SHARE

คัดลอกแล้ว
  • สหรัฐฯประท้วงให้ยกเลิกล็อกดาวน์

การประท้วงที่สหรัฐอเมริกาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้คนนับพันจากรัฐมิชิแกน โอไฮโอ เคนทักกี มินเนสโซตา นอร์ท แคโรไลนา และยูทาห์ ต่างแห่ออกมาประท้วงเพื่อเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ นำโดยกลุ่มนักกิจกรรมฝ่ายอนุรักษ์นิยมสนับสนุนโดยกลุ่มคนมั่งคั่งและกลุ่มเจ้าของธุรกิจที่อยู่เบื้องหลังการชุมนุมประท้วงครั้งนี้ ผู้ชุมนุมได้นัดกันขับรถไปรวมตัวที่ปั๊มน้ำมัน โดยแต่ละคนจะอยู่ในรถของตัวเองและเขียนข้อความประท้วงบนตัวรถ จากนั้นขับออกไปบนท้องถนนพร้อมกันอย่างช้าๆและบีบแตร รวมทั้งมีการนำเครื่องขยายเสียงมาใช้ในการประท้วงครั้งนี้ ขณะที่บางคนก็เดินลงมาบนท้องถนน บางพื้นที่มีการถือปืนไรเฟิลและปืนชนิดอื่นๆมาใช้ในการประท้วงด้วยตามสิทธิในกฎหมายของรัฐที่อนุญาตให้พกพาอาวุธแบบเปิดเผย

สิ่งที่พวกเขาต้องการเรียกร้องคือการกลับมาเปิดเมืองอีกครั้งเนื่องจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ ซึ่งบางคนไม่มีรายได้และตกงาน รวมทั้งกลุ่มธุรกิจก็ได้รับผลกระทบจากการสั่งปิดของรัฐบาลเช่นกัน

ด้านผู้ว่าการรัฐมิชิแกน เกรตเชน วิตเมอร์ (Gretchen Esther Whitmer) จากพรรคเดโมแครตกล่าวกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่า “การออกมาประท้วงเป็นสิทธิของประชาชนเพราะพวกเขากังวลเรื่องรายได้และค่าใช้จ่าย แต่สิ่งที่ภาครัฐกังวลตอนนี้คืออาจเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากการชุมนุมในครั้งนี้ที่ผู้ประท้วงไม่ยอมใส่หน้ากาอนามัยและไม่เว้นระยะห่างทางสังคม ทำให้เราอาจต้องยืดมาตรการออกไปอีก”

การชุมนุมภายใต้ชื่อ “ปฏิบัติการรถติด” ในรัฐมิชิแกนไม่เพียงแต่เป็นการประท้วงเพื่อเรียกร้องสิทธิเท่านั้น แต่ยังมีนัยยะทางการเมือง ซึ่งกิจกรรมการประท้วงครั้งนี้จัดโดยกลุ่มพันธมิตรอนุรักษนิยมมิชิแกน ที่เป็นพวกเดียวกับพรรครีพับลิกัน ต้องการท้าทายมาตรการของผู้ว่าการรัฐหญิงรายนี้ ซึ่งเธอถูกมองว่ามีโอกาสได้รับเสนอชื่อเป็นรองประธานาธิบดีของโจ ไบเดน ตัวแทนพรรคเดโมแครตชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีจากทรัมป์ ในการประท้วงบางช่วงมีการร้องตะโกนให้ “จับเธอขัง” (Lock her up) ซึ่งเป็นคำขวัญที่สาวกของทรัมป์เคยใช้กับนางฮิลลารี คลินตัน เมื่อครั้งหาเสียงเลือกตั้งปี 2559

  • ทรัมป์ส่งสัญญาณถึงกลุ่มผู้ประท้วง

สถานการณ์ล่าสุดในอเมริกาตอนนี้ ภาพรวมมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 735,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตกว่า 40,000 ราย ขณะที่ในบางรัฐก็ผ่านจุดสูงสุดของการติดเชื้อและมีจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงบ้างแล้ว ผู้ว่าการในแต่ละรัฐจึงเริ่มหารือกันเรื่องการคลายมาตรการในการล็อกดาวน์ ในขณะที่บางรัฐก็ยังคงดำเนินมาตรการการล็อกดาวน์ต่ออย่างเข้มงวด

ดูเหมือนว่าประธานาธิบดีของสหรัฐก็ส่งสัญญาณสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกับกลุ่มผู้ประท้วงด้วย โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (17 เมษายน 2563) ทรัมป์กล่าวตอนหนึ่งว่า มาตรการล็อกดาวน์บางรัฐอย่าง มินเนสโซตา มิชิแกนและเวอจีเนียนั้น เข้มงวดจนเกินไป (“too tough”)

ซึ่งด้านของเจย์ อินสลีย์ (Jay Inslee) ผู้ว่าการของรัฐวอติงตันออกมาประณามโดนัลด์ ทรัมป์ว่า การกล่าวลักษณะที่เป็นไปในทางสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วงถือว่า เป็น “เรื่องอันตราย” เพราะเท่ากับเป็นการสนับสนุนให้กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยอมรับในคำสั่งของกฏหมายและเพิกเฉยต่อการดูแลชีวิตของตัวเอง

 

  • แนวทางเปิดประเทศ 3 เฟสของสหรัฐฯ

ไปดูแนวทางของสหรัฐที่รัฐบาลเพิ่งประกาศรายละเอียดออกมา 3 เฟส (Guideline: Opening Up America Again) แต่ละเฟสยังไม่มีการกำหนดระยะเวลาว่าจะกินระยะเวลาเท่าไร และแต่ละรัฐจะสามารถพิจารณาผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ไปได้ทีละขั้น ผู้ว่าการรัฐมีอำนาจในการบริหารจัดการกระบวนการเปิดเมืองได้ด้วยตนเองด้วยความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลาง เพื่อกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง จากการคาดการณ์ว่าน่าจะเป็นช่วงต้นเดือนพฤษภาคม

เฟสแรก – ยังคงหลีกเลี่ยงการเดินทางโดยไม่จำเป็น โรงเรียน ผับ บาร์ ยังคงปิดต่อเนื่อง แต่สถานที่ทางสังคมที่ใหญ่ขึ้นเช่น โรงหนัง โบสถ์ และศูนย์การค้าต่างๆสามารถที่จะเปิดได้อีกครั้ง แต่ต้องอยู่บนมาตราการเว้นระยะห่างทางสังคมต่อเนื่อง สำหรับกลุ่มเสี่ยงเช่น ผู้สูงอายุหรือผู้มีปัญหาสุขภาพยังคงต้องกักตัวอยู่บ้าน การชุมนุมทางสังคมต้องไม่เกิน 10 คน

เฟสที่ 2 เปิดให้ประชาชนเดินทางได้ตามปกติบ้าง แต่หลักๆก็ยังแนะนำให้อยู่บ้านเป็นหลักก่อน  กลุ่มเสี่ยงยังคงต้องกักตัว โรงเรียน บาร์ สามารถกลับมาเปิดได้แล้วแต่ยังคงเว้นระยะห่างระหว่างกันอยู่ ห้ามการรวมตัวกันเกิน 50 และบริษัทต่างๆยังคงนโยบายทำงานที่บ้าน (Work From Home)

เฟสที่ 3 กลุ่มเสี่ยงสามารถออกจากบ้านได้บ้างแล้วตราบเท่าที่ยังคงเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัด สามารถเข้าเยี่ยมผู้ป่วยในโรงพยาบาล แต่ต้องมีวิธีปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัดเช่น ล้างมือบ่อยๆ สวมใส่หน้ากากอนามัย สำนักงานต่างๆสามารถกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้แล้ว

อย่างไรก็ตามทรัมป์ยงคงยืนยันว่าอเมริกาผ่านจุดที่พีคที่สุดของการติดเชื้อโควิด-19 ไปแล้ว เราควรกลับมาเริ่มชีวิตและฟื้นฟูเศรษฐกิจใหม่อีกครั้ง

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า