SHARE

คัดลอกแล้ว

เผลอแป๊บเดียวก็ผ่านมาแล้วครึ่งปี เศรษฐกิจไทยตลอดครึ่งปีแรกยังคงเผชิญแรงกดดันรอบด้าน และยังไม่สามารถฟื้นตัวได้เต็มที่ตามที่หลายฝ่ายเคยคาดหวังไว้เมื่อสิ้นปี 2567

คำถามต่อมาก็คือ แล้วครึ่งปีหลังจะเป็นอย่างไรต่อ? แต่คงต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังยังต้องเผชิญกับแรงกดดันจากหลายปัจจัย

ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งทำให้เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงสูงที่จะเข้าสู่ ‘ภาวะถดถอยทางเทคนิค’ (Technical Recession) หรือภาวะที่เศรษฐกิจหดตัวต่อเนื่องกันสองไตรมาสติดกัน

‘เมธัส รัตนซ้อน’ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO) บอกว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยตอนนี้อยู่ในจุดที่เปราะบาง เนื่องจากต้องเจอกับหลายปัจจัยลบพร้อมกัน ได้แก่

– ความไม่แน่นอนของ สงครามการค้าโลก ที่ส่งผลกระทบต่อการค้าและการลงทุน

– ภาคการท่องเที่ยวที่ยังไม่สามารถกลับไปสู่ระดับก่อนโควิด โดยเฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนที่ยังหายไปมาก

– ปัญหาการเมืองในประเทศที่เสี่ยงกลายเป็น ภาวะสุญญากาศทางการเมือง ทำให้การขับเคลื่อนนโยบายสำคัญชะงัก

– ปัญหา หนี้ครัวเรือนสูง ที่ยังคงเป็นภาระต่อการบริโภคในประเทศ

เมื่อรวมปัจจัยเหล่านี้ TISCO จึงปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย (GDP) ในปี 2568 ลงมาเหลือเพียง 1.6% และปี 2569 คาดว่าจะขยายตัวเพียง 1.4% ซึ่งถือว่าต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้

[ ภาคท่องเที่ยว-ธุรกิจ SMEs ยังไม่ฟื้น ]

อย่างที่เรารู้กันดีว่าภาคท่องเที่ยว เป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทย แต่ยังไม่สามารถฟื้นตัวเต็มที่ โดย TISCO คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้อาจอยู่ที่ 33.5 ล้านคน ลดลง 5.6% จากปีก่อน

ที่น่าห่วงที่สุดคือนักท่องเที่ยวจีนที่เคยเป็นตลาดหลักของไทยยังไม่กลับมาในระดับเดิม โดยข้อมูล 5 เดือนแรกของปี พบว่ามีเพียง 2 ใน 3 ของปีที่แล้ว หรือคิดเป็นเพียง 40% ของช่วงก่อนโควิด ในขณะที่นักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นกลับมาฟื้นตัวใกล้เคียงปกติแล้ว

สถานการณ์นี้สะท้อนถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่ไทยต้องเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่น โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัย เพื่อไม่ให้สูญเสียตลาดสำคัญนี้ไปในระยะยาว เพราะถ้าปล่อยให้สถานการณ์ยืดเยื้อ อาจกระทบต่อรายได้และการจ้างงานในภาคบริการอีกมาก

ขณะเดียวกัน ธุรกิจ SMEs ซึ่งเป็นรากฐานของเศรษฐกิจไทย กำลังเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ทั้งกำลังซื้อในประเทศที่ลดลง การแข่งขันจากสินค้านำเข้า และต้นทุนที่สูงขึ้น หลายธุรกิจเริ่มประสบปัญหาสภาพคล่องและต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

ทาง TISCO จึงมองว่ารัฐควรเร่งออกมาตรการช่วยเหลือ SMEs โดยเฉพาะการใช้บางส่วนของงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท

เพื่อมาจัดทำโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) และโครงการค้ำประกันสินเชื่อ เพื่อเสริมสภาพคล่อง ลดความเสี่ยงในการปิดกิจการ และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการเลิกจ้างงานเป็นวงกว้าง

[ นโยบายการเงิน-การคลัง ความหวังสุดท้าย ]

ในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจชะลอตัวลงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ถูกคาดหวังว่าจะต้องเข้ามามีบทบาทมากขึ้น โดย TISCO ประเมินว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะถูกปรับลดอีก 2 ครั้งในปีนี้ จนเหลือ 1.25% และอาจลดเพิ่มอีกในครึ่งแรกของปีหน้า เพื่อลดต้นทุนทางการเงินและช่วยพยุงกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

ส่วนทางด้าน นโยบายการคลัง แม้จะเป็นความหวังสำคัญ แต่ความสำเร็จขึ้นอยู่กับความสามารถของรัฐบาลในการจัดสรรงบประมาณและเบิกจ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยเฉพาะการเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนให้ได้เกิน 80% และเน้นโครงการที่มีตัวคูณทางเศรษฐกิจสูง ซึ่งจะช่วยชดเชยการชะลอตัวของภาคส่วนอื่นได้บ้าง

อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่น่ากังวลคือ ความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะสุญญากาศทางนโยบาย และส่งผลให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่สามารถขับเคลื่อนได้ตามแผน แรงขับเคลื่อนทางการคลังจึงอาจไม่เพียงพอ และกลับกลายเป็นแรงกดดันเพิ่มต่อเศรษฐกิจ

สำหรับเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังที่ยังต้องเจอกับศึกหนักจากทั้งในและนอกประเทศ ความไม่แน่นอนยังสูง การประคองเศรษฐกิจให้พ้นจากจุดเสี่ยงจึงเป็นเรื่องสำคัญและต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้เศรษฐกิจผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากโดยไม่บอบช้ำเกินไป

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า