SHARE

คัดลอกแล้ว

‘อินโนเวสท์ เอกซ์’ เรือธงด้านการลงทุนภายใต้กลุ่มเอสซีบี เอกซ์ (SCBX Group) ประเมินว่าแบงก์ชาติจะลดดอกเบี้ยลง 2 ครั้งภายในปีนี้ เริ่มเดือนหน้า (เม.ย. 2567) หลังเศรษฐกิจไทยยังเปราะบาง

‘สุกิจ อุดมศิริกุล’ กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกในไตรมาส 2 ปี 2567 มีแนวโน้มชะลอตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป (Global Soft-Landing) แม้ว่าอัตราการเติบโตจะสูงกว่าที่นักวิเคราะห์เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า

ทั้งนี้ การที่อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯอยู่ในทิศทางชะลอตัว ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีโอกาสลดดอกเบี้ยได้ในปีนี้

ในส่วนของเศรษฐกิจจีนเริ่มเห็นการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายด้าน โดยหากเศรษฐกิจจีนเติบโตตามแผนของรัฐบาลจะส่งผลบวกต่อทั้งเศรษฐกิจและตลาดหุ้นของเอเชียโดยเฉพาะไทย

ในขณะที่การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2567 จะขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านการเบิกจ่ายภาครัฐเป็นหลัก ในขณะที่การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นอีกปัจจัยที่อาจเกิดขึ้นซึ่งจะช่วยหนุนเศรษฐกิจไทยเช่นกัน ปัจจัยดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นไทยในไตรมาสที่ 2/67

โดยประเมิน SET Index เป้าหมายที่ 1,550 จุด แนะนำ กลุ่มพาณิชย์ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มขนส่ง และ กลุ่มสาธารณูปโภค

ดร. ปิยศักดิ์ มานะสันต์ หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด กล่าวว่า เราประเมินว่าเศรษฐกิจโลกดูดีกว่าคาด โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่อาจชะลอตัวลงในระยะต่อไป อันเป็นผลมาจาก 3 ปัจจัย ได้แก่

1. ผลกระทบของดอกเบี้ยขาขึ้น 2.ความเสี่ยงของภาคธนาคารที่เพิ่มขึ้น และ 3.เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงมากขึ้น โดยเฉพาะความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ แม้ว่าความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะลดลง

ในประเทศอื่นๆ มองว่าเศรษฐกิจยุโรปจะเสี่ยงต่อภาวะถดถอย แต่นโยบายการเงินเริ่มมีพื้นที่ว่างมากขึ้น เศรษฐกิจญี่ปุ่น BOJ ปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี แต่ยังให้คำมั่นที่จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว เพื่อรักษาสถานะนโยบายการเงินให้ยังผ่อนคลาย

ทั้งนี้ แนะจับตากระแสการกู้ยืมเงินเยนไปลงทุนในสินทรัพย์สกุลอื่น (Reverse Yen Carry Trade) อย่างใกล้ชิด แต่เชื่อว่า BOJ จะดำเนินนโยบายการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งจะไม่ทำให้กระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายผันผวนมากนัก

ด้านเศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวในระยะสั้น แต่ระยะยาวยังเผชิญความเสี่ยงจาก 3 วิกฤต ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ ภาวะเงินฝืด และวิกฤตการจ้างงาน

analysts-estimate-the-bank-of-thailand-to-cut-interest-rates-twice-this-year

ด้าน ‘สุทธิชัย คุ้มวรชัย’ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด กล่าวว่า แนะให้จับตาราคาน้ำมันดิบที่เร่งตัวขึ้นมาล่าสุด เนื่องจากอาจส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อลดลงช้ากว่าเป้าหมายที่ธนาคารกลางต้องการ เนื่องจากจะมีผลต่อแผนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

ทั้งนี้ สาเหตุที่ราคาน้ำมันดิบเร่งตัวขึ้นเนื่องจากอัตราการขยายตัวของอุปสงค์ที่แข็งแรงขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่แข็งแกร่งกว่าคาด รวมถึงมาตรการลดการผลิตของ OPEC+ หากสถานการณ์ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องอาจนำไปสู่ตลาดน้ำมันที่อยู่ในภาวะอุปทานขาดแคลนได้

สำหรับประเด็นเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนั้นล่าสุด ประเมินว่า Fed มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือน มิ.ย. และลดเป็นจำนวน 3-4 ครั้งในปีนี้ ด้าน ECB มีโอกาสลดอัตราดอกเบี้ยก่อน Fed โดยคาดการณ์ว่า ECB จะเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย. และลดเป็นจำนวน 4 ครั้ง เช่นกัน

ด้านธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าอาจเริ่มเห็นการลดดอกเบี้ยในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในเดือน เม.ย. และ มิ.ย. เนื่องจากเศรษฐกิจยังเปราะบาง

ขณะที่ ‘สิทธิชัย ดวงรัตนฉายา’ นักกลยุทธ์อาวุโสตลาดหุ้นไทยและต่างประเทศ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด เผยถึงกลยุทธ์การลงทุนไตรมาส 2 ปี 2567 ว่า กลยุทธ์การลงทุนของเรา คือ โฟกัสไปที่หุ้นที่ผลประกอบการทำจุดต่ำสุดไปแล้วและเริ่มปรับตัวดีขึ้น

ทั้งนี้ คาดว่าจะเริ่มเห็นสัญญาณการปรับเปลี่ยนน้ำหนักการลงทุน (Rotation) จากตลาดเศรษฐกิจพัฒนาแล้ว (Developed Market) ไปยังตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) และเม็ดเงินลงทุนใหม่จะมุ่งเน้นไปที่กลุ่ม non-tech และกลุ่มวัฏจักรมากขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป

โดยกลุ่มเทคโนโลยียังมีความน่าสนใจอย่าง TSMC, ASML, Microsoft, Alphabet ในขณะที่ Non-tech และกลุ่มวัฏจักรได้แก่ Airbus, Home Depot, Pfizer, Walt Disney, China Mobile, Baidu, CATL

สำหรับตลาดหุ้นไทยประเมินเป้าหมาย SET Index อยู่ที่ 1,550 จุด แนะจุดเข้าซื้อที่สำคัญอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 1,400 จุด ผลตอบแทนที่คาดหวังอยู่ที่ 12% ชี้เป้าหุ้นเด่นไตรมาส 2 ปี 2567 เน้นโฟกัสหุ้นที่ผลประกอบการทำจุดต่ำสุดแล้วและได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย

มีฐานะการเงินและกระแสเงินสดที่ดี ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างชัดเจน และได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของวงจรการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการเบิกจ่ายงบประมาณ ได้แก่ AOT GFPT GULF KCE และ SCGP

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะยาว เรายังแนะนำกลยุทธ์การลงทุนแบบ DCA (Dollar-Cost-Averaging) เนื่องจากตลาดหุ้นไทยยังถือว่าฟื้นตัวช้ากว่าตลาดหุ้นภูมิภาค ราคาหุ้นอยู่ในระดับที่ Undervalue มาก

เราคาดว่า SET Index จะยังคงมีความผันผวน การลงทุนแบบ DCA ในช่วงนี้จึงถือเป็นจังหวะที่ดีที่สุด เนื่องจากความเสี่ยงลดลงไปมากและโอกาสทำกำไรในอนาคตค่อนข้างสูง โดยเกณฑ์การพิจารณาหุ้นสำหรับ DCA เข้าพอร์ตควรเป็นหุ้นที่พื้นฐานดี ราคา Undervalue มีผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง ได้แก่ BBL, BDMS, BEM, CPALL, PTT และ SCC

นอกจากนั้น เรายังมีคำแนะนำสำหรับพอร์ตการลงทุนแบบ 2 สัปดาห์ (Bi-weekly Portfolio) และหุ้นเด่นประจำวัน (Daily Top picks)

analysts-estimate-the-bank-of-thailand-to-cut-interest-rates-twice-this-year

‘พยนต์ พงศาวรี’ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงานฝ่าย Wealth Products and Strategy บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด เผยมุมมองด้านการจัดสรรสินทรัพย์ (Asset Allocation) ว่า การลงทุนรายสินทรัพย์ในไตรมาส 2 เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อตราสารหนี้

ซึ่งนอกจากจะมีอัตราผลตอบแทนในปัจจุบันที่น่าสนใจ ประกอบกับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลกที่จะเป็นผลบวกต่อราคาตราสารหนี้แล้ว ยังถือเป็นตัวช่วยกระจายความเสี่ยงในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนได้ด้วยเช่นกัน

โดยเน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีเป็นหลัก และหลีกเลี่ยงการลงทุนตราสารหนี้ที่มีคุณภาพสินทรัพย์ในระดับต่ำ แนะนำกองทุน UGIS-N ที่ลงทุนผ่านกองทุนหลัก PIMCO GIS Income Fund ลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพสูงทั่วโลก

ในขณะที่ตราสารทุน เราปรับมุมมองการลงทุนต่อหุ้นสหรัฐฯ จากระดับระมัดระวังขึ้นมาเป็นระดับเป็นกลาง (Neutral) โดยถึงแม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะมีแนวโน้มชะลอตัว แต่เมื่อพิจารณาแนวโน้มผลดำเนินงานพบว่ามีการปรับประมาณการกำไร (Earning Revision) ขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับหุ้นในตลาดเกิดใหม่โดยภาพรวมถึงแม้ว่าจะมีมูลค่าหุ้น (Valuation) อยู่ในระดับที่น่าสนใจ แต่เรายังแนะนำให้เลือกลงทุนเฉพาะบางตลาดที่มีปัจจัยสนับสนุนเฉพาะตัว และ Valuation ยังไม่ได้แพงมากเกินไป เช่น ตลาดหุ้นไทย เวียดนาม และเกาหลีใต้

แนะนำกองทุน TISCOHD-A ที่เน้นลงทุนในหุ้นไทยขนาดใหญ่ปันผลสูงคุณภาพ ผสมผสานกับกองทุน ASP-SME-A ลงทุนในหุ้นไทยขนาดกลางขนาดเล็กเติบโตสูง กองทุน Principal VNEQ-A ลงทุนในหุ้นเวียดนามที่มีศักยภาพในการเป็นผู้ชนะในระยะยาว สอดคล้องไปกับการเติบโตเชิงโครงสร้าง

และกองทุน SCBKEQTG ลงทุนในหุ้นเกาหลีใต้ อาทิ Samsung ผู้ผลิต Memory Chip อันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งได้ประโยชน์จากการส่งออกในกลุ่ม Semiconductor ที่เติบโต โดยการลงทุนในกองทุนไทยเหล่านี้นอกจากจะช่วยกระจายเสี่ยงของพอร์ตแล้ว นักลงทุนไม่ต้องกังวลเรื่องภาษีต่างประเทศอีกด้วย

สำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสการลงทุนในตลาดต่างประเทศและสินทรัพย์อื่นๆ สามารถติดตามบทวิเคราะห์ และกลยุทธ์การลงทุนจาก InnovestX ที่ครอบคลุมหลากหลายกลยุทธ์ ทั้งระยะสั้น ระยะยาว สามารถเลือกลงทุนได้ตามกลยุทธ์ของตนเอง สามารถติดตามบทวิเคราะห์ได้ที่ www.innovestx.co.th และ Facebook InnovestX

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า