มีประเด็นอีกแล้ว! หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกโรงเตือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจชะลอตัวหากธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ไม่รีบลดอัตราดอกเบี้ยในตอนนี้
โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ‘ทรัมป์’ ได้โพสต์ในโซเชียลมีเดียว่า “ตอนนี้แทบไม่มีเงินเฟ้อแล้ว” พร้อมชี้ว่าราคาพลังงานและอาหารลดลง แต่เตือนว่าเศรษฐกิจอาจชะลอตัว หาก “นายผู้มากับความล่าช้า” อย่างประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ‘เจอโรม พาวเวลล์’ ไม่รีบลดดอกเบี้ย
ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่เห็นว่ามาตรการขึ้นภาษีของทรัมป์อาจเร่งเงินเฟ้อและชะลอการเติบโต แม้จะเป็นผลชั่วคราวก็ตาม ขณะที่พาวเวลล์ย้ำว่าเฟดจำเป็นต้องมั่นใจว่าภาษีใหม่จะไม่ก่อให้เกิดเงินเฟ้อเรื้อรัง
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ยังคงวิจารณ์พาวเวลล์อย่างต่อเนื่อง และเคยบอกใบ้ว่าเขาอาจปลดประธานเฟดก่อนหมดวาระ ส่งผลให้ตลาดหุ้นผันผวน โดยดัชนี S&P 500 ร่วงลงกว่า 3% เมื่อวันจันทร์
ท่ามกลางความกังวลของนักลงทุนเมื่อพาวเวลล์อาจถูกปลดซึ่งมีรายงานว่า ทรัมป์ได้สอบถามที่ปรึกษาเรื่องความเป็นไปได้ในการปลดพาวเวลล์ แม้เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารบางคนจะแนะนำว่าไม่ให้ทำ
แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะโต 2.4% ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2024 แต่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าการลงทุนและการใช้จ่ายของภาคธุรกิจที่ลดลงจากผลกระทบของภาษีจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวช่วงปลายปี 2025 นี้
ถึงแม้อัตราเงินเฟ้อจะเริ่มชะลอลง โดยดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 2.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ความคืบหน้าในการลดเงินเฟ้อให้ถึงเป้าหมาย 2% ของเฟดยังคงล่าช้า
และเมื่อเร็วๆ นี้ ทรัมป์เรียกร้องให้เฟดลดดอกเบี้ย หลังจากธนาคารกลางยุโรปปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% เหลือ 2.25% โดยเขาแสดงความไม่พอใจว่าเฟดเคลื่อนไหวช้าเกินไป
ด้าน พาวเวลล์ กล่าวในงาน Economic Club of Chicago ว่า ในการจะลดดอกเบี้ยเฟดต้องแน่ใจว่าเรื่องภาษีจะไม่สร้างปัญหาเงินเฟ้อเรื้อรัง และย้ำว่าเสถียรภาพด้านราคาคือกุญแจสำคัญของตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง เขาและทีมงานต้องการเห็นความชัดเจนมากกว่านี้เกี่ยวกับผลกระทบจากนโยบายรัฐบาลก่อนปรับดอกเบี้ย
นอกจากนี้ พาวเวลล์ยังบอกว่าความเป็นอิสระของธนาคารกลางเป็นข้อกำหนดตามกฎหมายและจะถอดเขาออกได้ก็ต่อเมื่อมีเหตุผลที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น