‘อนุทิน’ เผยพรุ่งนี้ถกยกระดับ ‘ฝีดาษลิง’ เป็นโรคติดต่ออันตรายร้ายแรงหรือไม่ มั่นใจควบคุมได้ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก

‘อนุทิน’ เผยพรุ่งนี้ถกยกระดับ ‘ฝีดาษลิง’ เป็นโรคติดต่ออันตรายร้ายแรงหรือไม่  หลัง WHO ยกระดับเตือนภัยเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก มั่นใจควบคุมได้

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมด่วน จากกรณีที่องค์การอนามัยโลก ยกระดับเตือนภัยโรคฝีดาษลิง (Mokeypox) เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ  ว่าที่ประชุมวันนี้ เพื่อตอบสนองการเฝ้าระวังสถานการณ์ของ องค์การอนามัยโลก  ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม ทั้ง

กรมการแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สำนักงานปลัด กรมควบคุมโรค 

นายอนุทินกล่าวต่อว่าสำหรับผู้ป่วยชาวไนจีเรียที่หลบหนีออกจากประเทศไทยและไปถูกจับที่กัมพูชาแล้วนั้น เราได้ติดตามไทม์ไลน์ และผู้สัมผัสใกล้ชิดในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา พบว่าไม่มีใครติดเชื้อจากผู้ป่วยรายนี้

ขณะนี้ได้ให้ด่านควบคุมโรคทั้งประเทศ ประสานสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ สำหรับบุคคลที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ทั้งนี้เรามีระบบเฝ้าระวังตั้งแต่สมัยโควิดแล้ว ไม่น่ามีปัญหาอะไร

ขณะที่ความพร้อมวัคซีน กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ยืนยันว่า วัคซีนฝีดาษที่เก็บไว้นานแล้วได้เก็บไว้อย่างดีตามมาตรฐาน ถ้าจำเป็นต้องนำมาใช้ก็สามารถนำมาใช้ได้ 

ส่วนการรักษาพยาบาลกรมการแพทย์ยืนยันว่าโรคนี้ โดยทั่วไปมีทั้งยาตามอาการ และยาเฉพาะโรค ถ้ามีความจำเป็นสถานพยาบาลมีความพร้อมให้การรักษาผู้ป่วย ขณะเดียวกัน สธ.ได้ยกระดับการเฝ้าระวังจากศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน หรือ อีโอซี ระดับกรมควบคุมโรคมาเป็นระดับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้การสั่งการครอบคลุมทั่วประเทศ 

ส่วนความตื่นตระหนก นายอนุทินกล่าวว่า  “ไม่ต้องตระหนกจนเกินไปนัก ด้วยความสามารถในการแพร่เชื้อ ติดเชื้อ ยังไม่ใช่ระดับโควิด เพราะฉะนั้นมาตรการที่เราใช้อยู่ในช่วงนี้  ในการป้องกันความเสี่ยงจากโควิด ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ ใช้มาตรการโซเชียล ดิสแทนซิ่ง มันก็จะสามารถลดความเสี่ยงในการติดเชื้อฝีดาษวานรได้มากทีเดียว เพราะเกิดจากการสัมผัสแผลด้วย ถ้าเราล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ ตลอดเวลา ใส่หน้ากากอนามัย เป็นไฮบริด ทูอินวัน มาตรการที่ป้องกันได้ทั้งสองโรค ยืนยันว่าความพร้อมมีอยู่ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนกจนเกินไป ใช้ชีวิตได้ตามปกติ ใช้มาตรการมาตรการยูนิเวอร์แซล ล้างมือ ใส่หน้ากากอนามัย โซเชียล ดิสแทนซิ่งและฉีดวัคซีนโควิด”

ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ พญ.นฤมล สวรรค์ปัญญาเลิศ ผู้ทรงคุณวุฒิกรมการแพทย์ด้านภาวะฉุกเฉิน เป็นผู้ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและชัดเจน เพื่อการสื่อสารทำความเข้าใจกับประชาชน ต้องเฝ้าระวังในสัมผัสผู้ป่วยลักษณะคล้ายกับโรคเอดส์ หากมีพฤติกรรมเพศสัมพันธ์ที่เสี่ยง ก็เป็นความเสี่ยง ซึ่งหากป้องกันเหมือนโรคเอดส์ได้ก็จะลดความเสี่ยงได้

เมื่อถามว่า ยังจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการจำกัดการเดินทางของประเทศเสี่ยงหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่ายัง ยังห่างจากตรงนั้น

เมื่อถามว่าที่ประชุมได้หารือเรื่องการยกระดับจากโรคติดต่อเฝ้าระวังเป็นโรคติดต่ออันตรายร้ายแรงหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า พรุ่งนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการวิชาการ ซึ่งมีอาจารย์ผู้ทรวงคุณวุฒิทางการแพทย์ ประชุมว่าจะดำเนินการตามมาตรการอย่างไร ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนของระบบสาธารณสุขของไทย 

ส่วนมาตรการเฝ้าระวังหลังผู้ช่วยชาวไนจีเรียหลบหนี นายอนุทินกล่าวว่าได้กำชับไปว่า ถ้ามีผู้ป่วยไปโรงพยาบาล โรงพยาบาลที่รับผู้ป่วยประเภทนี้ต้องควบคุมกักตัวไว้ แล้วเร่งดำเนินการรักษา และสอบสวนโรค