กลยุทธ์ใหม่ ‘พันธุ์ไทย x กระทิงแดง’ เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ – ตั้งเป้าเพิ่มยอดขายต่อวันแตะ 300 แก้วต่อวัน (ต่อสาขา) ปลายปีนี้

ยุคนี้น่าจะเป็นยุคของผู้บริโภคที่ชอบ D.I.Y เกือบทุกอย่างที่ตัวเองชอบ ไม่เว้นแม้แต่ ‘เครื่องดื่ม’ จากหลายๆ กระแสโซเชียล การบอกต่อ จนไปสู่อินไซต์ที่ ‘พันธุ์ไทย’ ได้จากการเก็บ social listening หนึ่งในเครื่องมือการตลาดที่สำคัญต่อการพัฒนาแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จ

ตลาดเครื่องดื่มและร้านคาเฟ่ต่างๆ ในประเทศไทยถือว่าแข่งขันรุนแรงมาก โดยข้อมูลจากวิจัยกรุงศรี ระบุว่า อุตสาหกรรมเครื่องดื่มของไทยพึ่งพาตลาดในประเทศถึง 79% ของปริมาณจำหน่ายทั้งหมด

แต่พฤติกรรมอย่างหนึ่งของคนไทย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ มีความต้องการเมนูเครื่องดื่มที่หลากหลายขึ้น ไม่จำเจ แปลกใหม่ น่าลอง

เป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้ล่าสุด เราเห็นยักษ์ใหญ่สองแบรนด์ขยับตัวพร้อมกันชวนกันเขย่าตลาดเครื่องดื่ม โดยทั้ง ‘พันธุ์ไทยและกระทิงแดง’ ต่างก็จับมือทำแคมเปญเพิ่มเมนูใหม่ 4 เมนู จุดประสงค์ก็คือ อยากส่งต่อฟีลลิ่ง ‘ความดีด ความตื่นตัว’ ให้ลูกค้า กลุ่มคนที่ชอบทานทั้งกาแฟ และเครื่องดื่มชูกำลัง

[ พฤติกรรมคนเปลี่ยน แบรนด์จึงต้องเปลี่ยน ]

‘สุขวสา ภูชัชวนิชกุล’ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด ได้กล่าวว่า เดิมทีกลุ่มลูกค้าของพันธุ์ไทย คือ Gen X แต่ว่าตอนนี้เริ่มมีลูกค้าที่เป็น Gen Z, Gen Y มากขึ้น ซึ่งเมนูที่แปลกใหม่ เน้นความ D.I.Y สร้างสรรค์จะได้ใจคนกลุ่มใหม่เยอะ

“ด้วยความที่ปัจจุบันมีปัจจัยการขับเคลื่อนการบริโภคมากมาย เทรนด์ในตลาดเครื่องดื่มมีมูฟเมนต์ตลอดเวลา ซึ่งเทรนด์ที่มีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัดก็คือ เทรนด์เครื่องดื่มชูกำลัง เพราะผู้บริโภคต้องการพลังงาน และต้องการคุณค่าไปพร้อมกัน ดังนั้น เทรนด์เครื่องดื่มผสมวิตามิน็เป็นที่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภคมักตอนนี้”

“ดังนั้น 4 เมนูใหม่ที่พันธุ์ไทยกับกระทิงแดงคัดเลือกมาเพื่อช่วยเสริมเรื่องความงาม เช่น คอลลาเจนและวิตามิน ให้ความรู้สึกตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า ทำให้แบรนด์ต้องไม่หยุดนิ่งในการสร้างแบรนด์ พัฒนาผลิตภัณฑ์ และสร้างสรรค์กลยุทธ์การตลาดแบบใหม่ตลอดเวลา”

“พฤติกรรมของผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ มีความเป็น Independent Generation มากขึ้น ต้องการความแปลกใหม่ เป็นตัวของตัวเอง และมองหาเครื่องดื่มรสชาติที่แตกต่าง บางกลุ่มคือ ไม่ได้กินเอาอิ่ม แต่กินเอาคอนเทนต์ แสดงถึงความสำคัญในการหา New Experience และแบ่งปันบนโซเชียลมีเดียมากขึ้น”

ส่วนชื่อ 4 เมนูใหม่จากพันธุ์ไทย ก็คือ

• ช้างยกกําลังทิง
• ทิงซ่าโดดกําแพง
• กำลังช้างสาว
• ช้างกระทืบงาน

สุขวสา ได้เล่าว่า ได้ไอเดียการตั้งชื่อมาจาก ‘เหล้ายาดอง’ ของคนไทยสมัยก่อน เพื่อสะท้อนตัวตนของพันธุ์ไทย และย้ำไอเดียความแปลกใหม่ผ่านทั้ง 4 เมนู

ด้าน ‘วรวุฒิ พงศ์ชินภัค’ ประธานผู้บริหารสายงานขายและการตลาดประเทศไทย กลุ่มธุรกิจ TCP เขาย้ำภาพว่าแคมเปญที่ทำร่วมกับพันธุ์ไทยครั้งนี้ เหมือนเป็นการ ‘ปลุกพลัง’ ให้คนที่ชอบเครื่องดื่มชูกำลัง หรือคนที่ชอบอะไรแปลกใหม่ เปิดใจกับรสชาติที่ไม่คุ้นเคยมากขึ้น

“เรามองว่า กาแฟพันธุ์ไทยเป็นแบรนด์ที่สร้างสรรค์ความสนุกให้กับผู้บริโภคอยู่ตลอด ขณะที่กระทิงแดงเอง ก็พยายามเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ จากเดิมที่เป็น ‘คนวัยทำงาน’ อาจจะขยับอายุมาเป็นคนรุ่นใหม่ได้ แบรนด์พยายามปรับภาพลักษณ์ตัวเอง ดูได้จากการเลือก ‘แบมแบม-กันต์พิมุกต์ ภูวกุล’ มาเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับ RedBull โซดา”

[ คอลแลปครั้งใหม่ คาดจะเพิ่มยอดขายพันธุ์ไทยปีนี้ ]

หนึ่งในความคาดหวังของพันธุ์ไทยนอกจากได้ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เป็นคนรุ่นใหม่มากขึ้นแล้ว ‘สุขวสา’ ได้เผยว่า สิ่งสำคัญที่จะเพิ่มจากการคอลแลปในแต่ละครั้ง ไม่ต่างจากการขยายสาขาก็คือ ยอดขายเพิ่มขึ้น

จากปัจจุบันที่ยอดขาย ‘ต่อวันต่อสาขา’ อยู่ที่ประมาณ 200 แก้ว (ข้อมูลล่าสุดในเดือนพฤษภาคม) โดยคาดว่าภายในปลายปีนี้ยอดขายน่าจะเพิ่มเป็น 300 แก้วต่อวัน (ต่อสาขา) ในกว่า 1,580 สาขาในตอนนี้

นอกจากนี้ พันธุ์ไทยยังมีแพลนที่จะขยายสาขาอีกอย่างน้อย 600 แห่งทั่วประเทศ ด้วยเงินลงทุนกว่า 2.5 ล้านบาท ซึ่งน่าจะเป็น flagship stores ราว 2 หรือ 3 แห่งในแผนการเปิดสาขาเพิ่ม

“แผนการขยายสาขาน่าจะไม่พลาดจากที่วางเป้า เพราะทุกวันนี้เราขยายสาขากันเดือนละ 50 แห่งเป็นอย่างน้อย”

“เราหวังว่าการคอลแลปกันครั้งนี้จะสร้างสีสันในตลาดเครื่องดื่ม และเพิ่มทราฟฟิกในร้านพันธุ์ไทยทั่วประเทศอย่างน้อย 20% ต่อคนต่อแก้ว หรืออาจจะมากกว่านั้น”

ในภาพรวมเกี่ยวกับตัวเลขที่ตั้งเป้าไว้ของยอดขายรวมในปี 2025 พันธุ์ไทยมั่นใจว่า ในปีนี้จะแตะไปถึงระดับ 5,800 ล้านบาท (แต่ก็แอบกระซิบอยากให้ถึง 6,000 ล้านบาท หากกระแสตอบรับดีเกินคาด)

โดยปัจจัยบวก 4 ด้านที่จะช่วยให้เป้านี้ถึงฝั่งแน่ๆ ก็คือ

• การขยายสาขา
• เลือกโลเคขั่นถูกต้อง
• พัฒนาเมนูที่ถูกใจ
• จำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นตามเป้า

ส่วนโมเดลธุรกิจของพันธุ์ไทยที่เป็น ‘ก๋วยเตี๋ยวเรือ’ มีเปรยๆ ด้วยว่าปีนี้คาดว่าจะขยายอีก 5 สาขา ใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาทต่อสาขา เพราะผลตอบรับดีกว่าที่คิด ลูกค้าชอบรสชาติ และลูกค้าเองก็สะดวก

แม้ว่ากลยุทธ์ หรือเครื่องมือการตลาดในปัจจุบันจะมีให้เลือกใช้หลากหลาย แต่การคอลแลปกับแบรนด์ที่ใช้ หรือเข้าใจตรงกัน ก็ยังเป็นหนึ่งในทางเลือกของธุรกิจที่อยากเติบโต แต่สิ่งสำคัญก่อนที่จะตัดสินใจทำงานร่วมกัน ความเด็ดขาดในการเลือก และคาแรกเตอร์ของแบรนด์ตัวเองก็ต้องชัดเจนพอที่จะดึงดูดพาร์ทเนอร์ธุรกิจด้วย