คลิปเจ้าอาวาสวัดเมืองกรุงเก่า มีอาการคล้ายเมาสุรา ว่อนเน็ต ! โต้ แค่ฉันยาแก้แพ้

ประเด็นคือ – แชร์กันทั่ว วัดชานเมืองกรุงเก่า เจ้าอาวาสขึ้นเทศน์วันปีใหม่ มีอาการคล้ายเมาสุรา เจ้าตัวโต้แค่กินยาแก้แพ้เลยรู้สึกสะลึมสะลือ เจ้าคณะอำเภอชี้ หากมีหลักฐานผิด จับสึกแน่

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 5 ม.ค. 61 ผู้สื่อข่าวพบว่ามีการแชร์คลิปวีดีโอภาพพระภิกษุมีอาการคล้ายเมาสุราโต้เถียงกับญาติโยม และอาการสะลึมสะลือคล้ายกับเมาค้างขึ้นนั่งเทศน์ จึงทำการตรวจสอบจนทราบว่าคลิปดังกล่าวเป็นภาพของเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในเขต อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา โดยในคลิปเป็นภาพของเจ้าอาวาสโต้เถียงกับญาติโยมที่มาแก้บนมีลิเกภายในวัด และอีกช่วงเป็นช่วงวันที่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมานี้เอง เป็นช่วงการทำบุญช่วงปีใหม่ ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ

https://www.youtube.com/watch?v=Kxigz1CYh6A&t=14s

เมื่อเดินทางไปถึงได้เอาคลิปให้กับพระลูกวัดดู ซึ่งยืนวันว่าเป็นเจ้าอาวาสของวัดจริง แต่ไม่ขอแสดงความคิดเห็น ขอให้คุยกับเจ้าอาวาสเอง ผู้สื่อข่าวจึงเข้าไปที่กุฏิของเจ้าอาวาส แต่พบว่ากุฏิปิด แต่มีรองเท้าวางอยู่ จึงใช้เวลาเรียกอยู่นาน กระทั่งเจ้าอาวาสเปิดประตูออกมารับเข้าไปคุยภายในกุฎิ ซึ่งสภาพภายในกุฎิ และรอบบริเวณวัดมีสภาพเก่าและโทรมมาก

หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวจึงเปิดคลิปให้ดู ซึ่งเจ้าอาวาสยอมรับว่าเป็นตนเอง โดยบอกว่าคลิปที่ยืนเถียงกับชาวบ้านนั้น เป็นช่วงที่มีโยมรายหนึ่งนำลิเกมาแก้บนภายในวัด และตนเองมีปากเสียงกับโยมที่ไม่ค่อยถูกกันอยู่แล้ว โยมคนดังกล่าวคิดว่าตนเมา เนื่องจากตนเป็นคนพูดจาเหมือนคนเมา อาจจะเป็นเพราะฉันยาแก้แพ้มากไป เช่นเดียวกับช่วงที่เห็นนั่งอยู่ที่ศาลาวันปีใหม่ ก็มีอาการจากการฉันยาแก้แพ้มากนั่นเอง ไม่ได้กินเหล้า ซึ่งใครอยากจะคิดว่าตนดื่มเหล้าก็ไม่ว่า ห้ามไม่ได้ ปลงแล้ว ถ้าผิดจริง เจ้าคณะอำเภอเจ้าคณะตำบล คงจัดการตนไปแล้ว

ด้านพระครูชินธรรมาภรณ์ ชินปุตโต เจ้าคณะอำเภอบางบาล และเจ้าอาวาสวัดสีกุก เปิดเผยหลังดูคลิปว่า วัดดังกล่าวอยู่ในความปกครองของพระครูอุดมนวการ อตตทโม เจ้าคณะตำบลน้ำเต้า พระขาว เคยมีการร้องเรียนพฤติกรรมของเจ้าอาวาสรูปนี้มาหลายครั้ง แต่เป็นเพียงการร้องเรียนด้วยหนังสือ และการกล่าวหา แต่ไม่มีตัวตนของคนร้องเป็นเรื่องราว และไม่พบหลักฐานว่านั่งดื่มสุรา ซึ่งหากพบหลักฐานนั่งดื่มสุรา หรือเอาไปตรวจเจอสารแอลกอฮอล์จริง ก็ต้องดำเนินการให้สึกอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามได้ให้เจ้าคณะตำบลไปตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป