SHARE

คัดลอกแล้ว

‘ผงชูรส’ สินค้าคู่คนไทยมานานอย่าง ‘อายิโนะโมะโต๊ะ’ แบรนด์ 116 ปีจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งสะท้อนถึงเติบโตของสินค้าประเภทนี้ในตลาดประเทศไทย โดยในปี 2567 ตลาดผงชูรสในไทยมีมูลค่ากว่า 15,000 ล้านบาท เติบโตราว 1-3% ทุกปี ขณะที่อายิโนะโมะโต๊ะยังคงครองส่วนแบ่งตลาด มากกว่า 90%

ปัจจุบัน ‘ผงชูรส’ ขับเคลื่อนโดยผู้ใช้หลักคือธุรกิจอาหาร 70% ขณะที่ 30% มาจากผู้บริโภคในครัวเรือน แต่ความท้าทายใหม่ที่เกิดขึ้นของผงชูรส ก็คือ พฤติกรรมของคนเมืองและคนรุ่นใหม่ที่ทานอาหารนอกบ้านมากขึ้น และการทำอาหารที่บ้านลดลง ส่งผลให้การเติบโตของตลาดครัวเรือนต้องได้รับการกระตุ้น

ไหนจะเป็นเรื่องความเชื่อในอดีตที่บอกว่าผงชูรสมักทานแล้วผมร่วง ทำให้ธุรกิจผงชูรสเองต้องออกมาสื่อสารให้ผู้บริโภคเข้าใจมากขึ้น และปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน

TODAY Bizview ได้พูดคุยกับ ‘พนิดา เนื่องรักษา’ ผู้จัดการแผนกผงปรุงรสและกลยุทธ์ภาคครัวเรือน บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด ถึงตลาดผงชูรสในปัจจุบัน และพฤติกรรมผู้บริโภค และธุรกิจของอายิโนะโมะโต๊ะ สรุปให้ครบจบผ่านบทความนี้ 

[ คนไทยมีความเชื่อผิดเกี่ยวกับผงชูรส แบรนด์ต้องพยายามสื่อสารใหม่ ]

‘พนิดา เนื่องรักษา’ เล่าว่า ในอดีตผู้บริโภคบางกลุ่มมีมุมมองที่ไม่ดีเกี่ยวกับผงชูรส มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น การเชื่อมโยงกับโซเดียมสูง หรือแม้แต่เรื่องผมร่วง ซึ่งทางแบรนด์ต้องสื่อสารให้ผู้บริโภคเข้าใจว่า ผงชูรสไม่ได้มีโซเดียมสูงเหมือนเกลือ และไม่มีความเชื่อมโยงกับอาการผมร่วง แต่เป็นเรื่องของพันธุกรรม

อีกประเด็นที่สำคัญคือ ที่มาของผงชูรส ซึ่งผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น มันสำปะหลังในไทย โดยที่ผ่านมา อายิโนะโมะโต๊ะ พยายามเน้นให้เห็นถึงที่มาที่ไปของผลิตภัณฑ์ และกระบวนการผลิตที่ปลอดภัย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคยุคใหม่แทน 

ความสำเร็จของ ‘อายิโนะโมะโต๊ะ’ ที่ทำให้ครองส่วนแบ่งตลาดได้เกิน 90% มีการใช้กลยุทธ์หลัก 3 ด้าน อาทิ 

        1. สร้างสังคม “กินดี มีสุข” เน้นสื่อสารถึงคุณค่าทางอาหาร และส่งเสริมให้คนกลับมาทำอาหารมากขึ้นด้วยการใช้ผงชูรสเป็นเครื่องมือช่วยให้การปรุงอาหารง่ายขึ้น รณรงค์ให้ใช้เครื่องปรุงที่พอเหมาะไม่ปรุงด้วยเครื่องปรุงหลายตัวที่เยอะเกินไปจนทำให้โซเดียมสูง
        1. พัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์ อายิโนะโมะโต๊ะ พลัส ที่ให้รสชาติเข้มข้นขึ้น ในปริมาณที่น้อยตอบโจทย์ธุรกิจร้านอาหาร เพราะสามารถใช้ในปริมาณที่น้อยลง แต่ความเข้มข้นเท่าเดิม ซึ่งเหมาะมากอาหารอีสาน เช่น ส้มตำ
        1. นวัตกรรมและความยั่งยืน ปรับปรุงกระบวนการผลิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ให้เป็นวัสดุที่รักษ์โลกมากขึ้น โดยการเปลี่ยนมาใช้ซองกระดาษ ลดการใช้พลสติกลงแทน

สำหรับยอดขายของ อายิโนะโมะโต๊ะ ‘พนิดา เนื่องรักษา’ ยังเล่าให้ฟังว่า “ยอดขายดีที่สุดของไทยคือ ‘ภาคอีสาน’ อาจเป็นเพราะว่ามีอาหารพวกส้มตำ คนไทยเสพติดส้มตำรสชาตินัวร์ ผงชูรสจึงช่วยดึงรสชาติออกมาได้ดี โดยตลาดรองลงมาเป็น ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ และกรุงเทพฯ”

แบรนด์ยังมีมาสคอต “อายิแพนด้า” ที่ใช้เป็นทูตของกลุ่มบริษัทอายิโนะโมะโต๊ะ ช่วยสื่อสารแบรนด์ให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ได้เข้าถึงมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งน้อง “อายิแพนด้า” ก็มีเมอร์เชนไดเป็นของตัวเอง เช่น กล่องจุ่มออกมาให้กลุ่มลูกค้าได้ลองสะสมกัน 

[ รสดีเมนู และซอสทาคูมิ ก็ยังโตดี เพราะตอบโจทย์คนทำอาหารไม่เก่ง ]

อายิโนะโมะโต๊ะ ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในเครือที่เป็น core business ในปัจจุบัน เช่น รสดี ซึ่งเป็นผู้นำตลาดเครื่องปรุงสำเร็จรูป และยังคงเติบโตได้ดี โดยเฉพาะ ‘รสดีเมนู’ ที่เน้นความสะดวกในการปรุงอาหาร มีให้ทั้งเมนูผัดกะเพรา พะโล้ ฯลฯ ซึ่งเหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการทำอาหารเอง

นอจากนี้ก็มี ‘ซอสทาคูมิ’ ซึ่งมีการพัฒนาให้เข้ากับรสชาติของคนไทย โดยเฉพาะเมนูไข่ ให้รสกลมกล่อม ไม่เค็มโดด ต่างจากซอสญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม

สรุปง่ายๆ ก็คือ ตลาดผงชูรสยังคงเติบโตได้ดี แต่ความท้าทายสำคัญคือ การปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพและทานอาหารที่บ้านน้อยลง อายิโนะโมะโต๊ะ ยังให้ความสำคัญกับการสื่อสารให้เข้าใจถึงที่มาของผงชูรส กระบวนการผลิต เพื่อขจัดความเข้าใจผิด และเน้นสร้างแรงบันดาลใจให้คนอยากทำอาหารมากขึ้น

ทั้งแนวคิด วิถีปฎิบัติของอายิโนะโมะโต๊ะ สะท้อนให้เห็นว่า การรักษาความเป็นมาร์เก็ตลีดเดอร์ของแบรนด์ทำอย่างไร หรือคิดอย่างไร ไม่ใช่แค่เรื่องการรักษาส่วนแบ่งตลาดในไทย แต่ยังรวมถึง การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ และการให้ความสำคัญกับความยั่งยืนของธุรกิจ ซึ่งก็เป็นทิศทางที่สำคัญในอนาคตของโลกธุรกิจยุคนี้

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า