SHARE

คัดลอกแล้ว

“ถ้าบ้านเรามีพร้อม ก็คงไม่มา ไม่มีใครอยากจากบ้านตัวเอง มาอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ แบบนี้หรอก” กว่า 8 ปี ที่จากบ้าน จ.นครพนม มาเป็นแรงงานข้ามชาติอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้ การรวมตัวกันเตะฟุตบอล และสังสรรค์ทำอาหารกิน กลายเป็นกิจวัตรประจำบ่ายวันอาทิตย์ ของ บุ๋ม (สงวนชื่อ-สกุล) และกลุ่มเพื่อนแรงงาน 

 

การพูดคุยในวันนั้น บุ๋ม เล่าอย่างไม่ปิดบังว่า เธอ เข้าประเทศเกาหลีใต้มาด้วยวีซ่าท่องเที่ยว และตัดสินใจอยู่ทำงานต่อเมื่อเห็นโอกาสของรายได้ ที่มากกว่าการอยู่ไทยกว่า 3-4 เท่า แรงงานไทยส่วนใหญ่ที่นี่ ก็มีชีวิตไม่ต่างกัน ที่ไม่มีเอกสารใบอนุญาตทำงาน 

“อยู่เมืองไทยต้องทำงานอะไร ถึงจะได้เงินเดือน 3-4 หมื่นบาท?” บุ๋มเล่าประสบการณ์พร้อมคำถามที่น่าสนใจ เพราะกระทั่งการรับจ้างรายวัน ต่อให้มีเว้นช่วงบ้าง เธอยังการันตีเงินขั้นต่ำ 3-4 หมื่นบาท ที่สามารถส่งกลับไปให้ครอบครัวที่รออยู่ได้

บุ๋มเล่าให้ฟังว่า ก่อนมาที่เกาหลีใต้ เธอเคยทำงานในโรงงานตามนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงเคยเป็นลูกจ้างรายวันอยู่ที่ธนาคารแห่งหนึ่งได้เงินเดือนไม่เกิน 15,000 บาท ซึ่งเป็นอาชีพสุดท้าย ก่อนตัดสินใจมาทำงานไกลบ้าน

“คุณภาพชีวิตมันดีกว่าทำงานที่ไทย การกลับไทยไม่เคยอยู่ในความคิด”  คำยืนยันจากบุ๋ม อาจฉายหนึ่งเหตุผล ว่าทำไมคนไทยบางส่วน ถึงเลือกไปเป็นแรงงานข้ามชาติอยู่ในต่างประเทศ 

งานของแรงงานข้ามชาติหญิงในประเทศเกาหลีใต้มักเป็นงานในภาคเกษตรกรรม

ตามข้อมูลจากกรมจัดหางาน ในเดือน พ.ค. 2024 พบว่า มีแรงงานไทยที่ไปทำงานอยู่ในต่างประเทศ และมีข้อมูลอยู่ในระบบ 145,129 คน โดยมีประเทศยอดนิยม อย่าง ไต้หวัน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น

และหากยกปัจจัยที่ทำให้แรงงานไทย เริ่มออกไปทำงานต่างประเทศ คงตั้งต้นขึ้นในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจในไทย ปี 1997 ที่ทำให้เกิดความยากจน หนี้สิน และการจ้างงาน ด้วยค่าแรงต่ำกว่ามาตรฐานในประเทศ ตามมาด้วย ช่วงปี 2006–2014 เกิดการแบ่งแยกระหว่างแรงงานข้ามชาติแบบดั้งเดิม กับกลุ่มบัณฑิตระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งมีหนี้ครัวเรือนสูง ว่างงานหลังเรียนจบ และประสบปัญหาได้งานทำไม่ตรงกับสาขาที่เรียน ทำให้คนกลุ่มเหล่านี้ เลือกไปแสวงหาโอกาสในต่างประเทศ 

ก่อนที่ ปี 2019–2022 ผลกระทบจากโควิด-19 และเศรษฐกิจชะลอตัว ก่อให้เกิดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นเป็น 90% ในปี 2020 และที่สำคัญประเทศไทยเคยถูกจัดอันดับ ให้เป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำด้านรายได้สูงที่สุด เป็นอันดับ 1 ของโลก มาแล้วในปี 2018 

โดยมีดัชนีจีนี (Gini Index) เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวัดความไม่เท่าเทียมกันของรายได้ หรือความมั่งคั่งในประเทศไทยอยู่ที่ 90.2% เทียบกับสหรัฐอเมริกา 85.2% และไต้หวัน 73% นั่นยิ่งเป็นสาเหตุให้คนไทยไปทำงานเป็นแรงงานข้ามชาติอยู่ต่างแดน

เมืองอันซาน (Ansan) หนึ่งในเมืองที่มีแรงงานข้ามชาติอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นในประเทศเกาหลีใต้

[ชีวิตไร้สถานะของแรงงานไทยในเกาหลีใต้]

“ทำงานที่ไทยสิบวัน คือ ค่าแรงของที่นี่หนึ่งวัน และงานก็ไม่แตกต่างกันนัก”

จาก จ.อุบลราชธานี ปลา (สงวนชื่อ-สกุล) คือแรงงานไทยอีกคนที่เป็นเพื่อนบ้าน และเพื่อนร่วมงานของบุ๋ม ทั้งสองเล่า ในแต่ละวันจะมีคนมาจ้างให้ไปทำงานในสวน เช่น ถอนหญ้า เด็ดดอกโสม เก็บเมลอน เป็นต้น 

ปลาเล่าว่า วันไหนมีงานก็จะออกไปตั้งแต่ 7 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น และฝากลูกให้เพื่อนบ้านเลี้ยง แลกค่าแรงต่อวัน อยู่ที่ 120,000 วอน หรือประมาณ 3,000 บาท

“เกาหลีใต้ผู้ชายจะได้ค่าแรงสูงกว่าผู้หญิง” ปลากล่าวถึงสามี ที่ทำงานเป็นช่างเชื่อมอยู่ในโรงงาน โดยได้ค่าแรงอยู่ที่ 140,000 – 150,000 วอนต่อวัน คิดเป็นเงินไทยราว 3,290-3,530 บาท

เธอกล่าวว่า งานของผู้ชายส่วนใหญ่จะหนัก และเสี่ยงอันตรายมากกว่า จึงทำให้เธอรับบทบาทในการดูแลบ้าน และดูแลลูก ไปพร้อมๆ กันด้วย  ถึงได้เห็นภาพ ปลาอุ้มลูกวัย 2 ขวบอยู่ข้างอกในระหว่างพูดคุย “จะกลับไปได้ก็ต่อเมื่อมีเงินก้อน อย่างน้อยๆ อยู่ที่นี่แย่สุดก็ถูกเขาส่งกลับบ้านเท่านั้น”

เรื่องราวเหล่านี้ ดูจะเป็นที่รับรู้ของเจ้าหน้าที่ไทย บัญชา ยืนยงจงเจริญ อัครราชทูต/รองหัวหน้าสำนักงานของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ให้ข้อมูลว่า แรงงานไทยที่มีเอกสารการทำงานครบถ้วน มีอยู่ประมาณ 30,000 คน ขณะที่ บางช่วงเวลา แรงงานไทยในเกาหลีใต้เคยมีจำนวนสูงสุดถึง 200,000 คน 

นั่นหมายความว่า ส่วนใหญ่ไม่มีเอกสารการทำงาน ทำให้สถานทูตต้องทำหน้าที่คอยช่วยเหลือ ในการออกเอกสารประจำตัว เช่น บัตรประชาชน และพาสปอร์ต เพื่อให้แรงงานสามารถเข้ารับบริการขั้นพื้นฐานในเกาหลีใต้ได้ เช่น การเปิดบัญชีธนาคาร การรักษาพยาบาล เป็นต้น

บัญชา ยืนยงจงเจริญ อัครราชทูต/รองหัวหน้าสำนักงานของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล

อัครราชทูตฯ บัญชา กล่าวว่า มีความร่วมมือกับทางการเกาหลีใต้ ออกโครงการลดจำนวนคนไทยที่ทำงานแบบไม่มีเอกสาร ให้พวกเขาสามารถสมัครใจเดินทางกลับไทย โดยไม่ต้องเสียค่าปรับ และมีกว่า 50,000 คน ที่ตัดสินใจร่วมโครงการ

“ไม่ใช่คนที่มาทำงานทุกคนจะประสบความสำเร็จ บางคนอายุมากขึ้น ร่างกายไม่ได้แข็งแรงเหมือนเดิม ทำให้ตกงาน”

อัครราชทูตฯ บัญชา ยังทิ้งท้ายว่า การที่คนไทยมาเป็นแรงงานในประเทศเกาหลีใต้ ก็ไม่ต่างจากคนในประเทศเพื่อนบ้าน ที่มาทำงานในประเทศไทย ซึ่งเผชิญปัญหาที่แรงงานข้ามชาติไม่มีเอกสารสำหรับการทำงานเช่นกัน

ทั้งนี้ สถานทูตไทยในเกาหลีใต้ พยายามทำงานร่วมกับศูนย์ช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ เพื่อช่วยเหลือแรงงานไทยทุกคนที่ได้รับความเดือดร้อน และให้สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานได้

[‘ความยากจน’ ปัจจัยผลักสู่เส้นทางแรงงานข้ามชาติ]

“เรามาตรงนี้ก็เป็นแรงงานข้ามชาติคนหนึ่ง ไม่ต่างจากแรงงานข้ามชาติในประเทศไทย คนพม่าที่อยู่ในบ้านเรา เขาก็มาทำงานหาเงินไม่ต่างจากเรา”

เป็นคำตอบของ บุ๋ม เมื่อถูกถามถึงสถานะการเป็นแรงงานข้ามชาติในเกาหลีใต้ เธอให้ความเห็นว่า ทุกคนก็ต่างต้องการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น 

เช่นที่เธอต้องดิ้นรนมาอยู่เกาหลีใต้ เพราะว่างงานในไทย และไม่สามารถหารายได้เพียงพอในการเลี้ยงดูครอบครัว ซึ่งในตอนนี้ ลูกคนโตก็เรียนพยาบาลอยู่ที่ไทย ในขณะที่ ลูกคนเล็กยังอยู่ด้วยกันที่เกาหลีใต้ ซึ่งอีกไม่นานต้องจากแม่ กลับไปอยู่กับตายายที่ไทย 

บุ๋มและลูกชายคนเล็กของเธอ

“บางทีลูกโทรมาขอเงิน 1,000-2,000 เราก็บอกลูกว่า ‘รอแม่ก่อนนะ พรุ่งนี้แม่ออกไปทำงานได้เงินวันละ 2,000-3,000’ ก็โอนให้ลูกได้แล้ว”

บุ๋มเล่าย้อนกลับไปถึงชีวิตในวัยเด็ก เธอเติบโตมาในครอบครัวชาวนา ที่ช่วยพ่อกับแม่ทำนามาตั้งแต่เด็ก พอเรียนจบชั้นมัธยมปลายก็เริ่มทำงานเลี้ยงดูตัวเอง จึงเข้าใจความลำบากเหล่านั้นดี ถึงไม่อยากให้ลูกลำบากเหมือนเธอ

“ชาวนาไทยขายข้าวบางปียังไม่ได้ค่าปุ๋ยคืนเลย นี่เป็นอีกเหตุผลให้คนไทยเลือกมาทำงานต่างประเทศ ทำนาแล้วเป็นหนี้ซื้อข้าวกินดีกว่า แต่ว่าสำหรับคนเฒ่าคนแก่  คือชีวิตของพวกเขา”

แม้ชีวิตในเกาหลีใต้จะต้องหลบๆ ซ่อนๆ แต่ บุ๋ม ยังมีความหวังมากกว่าทำงานอยู่ในไทย แม้จะต้องคิดถึงบ้าน แต่อย่างน้อยก็ยังมีเงินส่งกลับบ้าน ด้วยการทำงานในที่แจ้ง บุ๋มเล่าว่า แรงงานอย่างเธอ จะมีงานเยอะในช่วงฤดูร้อน ก่อนจะขาดช่วงในฤดูหนาว ทำให้คนไทยหลายคน ตกงานในช่วงเวลาดังกล่าว

และยามยาก สถานที่ที่คนไทยมักไปขอความช่วยเหลือ คือ ตามศาสนสถานของชุมชนไทย ทั้ง วัด โบสถ์ มัสยิด รวมถึงร้านอาหาร บาร์ไทย ศูนย์ช่วยเหลือแรงงาน และสถานทูตไทย

ศูนย์ช่วยเหลือแรงงานไทย โดยองค์กรภาคประชาสังคม

“เราให้ความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกลับคืนไปให้เขา ไม่ว่าจะทำอาชีพใด มีเอกสารหรือไม่ ทุกคนมีคุณค่าเท่ากัน และมีสิทธิที่จะพ้นทุกข์ที่ตนเองเผชิญอยู่”

พระสงฆ์รูปหนึ่งในวัดไทย ที่มาจำวัดอยู่เกาหลีใต้ ซึ่งไม่ประสงค์ออกนามกล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือคนไทย ด้วยการให้ที่พักชั่วคราว สำหรับคนไม่มีที่ไป โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาว ที่มีทั้งคนตกงาน เจ็บป่วย และหลายคนเสียชีวิตจากโรคไหลตาย เพราะส่ทำงานอยู่ในภาคเกษตร และไม่ได้มีที่พักอาศัยที่ให้ความอบอุ่นได้อย่างเพียงพอ

[ไม่ใช่แค่แรงงานอยากอยู่ นายจ้างก็อยากได้]

“ถ้าจ้างคนเกาหลี 1 คน เท่ากับจ้างคนไทย 2 คน นายจ้างเลยต้องพึ่งแรงงานข้ามชาติ”

ไม่ต่างจากประเทศไทย บุ๋ม เล่าว่า งานที่แรงงานข้ามชาติส่วนใหญ่ทำ คือ งานประเภท 3D ได้แก่ งานหนัก (Difficult) งานสกปรก (Dirty) และงานอันตราย (Dangerous) “คนเกาหลีใต้ ถ้างานในสวน หรือ งานในโรงงาน เขาไม่ค่อยทำกัน จึงเป็นโอกาสของแรงงานข้ามชาติ”

สถานการณ์เกาหลีใต้เอง ที่เผชิญไม่ต่างจากประเทศไทย คือ งานไร้ทักษะ และกึ่งทักษะ ถูกแทนที่ด้วยแรงงานข้ามชาติ โดยมีเพียงหัวหน้าคนเกาหลีคอยคุม

เกาหลีใต้เผชิญกับสังคมสูงอายุ ทำให้ขาดแคลนกำลังแรงงาน และต้องนำเข้าแรงงานข้ามชาติ

“อยากให้สังคมเปิดใจกับเรื่องแรงงานข้ามชาติ คิดถึงใจเขาใจเรา แรงงานข้ามชาติ คือ กลุ่มคนที่ต้องดิ้นรนเพื่อครอบครัว ใครจะไม่อยากมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นบ้าง” ไม่ได้ปฏิเสธว่าสิ่งที่ทำไม่ผิด เพียงแต่หลายคนก็อาจมีเงื่อนไข ให้ต้องดิ้นรนเป็นแรงงานข้ามชาติ โดยไม่ได้ต้องการทำเรื่องไม่ดีต่อใคร

แล้วทำไมถึงไม่เลือกมาทำงานอย่างถูกต้องตามขั้นตอน? คำถามที่จะข้ามไปไม่ได้ โดย บุ๋ม อธิบายว่า การสอบและระยะเวลารอนาน ไม่ตอบโจทย์แรงงานส่วนใหญ่ ที่มีความจำเป็นต้องได้งานอย่างรวดเร็วที่สุด เพื่อส่งเงินให้กับทางบ้าน “ไม่มีใครอยากทำผิดกฎหมายหรอก ถ้าระบบมันเอื้ออำนวย”

ถึงตอนนี้ ในวัย 37 ปี บุ๋ม ยังไม่มีแผนเดินทางกลับประเทศไทย เพราะรู้ดีว่า กลับไปไม่สามารถหารายได้เท่ากับการอยู่ในเกาหลี  ย้อนไปราว 7 ปีก่อน เธอมาเกาหลีด้วยเงินติดตัว 50,000 บาท ก่อนที่ การทำงาน 2-3 ปีแรก จะทำให้สามารถใช้หนี้สินให้กับครอบครัว จากการทำการเกษตรได้ มาวันนี้ เธอจึงมีเงินเพียงพอ สำหรับส่งกลับไปให้ครอบครับได้ทุกเดือน

“ยังกลับไม่ได้ เพราะเราต้องอยู่เป็นหลักให้ที่บ้าน บางคนบอกว่าประเทศเราก็หากินได้ แต่ความเป็นจริงมันไม่ใช่อย่างนั้น ไหนจะค่าเทอม ค่ากินของลูกเราในแต่ละวัน ทุกอย่างเป็นเงินเป็นทองหมดสมัยนี้”

บุ๋ม กล่าวในขณะที่ลูกคนเล็กเดินอยู่ไม่ไกล และอีกไม่นาน ก็ต้องกลับไปเข้าเรียนในประเทศไทยในไม่ช้านี้

ด้วยห่างบ้านมาไกล และตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน บรรยากาศที่ได้ทำกับข้าว หรือกินอาหารไทย รวมทั้งตั้งวงสังสรรค์หลังเลิกงานกับคนชาติเดียวกัน จึงเป็นช่วงเวลาเดียว ที่ทำให้พวกเขาได้รู้สึกใกล้บ้าน เช่นในวันนี้ ที่กลุ่มแรงงานไทย ได้ตั้งร้านขายก๋วยเตี๋ยวน้ำตก ให้กับผู้ที่มาร่วมงานเตะบอล 

“กินอาหารเกาหลีแล้วมันไม่มีแรง ไม่เหมือนกินข้าวเหนียวบ้านเรา ที่นี่มีปลาดุก กบ เขียด ที่เกาหลีมีสินค้าไทยเข้าไป เพราะมีคนไทยอยู่กันเยอะ” 

การแข่งขันฟุตบอลของแรงงานไทยในเกาหลีใต้ ที่จัดขึ้นปีละ 2 ครั้ง

[แรงงานไทยรอวันกลับบ้าน]

“คิดถึงบ้านสิ แต่ชีวิตมันต้องหาเงิน ถ้าค่าแรงมันได้ใกล้เคียงกัน อยู่บ้านยังไงก็สบายกว่า” ปลากล่าว

โดยช่องทางที่แรงงานไทยส่วนใหญ่เลือกใช้ ในการย้ายถิ่นฐานไปทำงานในต่างประเทศนั้น ประกอบด้วย 6 วิธี คือ 

  • บริษัทจัดหางาน/นายหน้าในไทย 
  • กรมการจัดหางานของภาครัฐไทยส่งแรงงานไปยังประเทศปลายทาง
  • เดินทางไปทำงานเอง
  • นายจ้างในไทยพาลูกจ้างไปทำงานต่างประเทศ
  • นายจ้างในไทยส่งพนักงานไปฝึกงาน
  • เหยื่อการค้ามนุษย์และการลักลอบเข้าเมือง

“มันก็มีความอึดอัดที่ออกไปไหนก็ต้องระแวง แต่ถ้าต้องกลับไปทำงานที่เมืองไทยสู้อยู่ที่นี่ดีกว่า”

บุ๋ม เล่าว่าเธอไม่ได้กลับบ้านมา 7 ปีแล้ว แต่การเลือกกลับบ้านนับเป็นทางเลือกสุดท้าย ในวันที่ยังไม่มีอะไรมั่นคงในชีวิตให้กับครอบครัว

“แต่สุดท้ายบ้านอย่างไรก็คือบ้าน วันหนึ่งเราต้องกลับบ้าน เราแค่มาอยู่เพื่อทำงาน หาเงินเลี้ยงครอบครัว” บุ๋มกล่าวถึงความฝันในบั้นปลายชีวิตการทำงานของเธอ 

โดยก่อนที่จะจากกัน บุ๋มได้ชักชวนให้ไปร่วมงานเทศกาลวันสงกรานต์ของคนไทยในเกาหลีใต้ ที่จัดในวันที่ 8 มิถุนายน ที่ผ่านไป เนื่องจากที่ประเทศเกาหลีใต้เพิ่งเข้าสู่ฤดูร้อน  “มีการแห่พระ เล่นน้ำสงกรานต์  ทุกปีคนร่วมงานเป็นพันคน เราก็เก็บรักษาวัฒนธรรมของเราไว้ สิ่งเหล่านี้สำคัญ เพราะมันทำให้เรานึกถึงบ้าน” บุ๋มกล่าวทิ้งท้าย

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า