SHARE

คัดลอกแล้ว

ส่องเทรนด์การอยู่อาศัย 7 ประเทศทั่วโลก หลังเหตุการณ์โรคระบาดผ่านพ้น ให้วิถีชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไป โดยเฉพาะ ‘บ้าน’ หรือที่อยู่อาศัยก็เช่นเดียวกัน

ผู้พัฒนาอสังหาฯ โครงการบ้านเดี่ยว AP Thailand ได้เห็นถึงความสำคัญของเทรนด์การอยู่อาศัยที่เปลี่ยนไปนี้ จึงได้พัฒนาแนวคิด ‘Life Space’ ซึ่งได้มองเทรนด์การอยู่อาศัยของประเทศต่างๆ ที่เปลี่ยนไป รวมถึงประเทศไทย

AP Thailand จึงได้จับมือกับนักเล่าเรื่องชื่อดัง เฮียวิทย์-ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน ผู้รอบรู้ด้านประวัติศาสตร์โลก ภาษา และวัฒนธรรม กับโปรเจกต์พิเศษ The Space Thinker Podcast กับเรื่องเล่าความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับวิวัฒนาการของบ้าน ตั้งแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม สู่การเปลี่ยนแปลงในยุคปัจจุบัน ซึ่งทั้ง 7 ประเทศนี้ มีเทรนด์การอยู่อาศัยที่แตกต่างกันไป ดังนี้ …

  1. สหรัฐอเมริกา มองหาบ้านย่านชานเมืองและชนบท

ในสหรัฐอเมริกา การระบาดใหญ่ของ COVID-19 ได้ส่งผลอย่างมากต่อความต้องการบ้านในพื้นที่ชานเมืองและชนบท ผู้คนต่างต้องการพื้นที่มากขึ้น บวกกับสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นเพื่อทำงานและการเรียนจากที่บ้าน แนวโน้มนี้เห็นได้ชัดเจนคือเมืองที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยสูง เช่น นิวยอร์ก ซานฟรานซิสโก และลอสแอนเจลิส Pandemic ทำให้คนจำนวนมากย้ายไปชานเมือง เช่น โซโนมา แนปา ฯลฯ นอกจากนี้ผู้คนยังความโหยหาในธรรมชาติ เพราะพวกเค้ามองว่า พื้นที่ + การเข้าถึงธรรมชาติ คือคุณภาพชีวิตที่ดีนั่นเอง

2.) ออสเตรเลีย โฮมออฟฟิศเป็นที่ต้องการสูง

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในออสเตรเลียมีเทรนก์เปลี่ยนแปลงไป ผู้พัฒนาสร้างจุดขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อทำฟังก์ชันที่สามารถปรับการใช้งานแบบโฮมออฟฟิศได้ เช่น มีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและพื้นที่ทำงานที่เงียบสงบแนวโน้มนี้ยังส่งผลต่อการออกแบบและปรับปรุงบ้านใหม่ โดยชาวออสเตรเลียมีการลงทุนปรับปรุงบ้านเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมสำหรับการทำงาน Work from home มีประสิทธิภาพมากขึ้น

3.) ญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับพื้นที่กลางแจ้งในการออกแบบบ้าน

ในประเทศญี่ปุ่น ได้ให้ความสำคัญกับพื้นที่กลางแจ้ง พื้นที่แบบ Open-Air เป็นหนึ่งในหัวใจของการออกแบบบ้านยุคนี้ ซึ่งการระบาดของโควิดได้ทำให้พื้นที่ส่วนตัวกลางแจ้งเป้นที่ต้องการมากขึ้น ทำให้ในปัจจุบัน ระเบียง ลานบ้าน และสวน มีความสำคัญมากต่อการตัดสินใจของผู้ซื้อบ้าน เพราะพวกเขามักจะใช้เวลาส่วนตัวกับพื้นที่เหล่านี้

4.) เกาหลีใต้ บ้านไฮเทคและอัจฉริยะ

เกาหลีใต้ มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วและโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ตัวอย่างที่น่าสนใจของใช้เทคโนโลยีในบ้าน เพื่อเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตในที่อยู่อาศัย COVID-19 นั่นคือ การเร่งการนำเทคโนโลยีบ้านอัจฉริยะมาใช้อย่างแพร่หลาย และกลายเป็นมาตรฐานในบ้านสมัยใหม่ของเกาหลีใต้อย่างรวดเร็ว ทำให้บ้านในเกาหลีใต้เป็นพื้นที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และเชื่อมต่อกันมากขึ้น ผู้อยู่อาศัยมีความสะดวกสบายและความสุขมากขึ้น

5.) เดนมาร์ก สิ่งอำนวยความสะดวกด้านความยั่งยืน เพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี

เดนมาร์กให้ความสำคัญกับความยั่งยืนอย่างมาก ยกตัวอย่าง แนวคิดการพัฒนาของหมู่บ้าน UN17 Village  (หมู่บ้านแรกของโลกที่ออกแบบและตีความตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้ง 17 ข้อของ UN) ตอบโจทย์ความท้าทายหลังการระบาด Covid 19 อย่างครอบคลุม เป็นต้นแบบสำหรับการพัฒนาการอยู่อาศัยในอนาคต โดยได้ออกแบบชุมชนโดยให้ความสำคัญกับสุขภาพ สร้างขึ้นด้วยวัสดุก่อสร้างที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ โดยมีการปล่อยก๊าซมลพิษให้น้อยที่สุด ใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียน 100% และสามารถเก็บน้ำฝนได้ 1.5 ล้านลิตรต่อปีเพื่อการรีไซเคิลและการใช้งานเพื่อการพักผ่อน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

6.) ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ การใช้เทคโนโลยีในกระบวนการซื้อขายบ้าน

นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมและการลงทุนของโลกอยู่แล้ว ดูไบได้นำเอาเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาปฏิวัติตลาดอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเพิ่มความโปร่งใส เพิ่มความปลอดภัย ความรวดเร็ว ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์

การที่ดูไบใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นในการนำนวัตกรรมดิจิทัลมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาดั้งเดิม พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก

7.) ไทย พลิกโฉมการออกแบบพื้นที่ของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

อสังหาริมทรัพย์ไทย กับภาพวันที่ Pandemic ได้เปลี่ยนเกมธุรกิจไปอย่างถาวร ในทุกวันนี้ไม่ใช่ยุคของนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่คือยุคของ ‘นักออกแบบพื้นที่’ โดยผู้บริโภคมองว่า ‘บ้าน’ ต้องเป็นมากกว่า ‘บ้าน’ แต่คือ LIFE SPACE – อาณาจักรแห่งการใช้ชีวิตที่คุณเลือกเองได้

จากเทรนด์การอยู่อาศัยของทั้ง 7 ประเทศนี้ ทำให้ผู้พัฒนาอสังหาฯ ต้องปรับตัว เปลี่ยนเทรนด์ให้สอดคล้องไปกับความต้องการของผู้บริโภค

เทรนด์การอยู่อาศัยของไทย เมื่อ ‘บ้าน’ เป็นพื้นที่แห่งการใช้ชีวิตที่รอบด้านมากขึ้น

หากมาโฟกัสในประเทศไทย คนในยุคนี้ต้องการปรับเปลี่ยนพื้นที่ให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความยืดหยุ่น อยู่อาศัยไปพร้อมๆ กับการทำงานได้ การออกแบบพื้นที่จึงต้องคิดให้รอบด้านมากขึ้น

นี่จึงเป็นที่มาของแนวคิด LIFE SPACE ที่ปรากฏในธุรกิจบ้านเดี่ยวของ AP Thailand จากนิยามของบ้านในวันนี้ได้เปลี่ยนไปหลังผ่านยุค Pandemic บ้านไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัยที่สะท้อนตัวตนด้วยขนาดที่ใหญ่โต หรือวัสดุที่หรูหรา แต่สิ่งที่ลูกค้าต้องการในวันนี้คือ อาณาจักรของการใช้ชีวิต ที่สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ภายในบ้านให้เป็นอะไรก็ได้ในแบบที่ลูกค้าต้องการ

นางพิมพรรณ ปรีชานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานบริหารแบรนด์และพัฒนาสินค้าบ้านเดี่ยว เปิดเผยว่า “บ้านเดี่ยว AP เรายังคงพัฒนาสินค้าภายใต้จุดยืนและความเชื่อที่ว่าบ้านที่สวยที่สุด คือบ้านที่เข้าใจชีวิต ใช้งานได้จริง และเข้าใจทุกชีวิตในบ้านมากที่สุด

ปีนี้ กลุ่มธุรกิจบ้านเดี่ยว จะออกแบบโครงการภายใต้แนวคิด LIFE SPACE ซึ่งจะเป็นกรอบในการทำงานตลอดปี 2567 ประกอบด้วย 4 แกนหลัก ได้แก่

  • Adaptable Living การออกแบบที่คำนึงถึงพื้นที่ในบ้านที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ เพื่อให้รับกับการเติบโตของทุกคนในบ้าน
  • Flexible Layout การออกแบบเลย์เอ้าต์ที่ง่ายต่อการปรับเปลี่ยนฟังก์ชันการใช้งาน
  • Multifunctional Space การออกแบบพื้นที่ ที่ทำให้สามารถใช้งานได้มากกว่าหนึ่งฟังก์ชัน
  • Dynamic Lifestyle Space การออกแบบทั้งพื้นที่ภายในบ้านและพื้นที่ส่วนกลางให้มีความยืดหยุ่น รองรับไลฟ์สไตล์หรือกิจกรรมที่หลากหลายของคนทุกวัย

เตรียมพบกับบ้านเดี่ยว 5 โครงการใหม่ ในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้ ได้แก่

1) THE CITY พระราม 5-นครอินทร์ 2 จำนวน 53 หลัง มูลค่า 850 ล้านบาท ราคา 17.5 – 25 ล้านบาท

2) THE CITY ดอนเมือง-แจ้งวัฒนะ จำนวน 99 หลัง มูลค่า 1,700 ล้านบาท ราคา 15 – 25  ล้านบาท

3) THE CITY กาญจนาฯ-บางแค จำนวน 26 หลัง มูลค่า 800 ล้านบาท ราคา 30 – 50 ล้านบาท

4) THE CITY บางนา 2 จำนวน 165 หลัง มูลค่า 3,700 ล้านบาท ราคา 25 – 45  ล้านบาท และ

5) MODEN ประชาอุทิศ 90 จำนวน 286 หลัง มูลค่า 1,500 ล้านบาท ราคา 4.39 – 7.99 ล้านบาท

ลงทะเบียนเยี่ยมชมโครงการพร้อมรับสิทธิพิเศษ ที่ https://apth.ly/SDH-New-Q2-2024

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า