ผู้บริหารไทยแอร์เอเชียชี้ รัฐยังเยียวยากลุ่มท่องเที่ยวเหมือนไม่ได้เกิดโควิด เกณฑ์ยังสูงเกินเข้าถึง ผ่านมา 3 เดือนยังไม่ได้ซอฟท์โลน แนะวางหลังเกณฑ์ท่องเที่ยวให้ชัดแล้วเลิกกล้าๆ กลัวๆ ลงมือทำเฉพาะกลุ่มก่อน
วันที่ 11 ก.ค. ในงาน “ระดมสมอง ฟื้นเศรษฐกิจ ชุบชีวิตท่องเที่ยว” โดยกลุ่ม CARE คิดเคลื่อนไทย นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวถึง เรื่องสถานการณ์ท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากโควิดว่า สายการบินเป็นต้นน้ำที่พาคนจากต่างประเทศเข้ามา เมื่อเกิดโควิดระบาด ต้องปิดประเทศ เครื่องบินแอร์เอเชียที่มี 60 ลำต้องหยุดทั้งหมด ส่วนวันที่เริ่มเปิดบินอีกครั้งเมื่อต้นเดือน มิ.ย. เราบินอยู่ 5 ลำ และเมื่อมาเปิดเฟสที่ 2 เราบินทั้งหมด 25 ลำ

Airasia
ในภาวะปกติจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่บิน 1 ใน 3 เป็นคนไทย อีก 2 ใน 3 เป็นชาวต่างชาติ และชาวต่างชาติก็มีการเดินทางต่อในประเทศด้วย ถ้าตัดกลุ่มนี้ออกไปก็เหลือแค่ 30% ถ้าเราไม่สามารถเปิดประเทศได้ หรือไม่มีมาตรการทำ Travel Bubble ได้ ก็ต้องทำให้การเดินทางในประเทศเป็นไปได้ ถึงแม้เรารู้ว่าเป็นเพียงการบรรเทาความเจ็บปวดให้กับผู้ประกอบการทุกคน
ถามว่ารัฐรู้ว่าแผลใหญ่ขนาดนี้ซ่อมได้นิดเดียวที่เหลือจะปิดแผลอย่างไร มาตรการตรงนี้รัฐอาจจะต้องคิด
ที่ตนสัมผัสมาในช่วง 3 เดือน ที่ประชุมกับผู้ประกอบการแทบจะทุกสมาคมหลายครั้ง เรามองว่าตราบใดที่รัฐบาลยังใช้กฎกติกาของวันก่อนเกิดโควิดมาช่วยเยียวยาในยุคที่เป็นโควิด ประเทศเดินต่อไม่ได้แน่นอน ยกตัวอย่างธนาคารพาณิชย์หรือแม้แต่ธนาคารของรัฐ ยังใช้กฎกติกาการกู้เงิน การมีทรัพย์สินวางประกันเหมือนเดิม ดอกเบี้ยลดไม่ได้ หรือบางเซ็กเตอร์ที่ลำบากมากๆ รัฐบาลไม่สามารถเข้าไปค้ำประกันเงินกู้ได้เพราะติดข้อกฎหมาย

Airasia
“ถ้าหากเรายังมีความคิดแบบเดิม เรื่องการท่องเที่ยวให้เราคุยกันอีกกี่สิบครั้ง มันก็เดินต่อไม่ได้ มันต้องมีการผ่อนผันในบางเรื่อง และบางครั้งรัฐเองและพวกเราก็ต้องใจแข็งธุรกิจไหนที่ไปไม่ได้จริงๆ ต้องปิดกิจการ จะดูแลเขาอย่างไร”
นายธรรศพลฐ์ กล่าวต่อว่า กรณีสายการบินของตน คือ แอร์เอเชีย กับ แอร์เอเชีย เอ็กซ์ เราพออยู่ได้ แต่รอซอฟท์โลนมา 3 เดือนแล้วยังไม่ถึงไหนเลย และกรณี แอร์เอเชีย เอ็กซ์ ที่เป็น Long haul (การบินระยะไกล) ก็ยังต้องคิดหนักว่าจะทำอย่างไรดี เพราะในประเทศยังน่าจะบินได้ครึ่งหนึ่ง 30 ลำ แต่ Long haul เป็น 0 เลย
สิ่งที่อยากให้กระทรวงสาธารณสุขและการท่องเที่ยวพิจารณา คือ ถ้าเราเปิด Travel Bubble โดยไม่มีการปฏิสัมพันธ์กับคนในพื้นที่เลยจะได้หรือไม่ เราจะได้รู้ว่าเปิดได้หรือเปิดไม่ได้ แต่ถ้าเรายังกล้าๆ กลัวๆ อยู่ เราจะไม่รู้เลยว่ามาตรการในการเปิดจะเป็นอย่างไรบ้าง
ส่วนเรื่องมาตรการ ดูจากลิสต์สนามบินที่พร้อมเปิดทั้งโลก หลายประเทศยินดีให้เราเข้าประเทศ โดยมีการกำหนดชัดเจนเรื่องการตรวจ หรือต้องอยู่ 14 วัน แต่เราไม่มีมาตรการเป็นรายประเทศแบบนั้น ตนได้ไปคุยกับหลายสถานทูต ทุกคนพูดตรงกันว่า มีมาตรการอย่างไร ถ้าเขาสามารถทำได้เขายินดีเปิด แต่เราไม่ชัดเรื่องมาตรการ
กรณีกลุ่มแรกที่ควรเปิดให้เข้า คือ 1.นักธรุกิจ 2 คนที่มารักษาตัวที่มีประวัติในไทย โดยเฉพาะคนในแถบอินโดจีน มีความต้องการเยอะ 3. คนที่ไปอยู่ต่างประเทศแต่มีภูมิลำเนาในประเทศ ต้องมีมาตรการชัดเจน นี่เป็นขั้นแรกที่ต้องคิดก่อน
กลุ่มนี้แม้จะเป็นกลุ่มเล็กๆ ยังไม่สามารถช่วยต่างจังหวัดได้มาก แต่ก็เป็นการทดลองเปิด เพื่อดูมาตรการว่ารัดกุมเพียงพอหรือไม่