“บริหารการเงิน” ดีๆ ด้วย “4 แอปพลิเคชัน” ทางการเงินสำหรับคนไทย 

‘อิสรภาพทางการเงิน’ เป็นคำที่ธนาคารหลายๆ เจ้ามักใช้โปรโมตในการขายโปรดักส์และบริการทางการเงินอย่างแพร่หลาย และคุ้นหูต่อผู้บริโภคทั่วไป อย่างไรก็ตาม แม้เราอาจจะมองไม่เห็นว่าอิสระทางการเงินมีปลายทางเป็นเช่นไร เพราะประชากรส่วนมากในสังคมไทย ยังคงมีภาระเงินผ่อน ภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ เป็นความรับผิดชอบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราก็ยังพูดกันตามตรงว่า คุณภาพชีวิตที่ดี เกิดขึ้นได้จากการการบริหารการเงินที่ดี

ปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามาทำให้หลายอย่างง่ายขึ้น แม้กระทั่งเรื่องทางการเงินที่แสนจะยุ่งยาก นอกจากโมบายแบงกิ้งของแต่ละธนาคารที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้เราในเรื่องของการโอนเงิน ชำระเงินแล้ว ยังมีแอปฯ และบริการทางการเงินออนไลน์บนหลากหลายแพล็ตฟอร์ม ครอบคลุมทุกด้านของการเงินการลงทุนให้เลือกสรรอีกมากมาย 

ก่อนอื่นต้องถามก่อนว่า เรามีจุดประสงค์ในการใช้งานอะไร บริหารการเงิน ลงทุน หรือลดหนี้ หากสามารถเลือกใช้บริการได้ตรงกับความต้องการ เชื่อได้เลยว่าจะทำให้ชีวิตเป็นระบบมากขึ้นอย่างคาดไม่ถึง

1. Weple Money

หาเงินได้มากแค่ไหน แต่บริหารไม่เป็น ก็ไม่มีเงินเก็บอยู่ดี เป็นคำเตือนสุดคลาสสิกทุกยุคทุกสมัย แต่สมัยนี้ถือว่าโชคดี เพราะนักพัฒนาส่งแอปฯ บันทึกรายรับรายจ่ายที่ใช้งานง่ายสุดๆ มาให้ประชากรโลกได้เลือกใช้ ซึ่งที่ขอเลือกมานำเสนอคือ Weple Money จากผู้พัฒนา bumblebee 

จุดที่คิดว่าโดดเด่นและทำได้ดีสำหรับแอปฯ นี้คือการเลือกได้ว่าเราจะดูบัญชีรายรับ-รายจ่ายเป็นวัน สัปดาห์ หรือเดือน โดยรูปแบบรายเดือนจะขึ้นมาเป็นหน้าปฏิทินโชว์รายรับ-รายจ่าย ชัดเจน ทำให้เห็นภาพรวมการใช้จ่ายได้ ซึ่งการบันทึกรายรับ-รายจ่ายก็สามารถเลือกบันทึกเป็นหมวดหมู่ได้ เช่น การเดินทาง ค่ากิน ค่าจิปาถะ ฯลฯ 

มากไปกว่านั้นคือสามารถปรับดูรายรับและรายจ่ายเป็นกราฟได้ ซึ่งออกแบบมาได้สบายตาดี นอกจากนี้ แอปฯ ยังมีฟังก์ชั่น ‘Budget’ ให้เรากำหนดงบประมาณให้กับรายจ่ายประเภทต่างๆ ได้ ทำให้สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ก่อนที่มันจะเกินงบ ‘card’ บันทึกค่าใช้จ่ายจากการใช้งานเครดิตการ์ด และ ‘Asset’ รวมรวบสินทรัพย์ที่เรามีอยู่ เพื่อให้เราสามารถประเมินการใช้จ่ายและลงทุนในระยะยาวของชีวิตได้อย่างเหมาะสม

2. Ez Calculators

แอปพลิเคชั่นเครื่องคิดเลขทางการเงินชนิดครอบจักรวาล ที่เหมาะกับคน 2 กลุ่ม ก็คือ คนที่ 1. กำลังก่อร่างสร้างตัว 2. นักลงทุน

แอปพลิเคชั่นนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก และได้รับคำชมอย่างมากเช่นกัน เพราะรวบรวมเครื่องคิดเลขทางการเงินไว้เกือบครบถ้วน ทั้งสำหรับการคำนวณดอกเบี้ยสำหรับการจ่ายบัตรเครดิตที่ล่าช้า คำนวณสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถ สำหรับผู้ที่ต้องการจะกู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ หรือดาวน์รถสักคัน นอกจากนี้ ยังมีตัวช่วยคำนวณเรื่องของเงินตราต่างประเทศ คำนวณดอกเบี้ยพันธบัตร คำนวณเงินสำหรับการเกษียณอายุการทำงานอีกด้วย 

ส่วนไฮไลท์สำหรับแอปฯ นี้ที่น่าสนใจ และอยากแนะนำให้หลายคนลองคำนวณดูก็คือ ฟังก์ชันคำนวณ ‘Time Value of Money’ หรือการคิดมูลค่าเงินตามระยะเวลา ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้สามารถรู้ได้ว่าอนาคตเงินที่เรามีอยู่จะมีความเสี่ยงสูญเสียไปเท่าไหร่ตามการผันผวนของเศรษฐกิจ ตลอดจนการคำนวณการเติบโตของเงินในกระเป๋า ว่าจะต้องทำอย่างไรเงินออมที่มีจะเติบโตบรรลุตามเป้าหมายที่วางแผนเอาไว้

3. 5 ขั้นมั่นใจลงทุน

เมื่อถึงวัยหนึ่ง การเก็บเงินนอนไว้เฉยๆ ในบัญชี อาจจะไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป เพราะดอกเบี้ยธนาคารมันไม่ทำให้ตาลุกวาวได้เหมือนในอดีต ดังนั้นการขยับขยายไปลงทุนในด้านอื่นๆ จึงเป็นคำตอบ แต่นักลงทุนมือใหม่หลายคนอาจจะมีความกังวลใจเพราะไม่รู้ว่าควรจะลงทุนอะไร หุ้น? กองทุน? ซื้อหรือขายช่วงไหน และเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จึงเปิดเว็บไซต์ www.5ขั้นมั่นใจลงทุน.com รวบรวมธนาคาร สถาบันการเงินแบบครบวงจร สำหรับการออกแบบการลงทุนทุกรูปแบบ มาให้บริการ

หัวใจสำคัญของเว็บไซต์นี้คือการจับคู่ผู้อยากลงทุน คู่กับสถาบันการเงินที่เหมาะสม โดยเริ่มต้นที่ให้ผู้ใช้บริการกรอกตัวเลขที่ต้องการลงทุน ซึ่งเว็บไซต์จะเสนอตัวเลือกที่เหมาะสม โดยสามารถกรองรูปแบบที่อยากจะลงทุนได้ด้วย

โดยพาร์ทเนอร์ของ 5ขั้นมั่นใจลงทุน จะให้บริการยึดมาตรฐาน 5 ขั้นตอนคือ 

1. วิเคราะห์ความต้องการ ผ่านเป้าหมายและความเสี่ยงที่รับได้ของลูกค้า
2. กำหนดสัดส่วนเงินลงทุน ในทรัพย์สินประเภทต่างๆ ตามความเสี่ยง
3. การเลือกลงทุนตามเป้าหมาย กำหนดว่าจะลงทุนอะไร และระยะเวลาการลงทุน
4. การติดตามและปรับกลยุทธ์ เพื่อให้การลงทุนไม่ผิดไปจากเป้าประสงค์ แม้จะมีสถานการณ์การลงทุนที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
5. รายงานสถานะการลงทุนให้ผู้ลงทุนทราบเป็นระยะ

โดยปัจจุบันประชากรไทยมีแค่ 3 ล้านกว่าคนเท่านั้นที่มีบัญชีการลงทุน ซึ่งทาง กลต. ต้องการให้เว็บไซต์นี้สร้างความกล้าในการลงทุนให้กับคนไทย

4. Refinn

สตาร์ตอัพคนไทย ที่อยากทำให้การรีไฟแนนซ์เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น

รีไฟแนนซ์คือการจ่ายคืนหนี้ก้อนเดิมที่มีอยู่ ไม่ว่าจะอสังหาริมทรัพย์ หรือรถยนต์ ตลอดจนบัตรเครดิต ด้วยการขอสินเชื่อใหม่ที่มีดอกเบี้ยอัตราต่ำกว่า ทำให้หนี้ที่มีอยู่ลดลงจากดอกเบี้ยที่ถูกลง

โดย Refinn ไม่ใช่ผู้ปล่อยสินเชื่อเอง แต่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและเป็นเครี่องมือในการช่วยหาข้อมูลโปรโมชันจากธนาคารต่างๆ เช่น โปรโมชันอัตราดอกเบี้ย และนำมาเปรียบเทียบกัน เพื่อนำเสนอตามความต้องการของลูกค้า เช่น บางรายต้องการผ่อนด้วยจำนวนเงินน้อยลงต่อเดือน หรือบางรายต้องการผ่อนเท่าเดิมแต่อยากผ่อนด้วยระยะเวลาที่สั้นขึ้น

ไอเดียของความต้องการที่จะช่วยลดหนี้คนไทย ซึ่งเป็นไอเดียที่แตกต่างจากฟินเทครายอื่นที่หนุนให้เกิดการลงทุนเพื่องอกเงยเงินในกระเป๋า ทำให้มีผู้เข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่องบนเว็บไซต์ refinn.com ซึ่งปัจจุบันสตาร์ตอัพเจ้าหนี้มีผู้เข้าใช้บริการด้วยวงเงินรวม 125,000 ล้านบาท 

นอกจากรีไฟแนนซ์แล้ว Refinn ยังให้คำปรึกษา ‘บ้านแลกเงิน’ สำหรับผู้ที่ผ่อนบ้านหมดแล้ว และต้องการเงินก้อน รวมไปถึง ‘บ้านมือสอง’ บริการข้อมูลการขอสินเชื่อจากธนาคารเพื่อนำไปซื้อบ้านมือสองด้วย