SHARE

คัดลอกแล้ว

ในวันที่ซีรีส์เกาหลี Heavenly Ever After ซึ่งออกอากาศทาง JTBC และ Netflix จบลง สิ่งหนึ่งที่ผู้ชมพูดถึงอย่างมาก คือ ความประทับใจในการแสดงของ คิมฮเยจา นักแสดงหญิงระดับตำนานวัย 83 ปี ที่รับบทนำในละครโรแมนติก เคียงข้าง ซนซอกกู วัย 42 ปี แม้อายุจะห่างกันเกือบ 42 ปี แต่เรื่องราวและเคมีระหว่างทั้งสองกลับตราตรึงผู้ชมอย่างน่าทึ่ง โดยไม่จำเป็นต้องลดทอนความรักให้อยู่ในกรอบของหนุ่มสาวเท่านั้น

 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คิมฮเยจาได้รับบทนำในวัยที่ถูกนิยามว่า ‘ผู้สูงอายุ’ ในปี 2019 เธอรับบทนำในซีรีส์ The Light in Your Eyes ขณะที่อายุ 78 ปี และผลงานดังกล่าว ทำให้เธอได้รับรางวัลแดซังตัวที่สาม จาก Baeksang Arts Awards พร้อมเรตติ้งสูงถึง 12.08% ในโซล 

สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นหลักฐานว่า ทั้งผู้ชมและคนในวงการ พร้อมเปิดรับเรื่องราวจากมุมมองของผู้สูงอายุ หากบทนั้นมีความลึกซึ้ง และมีความเป็นมนุษย์ ไม่ใช่เพียงเพราะนักแสดงมีชื่อเสียง แต่ด้วยเนื้อเรื่องและการแสดงที่ยอดเยี่ยม จึงอดไม่ได้ที่เราจะมองย้อนกลับมามองอุตสาหกรรมบันเทิงบ้านเรา 

ภาพ: Netflix

[‘Golden Hour’ ของชีวิตนักแสดง ถูกกดไว้ให้เป็นเพียง ‘ผู้สนับสนุน’]

กลับมาที่ ประเทศไทย เราตั้งข้อสังเกตว่า แม้จะมีนักแสดงฝีมือดีวัย 40+ ซึ่งได้รับกระแสชื่นชมอยู่บ่อยครั้ง เช่น ชาตโยดม หิรัญยัษฐิติ หรือ นุ่น ศิรพันธ์ วัฒนจินดา เป็นต้น ที่ได้รับคำชมเรื่องการแสดงเสมอมา 

หรือล่าสุดกับ อ่ำ-อัมรินทร์ นิติพน และ ลูกน้ำ-พาเมล่า บาวเดนท์ ที่มีบทบาทเด่นใน สายรักสายเลือด แต่ส่วนใหญ่แล้วบทบาทของนักแสดงวัยสี่สิบส่วนมาก ยังคงถูกจำกัดให้รับบท พ่อแม่ หรือ ‘บทสมทบ’ 

ถึงจะเป็นบทที่ทรงพลังในทางอารมณ์ และมีความสำคัญ แต่โอกาสในการเป็นตัวเดินเรื่องหลัก หรือมีเส้นเรื่องเฉพาะตัวกลับยังมีน้อยมาก เราแทบไม่เห็นนักแสดงรุ่นใหญ่ได้รับบทนำของเรื่อง โดยที่ความสำคัญของพวกเขาไม่ได้หยุดอยู่กับการเป็นฝ่ายสนับสนุนตัวละครรุ่นลูก

ภาพ: Netflix

ที่น่าสังเกต คือ แม้จะมีจำนวนลดลงแล้ว แต่ละครไทยจำนวนหนึ่ง ยังคงเร่งให้ตัวละครเข้าสู่วัยพ่อแม่เร็วเกินจริง ตัวอย่าง นักแสดงวัย 30 กลางๆ หรือ 40 ต้นๆ ถูกวางให้มีลูกที่กำลังเข้าสู่ช่วงมหาวิทยาลัย 

ทั้งที่ในชีวิตจริง คนไทยมีแนวโน้มมีลูกช้าลงเรื่อยๆ นี่ไม่เพียงลดโอกาสของนักแสดงในการได้แสดงฝีมือ หรือต่อยอดบทนำ แต่ยังสะท้อนทัศนคติ ที่วงการบันเทิงมีต่ออายุของนักแสดง

ด้วยความเป็นจริง ช่วงวัยกลางคน หรือ สูงวัยนั้น เป็นช่วงอายุที่เปรียบเสมือน ‘Golden Hour’ ของชีวิตนักแสดง ที่ทักษะทางการแสดง พลังงาน และประสบการณ์ชีวิตบรรจบกันอย่างกลมกล่อม เป็นเหมือนช่วงเวลาที่ท้องฟ้าจะเปล่งแสงทองที่สวยงามที่สุด หากแต่ไม่มีพื้นที่ให้พวกเขาได้ฉายแสง หรือนักแสดงบางคนที่แม้จะมีฝีมือแต่ไม่ได้มีกระแส ก็ต้องหายไปจากหน้าจอในช่วงวัยก้ำกึ่ง ยังไม่ถึงวัยรับบทพ่อแม่ แต่ก็แก่เกินไปสำหรับอายุที่ผู้จัดไทยนิยมให้เป็นนักแสดงนำ

[นักแสดงรุ่นใหญ่ ‘มีของ’ จนยืนได้ในหนังทำเงินระดับโลก]

ขณะที่ไทยยังไม่เห็นพัฒนาในเรื่องนี้เต็มกำลัง โลกกลับไปไกลกว่านั้นมากแล้ว ข้อมูลจากฝั่งฮอลลีวูดชี้ถึงความเปลี่ยนแปลง จากในปี 2000 ที่มีแค่ 14% ของนักแสดงวัย 60 ปี ที่ได้บทหลักในหนังทำเงิน แต่พอถึงปี 2021 ตัวเลขนั้นพุ่งไปอยู่ที่ 56% IMDb ซึ่งเป็นแหล่งเนื้อหาเกี่ยวกับภาพยนตร์ รายการทีวี และคนดังที่เป็นที่นิยมและเชื่อถือได้มากที่สุดในโลก ก็สะท้อนแนวโน้มเดียวกัน ยิ่งดูจากหนังที่ทำรายได้เกิน 10 ล้านเหรียญในสหรัฐฯ ระหว่างปี 2000–2021 จะเห็นว่า จำนวนหนังที่มีนักแสดงรุ่นใหญ่เป็นตัวนำเพิ่มขึ้นทุกปี

ดูอย่าง Jurassic World: Dominion นักแสดงนำมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 52.5 ปี หรือ Top Gun: Maverick ที่ทอม ครูซ วัย 60 ยังบินฉิวรับบทพระเอกเต็มตัว

ฝั่งนักแสดงหญิงเองก็เห็นการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน จากที่ Meryl Streep เคยวิจารณ์ไว้ในปี 2006 ว่าผู้หญิงวัย 50 ไม่ค่อยมีบทจริงจังให้เล่น หลังจากนั้นเธอก็ได้รับบทดีๆ จนถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์อีกหลายครั้ง ฟรานเซส แมคดอร์มานด์ ก็คว้าออสการ์ไปถึงสองตัวหลังอายุ 60 และ มิเชล โหย่ว เองก็เพิ่งสร้างประวัติศาสตร์บนเวทีออสการ์ในวัย 60 ปี

กลุ่มผู้ชมก็ส่งสัญญาณชัดเจน ข้อมูลจาก AARP เผยว่า คนวัย 55–64 ปี เป็นกลุ่มที่ใช้จ่ายด้านบันเทิงมากที่สุด รองจากกลุ่มวัยทำงานตอนกลาง แถมในยุคที่คอนเทนต์ถูกผลิตมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า แพลตฟอร์มต่างๆ ก็ยิ่งต้องหานักแสดงที่ ‘มีของ’

ข้อมูลจากเว็บไซต์ OnBuy.com ที่วิเคราะห์นักแสดงในภาพยนตร์ภาษาอังกฤษ (English-language film actors) กว่า 200 คน พบว่า

  • อายุ 30–39 ปี คือ ช่วงที่นักแสดงได้รับโอกาสรับบทต่างๆ มากที่สุด (27%)
  • ตามด้วยช่วงอายุ 40–49 (25%)
  • ช่วงอายุ 50sก็ยังถือเป็นยุคทองของอาชีพนักแสดงได้ โดยเฉพาะนักแสดงชาย

แต่เมื่อแยกตามเพศแล้ว นักแสดงหญิงกลับมี “ช่วงพีก” ที่แคบกว่า อยู่ในช่วงอายุหลักสองและสาม สะท้อนถึงอคติทางอายุและเพศที่ฝังลึกในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในฟากภาพยนตร์ ขณะที่ฝั่งโทรทัศน์มีแนวโน้มเปิดกว้างต่อบทบาทของนักแสดงหญิงมากกว่า

ด้านเกาหลีใต้ พื้นที่กับนักแสดงอาวุโสยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ก่อนคิมฮเยจาจะได้รับบทนางเอกใน Heavenly Ever After ก็มีตัวอย่างอื่นๆ ให้เห็น

  • นักแสดง อีซุนแจ ผู้ได้รับรางวัลแดซังจาก KBS Drama Awards 2024 หลังจากที่เดบิวต์ในปี 1956 และฝากผลงานไว้ในซีรีส์โทรทัศน์กว่า 175 เรื่อง ภาพยนตร์ 150 เรื่อง และละครเวทีอีกราว 100 เรื่อง โดยปัจจุบันยังคงทำงานเป็นอาจารย์สอนการแสดงในมหาวิทยาลัย พร้อมมีผลงานแสดงอย่างต่อเนื่อง
  • ยุนยอจอง ผู้ได้รับรางวัลออสการ์จาก Minari ในวัย 77 ปี
  • พัคอินฮวาน วัย 76 ปี รับบทชายชรา ผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม ผู้ใฝ่ฝันอยากเป็นนักบัลเลต์ในซีรีส์เรื่อง Navillera
  • หรือถ้ามารุ่นวัยใกล้ 60 เราก็ยังได้เห็นซอลคยองกู รับบทนำคู่กับนางเอกฝีมือดีอยู่เรื่อยๆ เช่นผลงานล่าสุดกับ Disney+ Hotstar อย่าง Hyper Knife 

ขยับมาที่นักแสดงวัย 40 ปี หลายคนคงจะจำซีรีส์ Sky Castle ที่เคยได้รับความนิยมแบบสุดๆ ก็เป็นหนึ่งตัวอย่างที่ชัดเจนว่า ผู้ชมไม่ได้ต้องการแค่ความเยาว์วัย แต่มองหาบทที่ดีและการแสดงที่เข้าถึงบทบาท

ซีรีส์ที่นำโดยนักแสดงหญิงวัยกลางคนเรื่องดังกล่าว ไม่มีไอดอลหรือดารา A-list แต่สามารถพุ่งจากเรตติ้ง 1% ไปสู่ 23.8% ได้ เพราะบทที่ตีแผ่ความจริงอันเจ็บปวดของระบบการศึกษาเกาหลี และการแสดงระดับมาสเตอร์พีซของนักแสดงทุกคน 

สิ่งที่ตามมา ซีรีส์เรื่องนี้ไม่เพียงเปลี่ยนชีวิตของนักแสดงในเรื่องเท่านั้น แต่ยังเปลี่ยนทิศทางของวงการซีรีส์เกาหลี ให้หันมาให้พื้นที่พล็อตเรื่องที่เน้นการตีแผ่สังคม และเปิดพื้นที่ให้นักแสดงรุ่นเก๋ามารับบทนำ เช่น  Penthouse ซีรีส์ดราม่าเข้มข้นที่อาจจะน้ำเน่าไปบ้าง แต่ก็ทำให้นักแสดงได้โชว์ฝีมือเต็มที่ หรือ Dr. Cha ที่ทำให้ออมจองฮวา นักแสดงและไอดอลสาววัย 53 ได้กลับมารับบทนางเอกในละครโรแมนติกอีกครั้ง

ภาพ: JTBC

[ผู้ชมโหยหาความสดใหม่ จากมุมมองชีวิตที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมา]

ข้อมูลในเดือนสิงหาคม 2024 ซีรีส์เกาหลี 3 เรื่องที่ออกอากาศจากช่อง ENA, JTBC และ KBS ใช้นักแสดงนำที่มีอายุเฉลี่ยสูงถึง 51.6 ปี นี่อาจจะสะท้อนว่า ผู้ชมจากประเทศเกาหลีใต้ในปีนั้น ที่มีประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไปมากกว่า 10 ล้านคน และอายุเฉลี่ยของประชากรอยู่ที่ 45.7 ปี ต้องการเรื่องที่เข้าใจชีวิตของพวกเขา และนักแสดงที่เข้าใจบทบาทนั้นด้วย

กลับมามองประเทศไทย ที่กำลังอยู่บนเส้นทางสู่สังคมสูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า แต่บทละครส่วนใหญ่ยังคงวนเวียนอยู่กับภาพจำเดิมๆ ที่เร่งให้คนวัย 40 กลายเป็นพ่อแม่ของตัวละครหลัก แย่งสมบัติของตระกูล แทนที่จะเปิดพื้นที่ให้พวกเขาได้เป็นตัวเดินเรื่องที่มีอารมณ์ซับซ้อน ในเรื่องราวที่สามารถพูดแทนใจคนดูวัยเดียวกันได้อย่างลึกซึ้ง

ทว่า ไม่ใช่จะไร้แสงสว่างเสียเลย ในไทยเราเริ่มเห็นแสงเล็ก ๆ ของการเปลี่ยนแปลงในช่วงปีหลังๆ มานี้ อย่างที่เราได้เห็น ดอม เหตระกูล และมาช่า วัฒนพาณิชย์ นับบทนำใน หวาน..รักต้องห้าม  รวมถึงละครช่องวันหลายเรื่อง นำนักแสดงวัย 40-50 มารับบทนำ 

เช่นเดียวกับ วงการภาพยนตร์ วิมานหนาม ผลงานส่งท้ายของ สีดา พัวพิมล ก็ทำให้เธอได้รับเสียงชื่นชม และรางวัลทางการแสดงมากมาย หลานม่า ผลงานเดบิวต์บนจอเงินของ อุษา เสมคำ ก็สร้างความประทับใจอย่างลึกซึ้งไปทั่วโลก ไม่เว้นแม่แต่กระแส ก้อย-นัตตี้-ดรีม แห่งยุค 70s อย่าง ดวงดาว จารุจินดา ดวงใจ หทัยกาญจน์ และ ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา ที่กำลังมาแรง ก็สะท้อนให้เห็นว่าผู้ชมกำลังโหยหาความสดใหม่จากมุมมองชีวิตที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาจริง ๆ และถ่ายทอดออกมาผ่านฝีมือของนักแสดงที่เข้าใจบทอย่างลึกซึ้ง

ภาพ: Netflix

บทบาทผู้ใหญ่ที่มีความหมาย และท้าทายยังคงหาได้ยากในละครไทยส่วนใหญ่ และนั่นหมายความว่าช่วงเวลาที่เปล่งประกายที่สุดของนักแสดงจำนวนมาก กำลังถูกทำให้เงียบงัน ทั้งที่ในความเป็นจริง นักแสดงในช่วงวัยนี้มีศักยภาพสูง ในการแบกรับบทที่ซับซ้อน ทั้งทางอารมณ์และโครงสร้างเรื่อง

อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ดูเหมือนแท้จริงแล้ว วัยที่เปล่งประกายของนักแสดง ไม่ได้วัดจากเลขอายุ แต่อยู่ที่ช่วงเวลาที่ความสามารถ ประสบการณ์ และความลึกซึ้งทางอารมณ์หลอมรวมกันอย่างพอเหมาะ เหมือนพลอยที่ถูกเผา เจีย ขัด ถู จนมีเหลี่ยมมุมที่จับแสงได้สวยที่สุด

Konstantin Stanislavski กล่าวไว้ว่า “There are no small parts, only small actors.” ซึ่งเขากำลังบอกว่า ไม่มีบทบาทที่ไม่สำคัญ มีแต่คนที่ไม่ให้ความสำคัญกับบทบาทนั้นต่างหาก

แต่ในความเป็นจริง หากไม่มีบทที่ดีพอให้สวม นักแสดงที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ก็อาจไม่มีวันได้เปล่งประกายเช่นกัน ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่วงการบันเทิงไทยจะเปิดพื้นที่ที่ใหญ่ขึ้น ให้กับนักแสดงคุณภาพคับจอ เพื่อให้พวกเขาได้เปล่งแสงระยิบระยับ ในฐานะหัวใจหลักของเรื่องราวเสียที

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า