WHO เจรจาเมอร์คขอซื้อยา ‘โมลนูพิราเวียร์’ 300 บาท/คอร์ส ช่วยประเทศยากจน

องค์การอนามัยโลกเผยกำลังเจรจากับเมอร์ค เพื่อซื้อยาโมลนูพิราเวียร์ ในราคา 10 ดอลลาร์ต่อคอร์ส ช่วยประเทศยากจนให้สามารถเข้าถึงยาต้านโควิด-19 ได้อย่างเท่าเทียม

วันที่ 20 ต.ค. 2564 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างร่างเอกสารฉบับหนึ่งระบุว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) กำลังดำเนินโครงการที่จะช่วยให้ประเทศยากจนทั้งหลายสามารถเข้าถึงวัคซีน การทดสอบ และการรักษาโรคโควิด-19 ได้อย่างเท่าเทียม โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะจัดหายารักษาผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรงในราคาเพียง 10 ดอลลาร์ต่อคอร์ส หรือราว 300 บาท ให้กับประเทศเหล่านั้น 

เอกสารดังกล่าวระบุว่า โครงการ Access to COVID-19 Tools Accelerator (ACT-A) ได้กำหนดเป้าหมายไว้จนถึงเดือน ก.ย. ว่าจะจัดส่งชุดตรวจโควิด-19 ประมาณ 1 ล้านชุดให้กับกลุ่มประเทศรายได้ต่ำ และจัดหายารักษาผู้ป่วย 120 ล้านคนทั่วโลก จากที่มีการคาดการณ์ไว้ว่าจะมีผู้ป่วยรายใหม่ 200 ล้านรายในอีก 12 เดือนข้างหน้า 

แม้ WHO จะไม่ได้ระบุโดยตรงถึงการจัดซื้อยาโมลนูพิราเวียร์ แต่ในเอกสารมีการกล่าวถึงแผนการจัดซื้อยาที่ใช้รับประทานตัวใหม่สำหรับการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มีอาการไม่รุนแรงถึงปานกลาง ซึ่งขณะนี้ยาโมลนูพิราเวียร์ของเมอร์คมีแนวโน้มที่จะเป็นหนึ่งในยารักษาผู้ป่วยโควิด-19 อาการไม่รุนแรง ที่ได้ผลเชิงบวกในการทดลองและกำลังอยู่ระหว่างการขออนุมัติใช้เป็นกรณีจากสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA)

ทั้งนี้ ยาโมลนูพิราเวียร์ 1 คอร์สประกอบด้วยยาขนาด 200 มิลลิกรัม จำนวน 40 เม็ดสำหรับผู้ป่วย 1 คน โดยผู้ป่วยจะรับประทานยาวันละ 2 ครั้งๆ ละ 4 เม็ด เป็นเวลา 5 วัน

หากโครงการ ACT-A เจรจากับเมอร์คสำเร็จ เท่ากับว่าจะสามารถซื้อยาโมลนูพิราเวียร์ได้ในราคาถูกมากเมื่อเทียบกับที่สหรัฐฯ สั่งซื้อยาดังกล่าวได้ในราคาคอร์สละ 700 ดอลลาร์หรือราว 24,000 บาท โดยรัฐบาลสหรัฐฯ ได้สั่งซื้อยาโมลนูพิราเวียร์แล้วจำนวน 1.7 ล้านคอร์ส โดยใช้วงเงิน 1,200 ล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ โครงการ ACT-A ยังมีแผนซื้อยาอีก 4.3 ล้านคอร์สสำหรับรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการรุนแรง โดยมีการประมาณราคาไว้ที่ 28 ดอลลาร์ต่อคอร์ส แต่ยังไม่มีการระบุชื่อยาตัวใด รวมถึงการจัดหาออกซิเจนทางการแพทย์ให้เพียงพอรองรับผู้ป่วยวิกฤตจำนวน 6-8 ล้านคนภายในเดือนก.ย. ปีหน้า