีกว่า บริษัทมุ่งนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน เช่น แพลตฟอร์ม ‘Customer Portal’ ที่ช่วยให้กระบวนการเคลมสำหรับผู้ถือกรมธรรม์ประกันสุขภาพและอุบัติเหตุส่วนบุคคลเป็นเรื่องง่ายขึ้น
ขณะที่ความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์อย่าง ‘คัฟเวอร์โก’ (CoverGo) ช่วยให้การดำเนินการเคลมผ่านระบบออนไลน์เป็นไปอย่างราบรื่น ตอกย้ำความมุ่งมั่นของแบรนด์ในด้านความเป็นเลิศในการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ แอกซ่าประกันภัยพร้อมเสริมให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนความต้องการที่หลากหลายจากแบรนด์ได้อย่างสะดวกสบายผ่านช่องทางต่างๆ บนราคาที่จับต้องได้
ยกตัวอย่างเช่น การเปิดตัวกรมธรรม์ประกันภัย ‘สมาร์ท ทราเวลเลอร์ส ชอยส์’ (Smart Traveller’s Choice) เพิ่มความสามารถในการเลือกสรรความคุ้มครองที่ตรงใจลูกค้า และดำเนินการได้ผ่านช่องทางออนไลน์เพียงแค่ปลายนิ้ว
แน่นอนว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์รวมของแอกซ่านั้นยังมีอีกมากมายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นรายบุคคลหรือธุรกิจก็มีให้เลือกสรร อย่างเช่น แผนประกันสุขภาพสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ที่มีแผนจะเปิดตัวในเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ แอกซ่าประกันภัยยึดมั่นในด้านแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน (ESG) ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นหัวใจในการดำเนินงานของแบรนด์ โดยกลุ่มแอกซ่ามีโครงการ AXA Heart in Action ที่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนช่วยเหลือสังคมและสิ่งแวดล้อม
สำหรับแอกซ่าประกันภัย ได้ร่วมสนับสนุนมูลนิธิ Oceans for All มุ่งเน้นการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำเป็นปีที่สองติดต่อกัน เพื่อร่วมทำความสะอาดแม่น้ำเจ้าพระยา นอกจากนี้ มีการขยายแผนงานด้านความยั่งยืน เช่น การสนับสนุนงานมหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีนานาชาติ กรุงเทพฯ (Bangkok’s International Festival of Dance and Music)
ในขณะที่ตลาดประกันภัยในประเทศไทยกำลังเติบโต แอกซ่าประกันภัยมุ่งรับมือกับแนวโน้มสำคัญ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล
ซึ่งบริษัทได้พัฒนาผลิตภัณฑ์เฉพาะทาง ได้แก่ ประกันภัยบ้านที่คุ้มครองจากภัยพิบัติธรรมชาติ ประกันการเดินทางที่สามารถเลือกสรรความคุ้มครองได้ดั่งใจ ประกันรถยนต์สำหรับรถ EV และ PHEV ที่คุ้มครองดีที่สุดราคาเบี้ยถูกใจและซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้
โดยทั้งหมดครอบคลุมทุกความต้องการ และเคียงข้างทุกความเชื่อมั่นของลูกค้า พร้อมให้ความคุ้มครองกับสิ่งที่สำคัญในชีวิตในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
ซีอีโอกล่าวในตอนท้ายว่า วิสัยทัศน์ของเราที่มีต่อตลาดในประเทศไทยนั้น คือการนำความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตมาเปลี่ยนเป็นโอกาสในการเติบโตอย่างมั่นคง ผ่านการเน้นย้ำในการดำเนินงานบนนวัตกรรม ผสานโลกดิจิทัลที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้น พร้อมทั้งนำความต้องการของลูกค้ามาเป็นหัวใจหลักในทุกการดำเนินงานของเรา
ซึ่งเราไม่ได้เพียงต้องการที่จะเสริมอนาคตอย่างมั่นคงและเป็นรูปธรรมเท่านั้น แต่ต้องการที่จะทำให้ภูมิทัศน์ของธุรกิจประกันภัยในประเทศไทยนั้นเข้าถึงง่ายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งตอบโจทย์ในทุกความต้องการของลูกค้าในตลาดเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน