แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เผยรายงานความรุนแรงในรัฐฉาน ประเทศเมียนมาร์ พบทหารกองทัพเมียนมาร์-กองกำลังติดอาวุธรัฐฉาน ใช้ความรุนแรงคุกคามพลเรือนและละเมิดสิทธิมนุษยชนทั้งสองฝ่าย
เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2562 องค์กรสิทธิมนุษยชน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเผยแพร่รายงานเรื่อง ลูกไก่ในกำมือ: การปฏิบัติมิชอบต่อพลเรือนท่ามกลางสงครามความขัดแย้งในตอนเหนือของรัฐฉานของเมียนมา (Caught in the middle”: Abuses against civilians amid conflict in Myanmar’s northern Shan State) ชี้ว่าภายในสถานการณ์ความไม่สงบระหว่างกองทัพเมียนมาร์ และกองกำลังติดอาวุธของรัฐฉาน มีพลเรือนถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยการถูกจับกุม คุมตัวโดยพลการ ถูกทรมาณโดยทหาร และถูกกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์จับตัวเป็นแรงงานบังคับ
รัฐฉานมีความรุนแรงต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2505 หลังการเข้ามาของนายพลเนวิน ซึ่งมีนโยบายกีดกันกลุ่มชาติพันธุ์ โดยรัฐฉานเป็นหนึ่งในรัฐที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ที่สุดไทยเมียนมาร์ ต่อมามีการรวมตัวของกลุ่มต่าง ๆ ขึ้นเป็นกองกำลังติดอาวุธเนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีประโยชน์ทับซ้อนมาก ทั้งทรัพยากรธรรมชาติและเป็นแหล่งผลิตยาเสพติด ขณะที่ทางการเมียนมาร์ก็พยายามส่งกองกำลังปราบปรามอย่างต่อเนื่อง
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแรวเข้าไปเก็บข้อมูลอาญกรรมสงครามในพื้นที่ดังกล่าวในเดือนมีนาคมและสิงหาคม 2562 โดยการสัมภาษณ์พลเรือนชาวคะฉิ่น ลีซู ฉาน และดาระอั้ง พบว่าพลเรือนในพื้นที่ดักล่าวได้รับผลกระทบและถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนจากทั้งกองทัพของรัฐบาลและกองกำลังชาติพันธุ์
รายงานระบุว่า พลเรือนหลายคนให้สัมภาษณ์ตรงกันว่าทหารจากกองพลทหารราบเคลื่อนที่เร็วที่ 99 ที่เคยปฏิบัติการณ์ในพื้นที่รัฐยะไข่ประเด็นโรฮิงญา มีส่วนเกี่ยวข้องกับการละเมิด
นอกจากนี้รายงานยังกล่าวถึงกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ ว่าจับตัวพลเรือนมาเป็นแรงงานบังคับให้ทำงานเป็นลูกหาบ แบกหามสัมภาระ รวมถึงรีดไถอาหารและเงิน หากไม่ยอมจำนนก็จะพบความรุนแรง
นิโคลัส เบเคลัง ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลกล่าวว่าทั้งทหารและกองกำลังติดอาวุธมีส่วนรับผิดชอบต่ออาชญากรรมสงคราม และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติไม่ควรเพิกเฉยเรื่องนี้อีกต่อไป