ชาดังจากจีน CHAGEE ฝ่าสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ เข้าตลาดหุ้นเมกาวันแรก +16%

ไทม์มิ่งในช่วงนี้คงไม่ดีเท่าไหร่ถ้าบริษัทจีนต้องการจะไประดมทุนในตลาดหุ้นอเมริกา เพราะสงครามการค้ายังปะทุครุกกรุ่นอยู่ ไม่รู้จะออกหัวหรือก้อย แต่ทว่าแบรนด์ชาชื่อดังจากจีนอย่าง CHAGEE ก็ไม่หวั่น ฝ่าคลื่นลมตลาดที่ผันผวนและความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ด้วยการยื่นเสนอขายหุ้น (IPO) มูลค่าเกือบ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 14,800 ล้านบาท ในตลาด Nasdaq 

และดูเหมือนความมั่นใจนี้ จะสะท้อนผ่านตัวเลข ที่เติบโตสวนกระแสมาก เพราะเมื่อวานนี้ (18 เม.ย.) เข้าตลาดวันแรกขยับขึ้นไปแตะถึง +49% ตอนเปิด ก่อนค่อยๆ ปิดตลาดจะอยู่ที่ +16% ทำให้ CHAGEE มีมูลค่าบริษัทที่ 166,735 ล้านบาทในพริบตา

[ CHAGEE ร้านชานมจีนชื่อดัง เพิ่งระดมทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ  ]

CHAGEE เป็นร้านชาชื่อดังที่ใครไปประเทศจีนก็ต้องลองรับประทาน เป็นแบรนด์ที่ขึ้นชื่อเลยก็ว่าได้ เพราะมีจุดเด่นหลักคือ การดื่มชาแบบ “กาแฟสไตล์” เช่น “teaspressos” ชาที่ทำคล้ายเอสเปรสโซ และ “teapuccinos” คล้ายคาปูชิโน่แต่เป็นชา โดยแบรนด์เริ่มขยายสาขาไปยังประเทศอื่นๆ แล้ว ส่วนในประเทศไทยก็มีเข้ามาแล้ว มีร้านทั้งหมด 6,440 สาขา (97% อยู่ในจีน) เพิ่มขึ้น 83% จากปีก่อนหน้า

สำหรับรายได้ปี 2567 ของบริษัทมีรายได้สุทธิเติบโต 167.4% จากปีก่อนหน้า อยู่ที่เกือบ 1.7 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 62,900 ล้านบาท) กำไรสุทธิอยู่ที่ 344 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 12,700 ล้านบาท)

การเข้าเทรดวันแรกของ CHAGEE  (หุ้น CHA) ทำให้บริษัท Chagee มีมูลค่ากิจการที่ 166,735 ล้านบาท ถือเป็นการเข้าตลาดหุ้นในสหรัฐฯ ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของบริษัทจีนในรอบกว่า 3 ปี เป็นรองเพียง Zeekr บริษัทรถยนต์ไฟฟ้า ที่ระดมทุนได้ 411 ล้านดอลลาร์ หรือราว 192,400 ล้านบาท เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม หลังนโยบายภาษีและสงครามการค้าที่เกิดขึ้นหลายๆ บริษัทจีนที่ต้องการ IPO ในตลาดสหรัฐฯ ถูกเลื่อนออกไป แต่ยังมีบริษัทจีนกว่า 24 ราย (ส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดเล็ก) เข้าตลาดหุ้นสหรัฐฯ)

สำหรับ CHAGEE พูดง่ายๆ ว่าก็ไม่ได้หวั่นอะไร พร้อมยังระบุในหนังสือชี้ชวน (prospectus) ว่า “ข้อพิพาททางการค้า” และ “กฎหมายการลงทุนจากต่างประเทศของสหรัฐที่เปลี่ยนแปลง” เป็นความเสี่ยงสำคัญให้นักลงทุนที่สนใจหุ้นเตรียมรับมือในเรื่องนี้ก่อนล่วงหน้าแล้ว

ด้าน ‘Goldman Sachs’ เตือนนักลงทุนว่า หาก’โดนัลด์ ทรัมป์’ กลับมาและมีนโยบายบังคับให้บริษัทจีนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจส่งผลให้ นักลงทุนสหรัฐต้องขายหุ้นจีนมูลค่ารวมถึง 800,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 29.6 ล้านล้านบาท)

[ เข้าตลาดท่ามกลางสงครามการค้าดุเดือด ]

ที่น่าเป็นห่วงคือ จังหวะเข้าตลาดของ CHAGEE  กำลังเกิดขึ้นท่ามกลางสงครามการค้าที่ไม่แน่นอน ผู้นำทั้งสองประเทศยังอยู่ในช่วงขึ้นกำแพงภาษีใส่กัน โดยการเสนอขายหุ้นของ CHAGEE นั้นเกิดขึ้นในเวลาเพียงไม่กี่วันหลังจากรัฐบาลทรัมป์ประกาศเพิ่มภาษีสินค้าจีน จนทำให้ภาษีโดยรวมพุ่งแตะประมาณ 120% ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์หลายคนมองว่าอาจกระทบต่อเศรษฐกิจโลก

แน่นอนว่า CHAGEE มีวัตถุดิบหลักคือ ‘ชา’ ทำให้เกิดความกังวลเรื่องภาษีนำเข้าชา ถ้าอิงจากข้อมูลปีที่แล้ว จีนส่งออกชาไปสหรัฐฯ คิดเป็น 9% ของปริมาณการส่งออกทั้งหมด โดยผู้ส่งออกพยายามเร่งส่งของก่อนที่ภาษีใหม่จะมีผล เพราะถ้านโยบายภาษีใหม่มีผลเมื่อไร ชาเข้าจากจีนกำลังจะเผชิญภาษีนำเข้า มากกว่า 100% ซึ่งอาจกระทบโดยตรงกับผู้บริโภคในสหรัฐฯ

“คนดื่มชาตัวยงในสหรัฐฯ จะได้รับผลกระทบหนักแน่นอน ชาเคยเป็นทูตทางวัฒนธรรมของจีนที่ดีที่สุด และเป็นจุดเริ่มต้นของการค้าและการเจรจาในอดีต” Dan Bolton บรรณาธิการนิตยสาร STiR Coffee and Tea ให้ความเห็น

อธิบายง่ายๆ ว่า CHAGEE กำลังจะ IPO เข้าตลาดหุ้นสหรัฐฯ พร้อมพาแบรนด์เข้าไปในประเทศด้วย แต่ก็ยังต้องหวั่นเรื่องสงครามการค้า ภาษีนำเข้าชาที่เป็นวัตถุดิบหลักก็อาจจะสูง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ฐานคนดื่มชาในอเมริกาก็ไม่ได้น้อยเลย นี่คือความท้าทายอย่างมากของบริษัท

[ ทำไม CHAGEE ไม่ IPO  ในตลาดหุ้นอื่น? ]

อีกหนึ่งคำถามที่น่าสนใจคือ แล้วทำไม CHAGEE ถึงเลือก IPO ในตลาด Nasdaq ทั้งๆ ที่ คู่แข่งบางแบรนด์เลือก IPO ในตลาดฮ่องกง เช่น

• • • • Guming ซึ่งราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 82% หลัง IPO ในเดือนกุมภาพันธ์
        
      • Mixue ซึ่งเพิ่มขึ้น 51% หลัง IPO ในเดือนมีนาคม

นักลงทุนรายหนึ่งบอกว่า “ผมไม่เห็นเหตุผลที่พวกเขาจะเลือกขายหุ้นในรูปแบบ American Depositary Receipt (ADR) แทนที่จะเข้าตลาดท้องถิ่น” และยอมรับว่า “ CHAGEE อาจจะทำได้ดี เพราะธุรกิจโดยรวมแข็งแกร่ง”

ถ้ามองในมุม CHAGEE การเข้าตลาด Nasdaq จะช่วยวางตัวเป็นแบรนด์ชาระดับโลก ไม่ใช่แค่บริษัทเครื่องดื่มในจีนเท่านั้นได้ พร้อมทั้งตลาด Nasdaq มีนักลงทุนสถาบันจำนวนมากที่มีศักยภาพในการลงทุนวงเงินสูง ซึ่งอาจช่วยเสริมศักยภาพด้านการระดมทุนในระยะยาว

อ้างอิงจากข้อมูลที่บริษัทเผยแพร่บอกไว้ว่า บริษัทวาณิชธนกิจชั้นนำ เช่น Citigroup, Morgan Stanley, Deutsche Bank และ China International Capital ทำหน้าที่เป็นผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ (underwriters) ในการเสนอขายครั้งนี้ และมีนักลงทุนสถาบันอย่าง CDH Investment Management, RWC Asset Management, Allianz Global Investors Asia Pacific และ ORIX Asia Asset Management ให้ความสนใจที่จะลงทุน

อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจของ CHAGEE ที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ อาจดูเสี่ยงในสายตาหลายคน แต่พอเข้าตลาดมาแล้วก็โตสวนกระแส หุ้น +49% ก่อนจะค่อยๆ ทยอยลงมาปิดตลาดที่ +16% ทำมูลค่าบริษัท 166,735 ล้านบาท

และต้องยอมรับว่าการเข้าตลาดครั้งนี้ของแบรนด์ชาจากจีนเป็นการ “เดิมพันครั้งใหญ่” เพื่อเปิดประตูสู่เวทีโลก และเปลี่ยนแบรนด์ชาแห่งเซี่ยงไฮ้ให้กลายเป็นชื่อที่ผู้บริโภคทั่วโลกรู้จักก็ย่อมได้ ก็ต้องมาดูกันต่อว่าสถานการณ์บริษัทจะเป็นอย่างไรต่อ แต่ที่แน่ๆ ท่ามกลางภาวะแบบนี้ความท้าทายคงรออยู่อีกมาก 

ที่มา

• • • • https://www.ft.com/content/e5ef8452-d371-4be2-bc1b-d8cb87ca1ddc
      • https://www.bloomberg.com/news/articles/2025-04-17/chinese-tea-chain-ceo-becomes-a-billionaire-at-30-after-us-ipo?fbclid=IwY2xjawJwVgFleHRuA2FlbQIxMAABHpyTtQtPYwbhZIfMp_9RSm3RQett9M1ixRJh1X2tf7R6n7KH8rUkby9XxmI-_aem_eGkGjYudWKOxGynOKz2thA&sref=LQZclhPm