บริษัท Amazon ได้ประกาศความสำเร็จในการตกลงเข้าซื้อกิจการสตูดิโอหนังแห่งฮอลลีวูดอย่าง MGM เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยมูลค่าดีล 8.45 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ดีลครั้งนี้ถือเป็นการเข้าซื้อกิจการที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของ Amazon หลังก่อนหน้านี้ในปี 2560 เคยเข้าซื้อบริษัท Whole Foods Market ด้วยมูลค่า 1.37 หมื่นล้านเหรียญ
Amazon ระบุว่า MGM คือสตูดิโอหนังฮอลลีวูดที่มีประวัติการสร้างภาพยนตร์มาเกือบหนึ่งศตวรรษ และการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ ก็จะมาช่วยเสริมการทำงานให้กับ Amazon Studios นั่นเอง
โดยการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวจะช่วยให้บริการสตรีมมิ่งอย่าง Amazon Prime มีคอนเทนต์ภาพยนตร์ราว 4,000 เรื่อง และรายการทีวี/ซีรีส์อีกกว่า 17,000 เรื่อง ที่อยู่ในแคตตาล็อกของ MGM มาให้บริการบนแพลตฟอร์มด้วย
โดย MGM เป็นเจ้าของภาพยนตร์ดังหลายเรื่อง อาทิ สายลับ 007 เจมส์ บอนด์, Legally Blonde, The Pink Panther และ The Wizard of Oz เป็นต้น ขณะที่รายการทีวี/ซีรีส์ ได้แก่ Fargo, The Handmaid’s Tale และ Vikings เป็นต้น
ไมค์ ฮอปกินส์ รองประธานอาวุโสธุรกิจ Prime Video และ Amazon Studios กล่าวว่า “มูลค่าทางการเงินที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลังดีลนี้ คือขุมทรัพย์ของทรัพย์สินทางปัญญาที่เราวางแผนที่จะพัฒนาร่วมกันกับทีมที่มีความสามารถของ MGM”
ข้อตกลงในการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ เน้นย้ำให้เห็นถึงการยอมทุ่มเงินของ Amazon เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันบนตลาดสตรีมมิ่ง ที่มีคู่แข่งสำคัญคือ Netflix, Disney+ และ Apple TV
ซึ่งทุกรายต่างกำลังพยายามเพิ่มคอนเทนต์ลงบนแพลตฟอร์มให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการทุ่มเม็ดเงินมหาศาลเพื่อเป็นให้ได้ลิขสิทธิ์ฉาย หรือพัฒนาคอนเทนต์ของตัวเอง ทั้งหมดก็เพื่อดึงฐานสมาชิกให้ได้มากที่สุดนั่นเอง
ทั้งนี้ ข้อตกลงระหว่าง Amazon และ MGM เกิดขึ้นภายในไม่กี่สัปดาห์หลังจากยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมอย่าง AT&T ปิดดีลมูลค่า 4.3 หมื่นล้านดอลลาร์ ในการรวมธุรกิจ WarnerMedia เข้ากับ Discovery เพื่อสร้างยักษ์สตรีมมิ่งรายใหม่ และอีกไม่นานก็น่าจะเห็นการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นอีกในวงการสตรีมมิ่งแน่นอน
ที่มา:
https://www.cnbc.com/2021/05/26/amazon-to-buy-mgm-studios-for-8point45-billion.html