อนุทิน สุดฟิต ลงพื้นที่ดูงานด้านกัญชา ที่ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร

นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และคณะ เดินทางไปที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนฯ เพื่อดูงานด้านกัญชาทางการเเพทย์ 

วันที่ 5  ก.ค. 62 นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยและคณะได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี โดยมีนายพิบูลย์ หัตถกิจโกศล ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี  นายแพทย์นำพล แดนพิพัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เภสัชกรหญิง ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร  หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม ให้การต้อนรับ

จากนั้น นายอนุทินได้เดินทางไปยังห้องประชุมอาคารเฉลิมพรเกียรติ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร โดยกล่าวว่า ในการเดินทางมาครั้งนี้ เพื่อขอความรู้จากทางโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรในเรื่องกัญชา เนื่องจากทางโรงพยาบาลเป็นแกนนำด้านสมุนไพรและมีการศึกษาวิจัยเรื่องกัญชา ที่ทางพรรคภูมิใจไทย ได้ประกาศนโยบายเรื่องกัญชาเสรีให้กับคนไทยทั้งประเทศ

นายแพทย์นำพล แดนพิพัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เภสัชกรหญิง ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร  หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม นายแพทย์มกร ลิ้มอุดมพร นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ ได้รายงานผลการศึกษากัญชาว่า กัญชาส่วนหนึ่งทางโรงพยาบาลได้มาจากการที่รัฐบาลนิรโทษกรรมให้กับผู้ใช้กัญชารักษา ทำให้ทางโรงพยาบาลได้พันธุ์กัญชาไทยส่วนนั้นนำมาปลูกขยายผล พร้อมทำการวิจัย และขยายผลเพื่อให้กับประชาชนที่ได้รับการอนุญาตในอนาคต

จากการทดลองปลูกกัญชาแบบปิด และการทดลองปลูกกัญชาแบบเปิด ผลออกมาได้ต่างกัน บางชนิดเหมาะสำหรับแบบปิด บางชนิดเหมาะสำหรับแบบเปิด เนื่องจากกัญชาแต่ละชนิดมีความต้องการอุณหภูมิ แสงแดด ที่แตกต่างกันไป  และจากการวิจัยยังพบว่า กัญชาในแต่ละประเทศมีสารในการรักษาโรคต่างกันอีก  เช่น กัญชาประเทศไทยให้สรรพคุณในการรักษาน้อยกว่าประเทศลาว เป็นต้น และเพื่อให้การวิจัยกัญชาได้อย่างมีประสิทธิภาพ สมควรให้รัฐบาลมีการขยายผลการนิรโทษกรรมกัญชาออกไปอีก

นายอนุทินได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ทางพรรคจะยืนยันผลักดันจะให้กัญชาเพื่อการแพทย์สามารถเป็นรูปธรรมได้โดยเร็วที่สุด มีผู้ใหญ่หลายท่านพร้อมจะผลักดันเรื่องกัญชาเสรีในการแพทย์ เพราะเป็นนโยบายที่สำคัญของพรรคภูมิใจไทย ถ้าเรื่องเกี่ยวกับกฎหมาย มันก็มีข้อปฏิบัติตามหลักอยู่แล้ว อย่างแรกก็คือทำยังไงให้การรักษาพยาบาล การใช้สารสกัดจากกัญชาโดยเฉพาะในรูปแบบของน้ำมัน ให้สามารถใช้ได้เลยในรัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งเคยมีกฎกระทรวงออกมาเกี่ยวกับการนิรโทษกรรมผู้ป่วยที่ใช้กัญชารักษา  หากมีความจำเป็นก็อาจใช้กฎนี้ในช่วงแรกๆ ก่อน