ตลาดเครื่องดื่มให้พลังงาน โต 2.2 หมื่นล้าน/ปี ส่ง ‘เรดบูล โซดา’ เจาะ Gen Z

ตลาดเครื่องดื่มเอนเนอจี้โดยรวมที่อยู่ที่ 22,000 ล้านบาทต่อปี โดยปีนี้คาดการณ์ว่าทั้งอุตสาหกรรมจะเติบโต 5% ซึ่งสูงกว่าปีก่อนที่เติบโต 3% ขณะที่เครื่องดื่มพรีเมียมเอนเนอจี้ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท คาดการณ์ว่าปีนี้จะโตมากกว่า 10% 

ในด้านการแข่งขันของตลาดเครื่องดื่มเอนเนอจี้ก็ยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ ขณะกำลังซื้อยังทรงตัว มีปัจจัยแวดล้อม เช่น สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงเพราะเครื่องดื่มเอนเนอร์จี้จะขายดีมากๆ ในช่วงฤดูร้อน อีกทั้งเทรนด์ผู้บริโภคก็ยังเปลี่ยน หลายคนมองหาเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ น้ำตาลน้อยมากขึ้น ทำให้หลายแบรนด์พยายามปรับกลยุทธ์ตอบรับผู้บริโภคสมัยใหม่

[ เรดบูล ใช้กลยุทธ์ “Recharge และ Refresh”  รุกตลาดปีนี้  ]

อย่าง ‘เรดบูล’ เครื่องดื่มเอเนอร์จี้ดริงก์ ภายใต้กลุ่มธุรกิจ TCP ก็เริ่มเดินหน้าปรับกลยุทธ์รักษาฐานลูกค้าเดิม และขยายไปฐานลูกค้าใหม่เช่นกัน โดยในพอร์ตของ ‘เรดบูล’ พบอินไซต์ที่น่าสนใจว่าช่วงหน้าร้อนที่มียอดขายสูง คิดเป็น 30% ของทั้งปีเลยทีเดียว ถ้ามารวมกับเทรนด์ผู้บริโภครุ่นใหม่เช่น Gen Z ที่มองหาสินค้ารักสุขภาพมากขึ้น แบรนด์จึงออกเรดบูล โซดา สำหรับเติมความสดชื่นระหว่างวัน เหมาะกับพฤติกรรมผู้บริโภครุ่นใหม่ และช่วงฤดูร้อน

‘วรวุฒิ พงศ์ชินภัค’ ประธานผู้บริหารสายงานขายและการตลาด ประเทศไทย กลุ่มธุรกิจ TCP เล่าให้ฟังว่า ปีนี้ ‘เรดบูล’ หยิบ กลยุทธ์ ‘Recharge และ Refresh’ ที่ต้องการรักษาฐานลูกค้าเดิม ขยายฐานลูกค้าใหม่ ปลุกพลัง ส่งต่อเอเนอร์จี้และแพสชันให้ผู้บริโภคได้ใช้ชีวิตแอ็กทิฟได้เต็มที่ตลอดทั้งวัน โดยตั้งเป้ายอดขายเติบโตขึ้น 2 เท่าจากปีที่ผ่านมา 

สำหรับการขยายฐานลูกค้าใหม่ ต้องตอบรับเทรนด์ผู้บริโภครุ่นใหม่ หรือกลุ่ม Gen Z ที่สนใจเรื่องประสบการณ์ สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ เพราะปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป พวกเขาไม่ได้เลือกซื้อสินค้าเพียงเพราะโฆษณา แต่ให้ความสำคัญกับ การเข้าใจคุณค่าของผลิตภัณฑ์ มากขึ้น เราจึงต้องการสื่อสารว่า เครื่องดื่มของเราไม่ได้เป็นแค่เครื่องดื่มเอนเนอจี้ แต่เป็นตัวช่วยเติมพลังงานให้กับคนรุ่นใหม่ที่แม้จะมีพลังอยู่แล้ว แต่ระหว่างวันอาจรู้สึกเหนื่อยล้าและต้องการการรีเฟรชเพื่อกลับมาสดชื่นอีกครั้ง

จึงเปิดตัวเครื่องดื่มพรีเมียมเอนเนอจี้อย่าง ‘เรดบูล โซดา’ สำหรับเติมความสดชื่นระหว่างวัน น้ำตาล 0% มีให้เลือกถึง 4 รสชาติ ได้แก่ รสแอปเปิ้ลเขียวและองุ่นมัสแกต, รสเกรปฟรุตและสับปะรด, รสบลูเบอร์รี แบล็กเคอร์แรนต์, ซัมเมอร์ เบอร์รี่ ซึ่งกระแสตอบรับดีมาก มีอัตราการเติบโตสูงถึง 30%  ในปีก่อนหน้า

สำหรับปีนี้เปิดตัว ‘แบมแบม กันต์พิมุกต์ ภูวกุล’ แบรนด์แอมบาสเดอร์คนล่าสุด มาช่วยเสริมแกร่ง เรดบูล โซดา เพราะด้วยคาแรคเตอร์ที่มีพลังเต็มไปด้วยแพสชัน และมีฐานแฟนคลับทั่วโลก ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์เรดบูลทั้งในประเทศไทยและระดับสากล และคาดการณ์รายได้จะสูงขึ้น

ขณะที่ด้านการรักษาฐานลูกค้าเดิมที่ก็เปิดตัว เรดบูล เอ็กซ์ตร้า สำหรับคนที่ต้องการเอเนอร์จี้แบบจัดเต็ม ซึ่งก็เติบโตถึง 40% ในปีก่อนหน้า 

นอกจากนี้ แบรนด์ยังสร้างปรากฏการณ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัว เรดบูล ฮอลส์เอ็กซ์เอส, เอเนอร์จี้ดริงก์ เม็ดอม, หมากฝรั่งเดนทีน สแปลช เรดบูล, ไอศกรีม Molto x Red Bull รวมถึงการสนับสนุนกิจกรรมสำหรับคนรุ่นใหม่ เช่น ทีมเกมเมอร์ Bacon Time, กีฬาบาสเก็ตบอล 3×3, E-Sports และสเกตบอร์ด ให้ฐานลูกค้าเดิมและฐานลูกค้าใหม่ได้ไปสัมผัสประสบการณ์ที่มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม แบรนด์ยังคงพัฒนาสินค้าในตลาดเครื่องดื่มเอนเนอจี้อย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นตลาดหลักที่มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ ขณะเดียวกัน กลุ่มเครื่องดื่มพรีเมียมเอนเนอจี้ก็เป็นการต่อยอดเพื่อขยายฐานลูกค้า โดยมุ่งเน้นไปที่ คนรุ่นใหม่ ที่มองหาสินค้าที่ตอบโจทย์ทั้งในแง่ของคุณภาพและประสบการณ์

ปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับแต่ละเซกเมนต์ โดยใช้ พรีเซนเตอร์ เป็นหนึ่งในเครื่องมือหลักในการสร้างการรับรู้ แม้ว่าทั้งสองตลาดจะมีความสำคัญไม่ต่างกัน แต่แนวทางการทำตลาดแตกต่างกัน ซึ่งจากการเปิดตัวสินค้าใหม่ ก็ได้ตอบรับดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ สูตรน้ำตาล 0% ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

นอกจากนี้ ยังเห็นแนวโน้มที่ วัยรุ่นหันมาสนใจเครื่องดื่มกลุ่มเอนเนอจี้มากขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงโอกาสในการเติบโตของตลาดนี้ในอนาคต