เอไอเอส เผยกำไรไตรมาส 3 เตรียมลงทุน 3.5 หมื่นล้านบาท ขยายสัญญาณเครือข่าย 5G

เอไอเอส เตรียมเม็ดเงินลงทุนกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท เพื่อขยายศักยภาพของสัญญาณเครือข่าย 5G หลังเปิดเผยผลประกอบการ ไตรมาส 3 ของปี 2563 พร้อมยืนยันว่า แม้จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 และสภาวะเศรษฐกิจตลอดช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา จะยังคงเดินหน้าลงทุนด้านเครือข่ายเพื่อรองรับผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาว่า “การปรับตัวของภาคเศรษฐกิจไทยในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมา เราได้เห็นถึงทิศทางในการปรับตัวสู้กับภาวะวิกฤตที่อาจจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าในหลากหลายรูปแบบ แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรในทุกระดับ คือการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งในแง่ของการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และการช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ สำหรับเอไอเอส มองว่า เทคโนโลยี 5G เป็นโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่สำคัญต่อการพลิกฟื้นเศรษฐกิจและเป็นฟันเฟืองที่จำเป็นต่อการยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทยอย่างยั่งยืน”

ในไตรมาส 3 เอไอเอส มีรายได้รวม 41,715 ล้านบาท ลดลง 1.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และลดลง 6.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

โดยถ้าเจาะไปในกลุ่มธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ เอไอเอส ยังคงมีจำนวนลูกค้าโทรศัพท์มือถือสูงที่สุดในตลาดที่ 40.9 ล้านเลขหมาย โดยเป็นลูกค้าระบบรายเดือน จำนวน 9.7 ล้านราย เพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ จำนวน 235,000 ราย และมีลูกค้าระบบเติมเงินอยู่ที่ 31.2 ล้านราย ลดลง 313,000 ราย โดยมีสาเหตุหลักมาจากสถานการณ์ COVID-19 ที่ ส่วนการใช้งานดาต้าของลูกค้าเฉลี่ยอยู่ที่ 17.2 กิกะไบต์ต่อเดือน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 1.3% และสัดส่วนลูกค้าที่ใช้ 4G ยังเติบโตสูงขึ้นต่อเนื่องเพิ่มขึ้นเป็น 76% ของฐานลูกค้าทั้งหมด

ในด้านธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้าน เอไอเอส ไฟเบอร์ ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ด้วยจำนวนลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 53,000 ราย ส่งผลให้มีลูกค้ารวม 1.26 ล้านรายและมีรายได้จากธุรกิจเน็ตบ้าน 1,785 ล้านบาท เติบโตขึ้น 21% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยคาดว่าจะมีลูกค้ารวมไม่น้อยกว่า 1.3 ล้านรายภายในสิ้นปีนี้

ส่วนในด้านธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร ยังคงเติบโตสูงขึ้นต่อเนื่องจากความต้องการใช้บริการ Cloud, Data Center และ IT Solution เนื่องจากการปรับเปลี่ยนธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในหลายๆ องค์กร

เอไอเอสยังเผยอีกว่า แม้ธุรกิจภาพรวมจะยังได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัส COVID-19 และสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว บริษัทยังคงมุ่งเน้นการบริหารต้นทุนและการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไรสำหรับการเตรียมพร้อมต่อสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ทำให้ในไตรมาสที่ 3 เอไอเอส ยังคงมีกำไรสุทธิ 6,764 ล้านบาท ลดลง 6.5 % เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

พร้อมยืนยันยังมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และมีกระแสเงินสดเพียงพอต่อการลงทุนขยายโครงข่าย ทั้งบริการ 5G และ 4G รวมทั้งค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่ โดยเทงบลงทุนทั้งปี 2563 กว่า 35,000 ล้านบาท

นายสมชัย เสริมเพิ่มเติมอีกว่า “การลงทุนเครือข่าย โดยเฉพาะ 5G ในปีนี้ เราไม่ได้มองเห็นแค่ผลประโยชน์ในระยะสั้น แต่ความมุ่งหวังของเอไอเอส คือการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับประเทศไทย ที่จะดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติได้ ขณะที่ในระดับ Mass Scale อาจต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 2 ปี ถึงจะเห็นประโยชน์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น เนื่องจากการนำไปใช้งานจริง

“นอกจากคุณภาพของเครือข่ายแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้อีก 2 อย่าง คือการพัฒนาอุปกรณ์ต่างๆ ที่รองรับการใช้งานในราคาที่เหมาะสม รวมทั้ง การสร้างแอปพลิเคชันเฉพาะด้านที่จะเกิดประโยชน์กับกลุ่มผู้ใช้งานที่ชัดเจน สุดท้ายนี้ เราเชื่อมั่นว่า ด้วยคุณภาพของเครือข่าย งานบริการที่ประทับใจและตอบโจทย์ความต้องการ เทคโนโลยีล้ำสมัย สิทธิพิเศษที่ลงตัวกับทุกไลฟ์สไตล์”

โดยในโอกาสครบรอบ 30 ปี ช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เอไอเอส ได้เปิดให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์ความบันเทิงจากเทคโนโลยี 5G ซึ่งสามารถรองรับเทคโนโลยี AR, VR และ Cloud Game ไปแล้ว พร้อมกับการเปิดบริการแพ็กเกจ 5G ครั้งแรกของเมืองไทย โดยมีแพ็กเกจอย่าง ‘AIS 5G Max Speed’ แพ็กเกจ 5G แรกของไทย ด้วยความเร็วอินเทอร์เน็ตถึง 1 Gbps รวมทั้งเปิดตัว AIS 5G Application อย่าง AIS 5G PLAY AR, AIS 5G PLAY VRและ AIS 5G Cloud Game ให้ลูกค้าเอไอเอสและคนไทยทุกพื้นที่ ได้รับประสบการณ์ 5G อย่างเต็มรูปแบบ จากแพ็กเกจและดิจิทัลคอนเทนต์ที่อัดเต็มให้ทุกคนได้สัมผัสในอนาคต