ในห้วง 2-3 วัน ที่ผ่านมา หลายคนต่างเสียใจกับการสูญเสียเสือดำ 1 ตัว จากการถูกล่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก
ไม่เพียงความเสียใจกับคนที่ติดตามเท่านั้น แต่สำหรับเจ้าหน้าที่ลาดตระเวน มองว่าเป็นการทำลายความรู้สึกอย่างรุนแรง เมื่อเสือดำที่ตายเป็นเสือที่เชื่องและชินกับคน
3 ชั่วโมง กับการเดินทางไปเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตก อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ของ “ทีมข่าวเวิร์คพอยท์” เพื่อหาข้อมูลของจำนวนเสือดำที่เหลืออยู่ในผืนป่าแห่งนี้
ข้อมูลจาก กองทุนสัตว์ป่าโลกสากล หรือ WWF ระบุ เสือดาวและเสือดำที่มีอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรทั้งหมด 130 ตัว มีเสือดำเพียง 26 ตัว เพราะสัดส่วนเมื่อเสือดาวคลอดลูกเสือ 1 ครอก จะมีเสือดำ 1 ตัว หรือเป็นเสือดาวทั้งหมด
ข้อมูลสำรวจประชากรเสือของสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ตะวันตก ระบุ ร่องรอยเสือโคร่งกระจายตัวในหน่วยมหาราช ส่วนเสือดำและเสือดาวอยู่ระหว่างสรุปข้อมูล
นายอนุวงศ์ ศรีจันทร์ เจ้าหน้าที่ลาดตระเวนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ระบุว่า ในรอบ 25 ปี ที่ตนเดินลาดตระเวนทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตก มีเสือดำประมาณ 10 ตัว ซึ่งแต่ละตัวค่อนข้างคุ้นเคยกับมนุษย์ เพราะในหลายสิบปี มีแต่เจ้าหน้าที่ที่ใกล้ชิดกับสัตว์ป่ามากที่สุด โดยเสือดำมีอุปนิสัยเชื่องกับคน ไม่ดุร้าย ชอบมานอนโชว์ตากแดด หรือมาป้วนเปี้ยนให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง และไม่ค่อยระแวดระวังคน เพราะที่ผ่านมาไม่มีคนไปทำร้ายมัน
สำหรับจุดที่เสือดำถูกคณะของ นายเปรมชัย กรรณสูต ฆ่าตาย เป็นเสือดำที่อาศัยในจุดห้วยปะชิ ติดแหล่งน้ำและอาหาร ซึ่งในจุดนี้ถือเป็นเอกลักษณ์ เพราะจะพบเสือดำวัย 5 ปี คู่หนึ่ง เชื่อว่าเป็นตัวผู้กับตัวเมีย อาศัยในจุดนี้มา 4 – 5 ปี เจ้าหน้าที่เห็นเสือดำคู่นี้ตั้งแต่เล็กๆ จนถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลัง นายวิเชียร ชินวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ ได้เชิญคณะของนายเปรมชัยออกจากพื้นที่ตั้งแคมป์
ขณะนั้นทีมเจ้าหน้าที่พบเพียงเครื่องในสัตว์ แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นสัตว์ชนิดใด ระหว่างกลับ เสือดำตัวเมียได้กระโจนวิ่งนำหน้ารถเจ้าหน้าที่ไปได้ระยะทางพอสมควร ก่อนที่จะเลี้ยวเข้าป่าหายไป ซึ่งได้สร้างความประหลาดใจให้กับเจ้าหน้าที่
ทั้งนี้ เสือดำอีกตัวที่ตายไป คาดว่าน่าจะถูกนำเหยื่อมาล่อ ก่อนยิงปืนสังหาร ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศในรัศมี 10 กิโลเมตร เพราะเสือดำตัวที่อยู่ จะต้องออกจากพื้นที่ตนเพื่อหาคู่ตัวใหม่ และอาจทำให้เจ้าหน้าที่จะไม่เจอ “เสือดำ” ในห้วยปะชิอีกต่อไป
ขอบคุณภาพจาก FB: Sunshine Sketcher