นักวิเคราะห์คาดว่า กสทช.จะรับรองข้อตกลงการควบรวมกิจการระหว่าง TRUE กับ DTAC พร้อมคงคำแนะนำซื้อหุ้นเพื่อรับประโยชน์หลังควบรวมกิจการ
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงกรณีการควบรวมกิจการระหว่าง บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) และ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) ว่า
สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จะจัดประชุมภายใน 2-4 สัปดาห์ เพื่อตีความความเห็นของกฤษฎีกา โดยเชื่อว่า กสทช.น่าจะรับรองข้อตกลงการควบรวมกิจการ และพิจารณามาตรการเยียวยาผู้บริโภค
ภายหลังคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ตอบความเห็นเรื่องการควบรวม TRUE และ DTAC ว่า กสทช.ต้องดำเนินการตามประกาศการรวมธุรกิจปี 2561 และต้องคำนึงถึงความได้สัดส่วนระหว่างการคุ้มครองผู้บริโภคกับการพัฒนากิจการโทรคมนาคม
สำหรับมาตรการเยียวยา คาดว่า จะเน้นไปที่ประโยชน์ของผู้บริโภคเป็นหลัก แทนที่จะฉุดให้บริษัทร่วมทุน (Mergeco) อ่อนแอลง
ดังนั้น จึงคาดว่ามาตรการเยียวยาจะเน้นที่ราคาขายส่งและขายปลีก ความครอบคลุมและคุณภาพการบริการ และบริการเพิ่มหลังการขายเป็นหลัก โดยคงประมาณการการสร้างมูลค่าจากข้อตกลงนี้ที่ 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ในมุมมองของ บล.กสิกรไทย คาดว่า 1. กระบวนการตรวจสอบด้านกฎระเบียบ น่าจะแล้วเสร็จเร็วกว่าที่คาดไว้ในวันที่ 10 ต.ค. และ 2. หาก กสทช.ตีความว่า ตนไม่มีอำนาจในการอนุมัติหรือไม่อนุมัติการควบรวมฯ นี้ จะถือว่าดีกว่าที่คาดไว้
สำหรับปฏิกิริยาต่อราคาหุ้นที่อาจเกิดขึ้น นักวิเคราะห์คาดว่า ราคาหุ้น TRUE และ DTAC จะดีดตัวขึ้นไม่เกิน 4% และ 10% มาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับราคาทำคำเสนอซื้อโดยสมัครใจ (VTO) ที่ 5.09 บาทต่อหุ้น และ 47.76 บาทต่อหุ้น ตามลำดับ
การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่อาจสูงเกินราคา VTO จะขึ้นอยู่กับความเข้มงวดของมาตรการเยียวยา และการเปิดเผยมูลค่าการผนึกกำลังที่อาจเกิดขึ้นจากการควบรวมกิจการ
ส่วนคดีความที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ผู้คัดค้านจะยื่นฟ้องการควบรวมกิจการนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าศาลปกครองกลางจะใช้เวลา 1 เดือนในการพิจารณาคำขอคุ้มครองชั่วคราว เพื่อระงับข้อตกลงควบรวมกิจการดังกล่าว
หลังจากนั้น หาก TRUE และ DTAC เห็นด้วยกับมาตรการเยียวยา หุ้นใหม่ของ Mergeco น่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ภายในสิ้นปีนี้
ในส่วนของการลงทุน นักวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย คงมุมมอง ‘เชิงบวก’ ต่อกลุ่มสื่อสาร โดยเชื่อว่ามูลค่าเพิ่มจากเหตุการณ์พิเศษจะมีน้ำหนักมากกว่าปัจจัยลบจากกำไรที่ชบเซา
สำหรับนักลงทุนระยะยาว คาดว่ามูลค่าที่เพิ่มขึ้นจะมาจากการควบรวมกิจการในแง่ของการผนึกกำลังด้านรายได้ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) และค่าใช้จ่ายในการลงทุน (CAPEX) รวมถึงการปรับเพิ่มตัวคูณมูลค่า
สำหรับนักลงทุนระยะสั้น (Trader) โอกาสในการซื้อขายอาจเกิดขึ้น หากราคาหุ้น TRUE และ DTAC แตะระดับหรือเกินราคา VTO ทั้งนี้ การฟ้องร้องใดๆ ที่เกิดขึ้นอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของตลาดต่อข้อตกลงนี้
ทั้งนี้ เลือก DTAC เป็นหุ้นเด่น ที่ราคาเป้าหมาย 58.43 บาทต่อหุ้น
ขณะที่ บล.เอเซีย พลัส มองว่า ปัญหากฎหมายดีล TRUE กับ DTAC ได้รับการปลดล็อคเมื่อวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังจากที่สำนักงาน กสทช.ได้รับหนังสือจากคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ให้ความเห็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของ กสทช.
ในการพิจารณาดีลควบรวมของ TRUE กับ DTAC ว่าต้องยึดตามประกาศ กสทช.ปี 2561 ที่กำหนดให้การควบรวมกันทำได้ โดยจัดส่งรายงานให้ กสทช.
ฝ่ายวิจัยมองว่าประเด็นนี้เป็นปัจจัยบวกต่อทั้งหุ้น TRUE และ DTAC เพราะจะทำให้กระบวนการควบรวมสามารถเดินหน้าได้ต่อ โดยยังคงคำแนะนำ ‘ซื้อ’ ทั้ง TRUE และ DTAC ราคาเป้าหมายที่รวมประโยชน์จากการควบรวมอยู่ที่ 5.70 บาทต่อหุ้น และ 58.00 บาทต่อหุ้น ตามลำดับ