แชร์บทความ คัดลอกแล้ว

SHARE

คัดลอกแล้ว

ถ้ากลับไปบอกเด็กวัย 19 ปี ว่า อีก 5 ปีจะขาดทุน 20 ล้านบาท คิดว่าพวกเขาจะยังเดินหน้าต่อไหม? คำตอบคือ “ใช่” และเขาก็เดินต่อจนถึงจุดที่ขายของหมดสต็อก ไลฟ์ครั้งเดียวทำเงิน 30 ล้าน และตอนนี้กำลังพาแบรนด์เข้าสู่ตลาดหุ้น นี่คือ ‘LA GLACE’

ไม่กี่ปีมานี้แบรนด์สกินแคร์เครื่องสำอางขวัญใจ Gen Z อย่าง ‘LA GLACE’ กำลังเติบโตอย่างน่าสนใจแม้ในช่วงที่ตลาดสกินแคร์และบิวตี้มีคู่แข่งหน้าใหม่มากมาย แต่แบรนด์ยังเติบโต 1,000% ด้วยการรันธุรกิจจากคนกลุ่มเล็กๆ ไม่กี่คน 

เรื่องราวของ ‘LA GLACE’ น่าสนใจอย่างไร? TODAY Bizview ได้พูดคุยกับ 2 ผู้ก่อตั้งแบรนด์อย่าง ‘เอมลินทร์ ธีรธนากิตติพงษ์’ (ไอติม) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  และ ‘ทิวาทัพพ์ ธรารักษ์อนันต์’ (เฟรนฟราย) ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท ไอดีล แอนด์ มาเวลลัส เท็น จำกัด จะมาสรุปการล้มลุกคลุกคลานการทำธุรกิจแบบ Gen Z ให้ครบจบผ่านบทความนี้

[ คู่รักชนชั้นกลาง ที่อยากมีธุรกิจ พัฒนาคุณภาพชีวิตดีที่ดี ]

จุดเริ่มต้นของ LA GLACE เกิดขึ้นจาก “คู่รักวัย 19” ที่อยากมีชีวิตที่ดีขึ้น และอยากสร้างอะไรบางอย่างด้วยกัน ในวันนั้น ‘ไอติม’ เป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มีฐานแฟนติดตามอยู่พอสมควร ส่วน ‘เฟรนฟราย’ คือคนที่คอยซัพพอร์ตอยู่ข้างๆ แบบไม่มีเงื่อนไข ทั้งสองไม่ได้มีต้นทุนมากมาย มีแค่ความตั้งใจและคำถามง่ายๆ ว่า “เราจะทำอะไรกันดี เพื่อให้มีรายได้และอนาคตที่มั่นคง?”

พวกเขาเริ่มจากสิ่งใกล้ตัวที่สุดก่อน เช่น แฟนๆ ที่มาถาม ‘ไอติม’ว่า ทำไมหน้าผ่องจัง ใช้ Tone-Up อะไร? ซึ่งความจริงแล้ว ‘ไอติม’ ใช้ Tone-Up ยี่ห้อหนึ่งมาตั้งแต่เด็ก ใช้จริง รู้จักเจ้าของโรงงานด้วยซ้ำ นั่นจึงกลายเป็นไอเดียแรกของธุรกิจ และก็ลองทำเวอร์ชันที่ดีกว่านี้ แล้วทำแบรนด์ของตัวเองขึ้นมา

สินค้าตัวแรกของแบรนด์เลยคือ Tone-Up ในราคาค่อนข้างสูงสำหรับเด็กมหาวิทยาลัย นั่นคือ 690 บาท ปล่อยออกไปยอดขายดี แต่ก็มาพร้อมดราม่าว่าราคาแพง ซึ่งการตลาดตอนนั้น ‘ไอติม’ ก็ใช้ตัวเองเป็นพรีเซนเตอร์ ผ่านพลังของ Personal Branding

[ บทเรียนจาก ‘อีโก้’ ตัวฉุดธุรกิจร่วง ]

ธุรกิจเติบโตไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่พอเริ่มประสบความสำเร็จ พวกเขากลับหลงไปกับ “อีโก้” คิดว่าตัวเองเก่งพอจะตัดสินใจทุกอย่างได้เอง จึงตัดสินใจขายทุกสิ่งที่มีเพื่อนำมาลงทุนผลิต “ลิปสติกล็อตแรก” ด้วยเงินกว่า 20 ล้านบาท แต่สินค้ากลับใช้งานไม่ได้และขายไม่ออก ตัวเลขลงทุนนั้นก็กลายเป็นหนี้สินไปในทันที 

[  เผชิญหนี้ก้อนโตกับความผิดพลาดครั้งใหญ่ ]

ตอนนั้นทุกอย่างเกิดขึ้นในวัย 23 ปี มีหนี้สิน 20 ล้านบาท  แบกรับความผิดพลาดครั้งใหญ่ ท่ามกลางเสียงวิจารณ์และดราม่าที่ถาโถม เช่น “สินค้าแพง ใช้ยาก” และคำสบประมาทว่า “บินอย่างราชา ล้มอย่างหมา” ซึ่งอีกข้อผิดพลาดตอนนั้นเลยก็คือแบรนด์ผูกกับ ‘ไอติม’ มากไป เวลาเกิดดราม่าอะไร ก็กระทบมา ‘ไอติม’ ด้วย 

ตอนนั้นทั้งคู่ก็ไม่ท้อ ค่อยๆ ฟื้นคืนจากวิกฤต ด้วยการยอมรับและเรียนรู้ ตัดสินใจผ่าตัดแบรนด์ ด้วยการชำแหละหาจุดอ่อนทุกด้าน ตั้งแต่คุณภาพสินค้า บริการ ไปจนถึงระบบหลังบ้านอีกครั้ง ขายสินทรัพย์ที่มีมาใช้หนี้เพื่อลงทุนอีกรอบ จนธุรกิจฟื้นกลับมาได้

[ หัวใจหลักที่ทำให้ LA GLACE กลับมาได้ คือ 2 อย่าง ]

        • ทีมงาน ทุกคนเป็น Gen Z ล้วนๆ โดยพวกเขาเน้นรับ “เด็กดื้อ” ที่กล้าคิด กล้าเถียง ด้วยเหตุผลและความเข้าใจ เพื่อสร้างพลังความคิดใหม่ให้แบรนด์ 
        • บริการ  ดูแลลูกค้าอย่างจริงใจ มีระบบ After-sale ที่แข็งแรง เช่น ลูกค้าซื้อลิป 199 บาท ระบบล่ม สต็อกผิด พวกเขาเลือก “คืนเงิน และส่งลิปคืนไปให้ฟรีอีกแท่ง” จนกลายเป็นไวรัลที่ทำให้แบรนด์กลับมาผงาดอีกครั้ง 

ปัจจุบันแบรนด์เข้าสู่ปีที่ 8 แล้ว โดยมีผลิตภัณฑ์ที่เป็น Product hero ครองใจชาว Gen Z หลากหลายผลิตภัณฑ์ พัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ มีเอกลักษณ์และมีความแตกต่าง  เช่น แพ็คแกจจิงที่มีความเป็นตัวตน Gen Z รวมทั้งทำให้สินค้ามีราคาที่จับต้องได้-เข้าถึงง่าย โดยปัจจุบันบริษัทมีผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง มากกว่า 80 SKU ประกอบไปด้วยกลุ่ม Make up, Skincareและ Mask sheet

และกลุ่มลูกค้าหลักของแบรนด์ก็หลากหลาย เริ่มตั้งแต่อายุ 15-50 ปี แต่ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นกลุ่ม Gen Z (ช่วงอายุ 13-28 ปี) 

[ ย้อนดูผลประกอบการ มี Product hero แบรนด์โต 1,000% ]

ที่น่าสนใจคือ สิ่งที่ทำให้แบรนด์มียอดขายโตไว คือการมี Product hero ถ้ามาย้อนดูผลประกอบการ 3 ปี ย้อนหลังของ บริษัท ไอดีล แอนด์ มาเวลลัส เท็น จำกัด จะพบว่า

        • ปี 2565 รายได้ 39.9 ล้านบาท  มีกำไรสุทธิ  1.65 ล้านบาท  
        • ปี 2566 รายได้ 401.2 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ  108.1 ล้านบาท  โต 1,000% YoY
        • ปี 2567 รายได้ 420 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ  37.7  ล้านบาท 

 ‘ไอติม’ เล่าว่า ตัวเลขผลประกอบการโตขึ้นไวมากในปี 2566  มียอดขายสูงกว่า 400 ล้านบาท โตก้าวกระโดด 1000% และยอดขายยังสูงต่อเนื่องมาถึงปี 2567 เป็นผลจากยอดขายของสินค้าที่เป็น Product hero อย่าง  “บลัชดำ” (BLACK MAGIC LIP & CHEEK PH BLUSH)  ที่ได้การตอบรับอย่างล้นหลาม ครองใจสาวๆ สินค้าตัวนี้สามารถทำยอดขายไปมากกว่า 1.5 ล้านชิ้น

ขณะที่ผลิตภัณฑ์ตัวอื่นยังคงได้รับความนิยม  โดย LA GLACE  MINI AIRY SKIN CONCEALER แบบซองสามารถทำยอดขายได้มากกว่า 1.5 ล้านชิ้นเช่นกัน 

สำหรับปีนี้เรามี Product hero ตัวใหม่คือ LA GLACE DAILY TONER PADS แผ่นบำรุงผิวหน้าก่อนแต่งหน้า ด้วยนวัตกรรมล่าสุด  คือแผ่นผ้าสำลีที่อุ้มน้ำบำรุงผิวหน้าได้ถึง 20 เท่าของน้ำหนัก ที่เราถือลิขสิทธิ์จากเกาหลีใต้ แต่เพียงผู้เดียวในไทย ที่ได้สร้างกระแสฟีเวอร์ ทันทีที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ และเปิดขายวันแรก จากการ Live เพียง 4 ชั่วโมง สามารถทำยอดขายได้มากกว่า 31 ล้านบาท 

คาดว่าตลอดทั้งปีนี้จะสามารถทำยอดขาย LA GLACE DAILY TONER PADS  และสินค้าทั้งหมดของแบรนด์ได้ราวๆ 600-700 ล้านบาท 

[ เตรียมบุกตลาด Gen Z คนจีน ]

ด้าน ‘เฟรนฟราย’ เล่าทิศทางแบรนด์ต่อจากนี้ให้ฟังว่า ตอนนี้แบรนด์ LA GLACE มีช่องทางจำหน่ายหลักๆ 3 ช่องทางคือ ออนไลน์ ออฟไลน์ ตัวแทนและพาร์ทเนอร์ โดยที่ตามช่องทางออฟไลน์ตอนนี้สินค้าขาดสต็อก ทำให้ยอดขายปัจจุบันมาจากออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ แต่ปีนี้จะขยายการผลิตให้ครอบคลุมขึ้น ให้ทุกคนได้เข้าถึงสินค้าของแบรนด์มากขึ้น หาซื้อได้ง่ายขึ้น 

ในปี 2568 ได้ตั้งเป้าหมายรายได้เพิ่มขึ้นแตะหลัก 1,000 ล้านบาท ขยายสินค้าให้ครบ 100 SKUs และขยายตลาดไปยังต่างประเทศภายใน 3 ปีข้างหน้าคือตั้งแต่ปี 2569ถึง 2571 คือตลาดในเอเชีย รวมทั้งตะวันออกกลาง ยุโรป และสหรัฐอเมริกาด้วย โดยหมุดหมายแรกที่จะออกไปคือ ฮ่องกง เพราะถือเป็น Gateway ประตูสู่ลูกค้า Gen Z ชาวจีนแผ่นดินใหญ่  

ตั้งเป้าว่าภายในปี 2571 ยอดขายทุกผลิตภัณฑ์ของบริษัท จะมียอดขายรวม 2,000 ล้านบาท จากทั้งในและต่างประเทศ จากนั้นจะเข้าสู่ตลาดหุ้นไทย (IPO) ภายในปี 2571–2572

และนี่คือเรื่องราวของ LA GLACE แบรนด์ที่เริ่มต้นจากความกล้า ล้มลุกคลุกคลานด้วยสองมือของเด็กวัย 19 ผ่านทั้งช่วงเวลาที่มั่นใจเกินไป และช่วงที่หมดแรงจะลุกขึ้น แต่ทุกบทเรียน ทั้งคำชม คำครหา ความผิดพลาด และเสียงไวรัล กลายเป็นแรงผลักให้ LA GLACE เติบโตอย่างแข็งแรงในแบบของตัวเอง

“ถ้าเราทำด้วยความเป็นเด็ก ล้มไปมันก็ไม่เจ็บ ถ้าไม่ทำตอนนั้น ตอนนี้คงไม่มีทางได้เริ่ม อย่าใช้ชีวิตด้วยความ เสียดาย แต่จงใช้ชีวิตด้วยความ เสียใจที่อย่างน้อยเราได้ลอง”  คำพูดปลุกใจคนรุ่นใหม่ที่อยากมีฝันทำธุรกิจจาก ‘ไอติม’ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ LA GLACE

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า