SHARE

คัดลอกแล้ว

พล.อ.อภิรัชต์ เปิดทบ. บรรยายพิเศษครั้งแรกดุเดือด จวกเงามืดดอดพบแกนนำผู้ประท้วงฮ่องกงที่มีวาทกรรมแบ่งแยกดินแดน ถามคนรุ่นใหม่ถ้ามีคนปั่นสมองให้ทำแบบฮ่องกงจะออกมาหรือไม่ พร้อมลั่นไม่ขวางแก้รัฐธรรมนูญ แต่อย่าแตะมาตรา 1 กางทฤษฎีไฮบริด วอร์แฟร์ที่กำลังเกิดขึ้นในการเมืองไทยมาจาก “คอมมิวนิสต์เดิม-นักวิชาการไร้จรรยาบรรณ-นักธุรกิจฮ่องเต้ซินโดรม” 

ที่หอประชุมกิตติขจร กองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำเนิน พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) บรรยายพิเศษ หัวข้อแผ่นดินของเราในมุมมองของฝ่ายความมั่นคง ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงเศษ โดยช่วงหนึ่งได้เปิดวิดีโอภาพเหตุการณ์ประท้วงในประเทศต่างๆ โดยท้ายสุดเป็นภาพเหตุการณ์ที่ฮ่องกง และได้กล่าวว่า ตามภาพนายคนนี้บอกว่าชื่อโจชัว หว่อง ที่มีวาทกรรม ว่า If we are in a new Cold War, Hong Kong is the new Berlin ตนไม่ได้พูดเอง นายหว่องพูด

ทำไมถึงค้างภาพนายคนนี้ไว้ หนึ่งฮ่องกงเป็นประเทศที่เป็นเกาะตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีน ฮ่องกงเป็นเมืองที่น่าเที่ยว เป็นที่ไปช้อปปิ้ง ถามว่าวันนี้มีใครอยากจะไปฮ่องกง เพราะเกิดเหตุการณ์อะไร แต่มีบางคนไปครับ แล้วก็ถ่ายรูปโพสต์ให้เห็น นายโจชัว หว่องนั้นมาเมืองไทยไม่รู้กี่รอบ มาพบกับใคร มาพบกับบุคคลประเภทไหน การพบกันนั้นมีวาระซ่อนเร้น วางแผนคบคิด ทำอะไรกันอยู่หรือเปล่า แถมยังขณะเกิดเหตุที่ฮ่องกงมีความวุ่นวายไปเยี่ยมเหมือนกับให้กำลังใจ ให้การสนับสนุน ในเว็บไซต์มีหมด ในสื่อโซเชียลออนไลน์มีหมด

(พล.อ.อภิรัชต์ พูดถึงโจชัว หว่อง แกนนำชาวฮ่องกง)

ฮ่องกงนั้นสถานภาพทางภูมิศาสตร์เป็นเกาะ แตกต่างจากประเทศไทยซึ่งเป็นผืนแผ่นเดียวกันมีอาณาเขตติดต่อกับประเทศต่างๆ …จีนมองฮ่องกงเป็นเกาะเล็กๆ แต่ก่อนเคยเป็นแหล่งเงิน แต่ ณ ปัจจุบัน ประเทศจีนเป็นประเทศที่ใหญ่ อย่าลืมว่าตั้งแต่เกิดเหตุจีนไม่เคยใช้กำลังทางทหารเข้าปฏิบัติการ อาจมีภาพให้เห็นว่าตำรวจใช้แค่ปืน นั้นเป็นลำดับขั้นตอนใช้กำลังตั้งแต่เบาไปหาหนัก ที่สำคัญคนที่ออกมาคือกลุ่มวัยรุ่นทั้งนั้น

“ผมถามน้องๆ ว่า น้องๆ นิสิตนักศึกษาว่า ถ้าวันนึงคนที่มันผิดหวัง คนที่ยั่วยุปลุกปั่นคนที่ใช้โซเชียล คนที่ใช้การโฆษณามาปั่นสมองน้องๆ ให้ออกมาแบบฮ่องกงน้องๆ จะออกไหมครับ ภาพเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองเมื่อปี 52-53 ผมได้มีโอกาสเดินทางไปเพราะรู้สึกว่าวัยรุ่นนิสิตนักศึกษานั้นมีความอ่อนไหวมาก เป็นพลเมืองที่ต้องเข้มแข็งเขาต้องรู้ความจริง เด็กบางคนที่ผมไปพูดไปพบกับนักศึกษาวิชาทหาร นักเรียน ถามว่าเกิดพ.ศ.อะไร อายุเท่าไหร่ สมัยก่อนเด็ก 6-7 ขวบไม่รู้หรอกครบว่ามีการเผาศาลากลางจังหวัด ลืมไปหมดแล้ว แต่ก่อนเด็กไม่สนใจอะไร ไปถามเขาเขาบอกไม่รู้เรื่องไม่เคยได้ยิน แล้วภาพเหล่านี้ถูกระบบที่เขาเรียกว่า big data analytics ใช้ระบบเพิ่มข้อมูลซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนข้อเท็จจริงหายไปจากโซเชียล หรือเสิร์ชหายาก”

สถานการณ์ภาคใต้-ระเบิดกรุงเทพฯ-แก้รัฐธรรมนูญ

พล.อ.อภิรัชต์ ได้กล่าวถึงสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตอนหนึ่งว่า ความยากที่สุดการทำงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ ศัตรูกับประชาชนแต่งตัวเหมือนกัน เราแยกแยะไม่ออก ความกดดันถึงอยู่ที่เจ้าหน้าที่ที่จะต้องระวังตลอดเวลา เราไม่รู้ว่าเราที่เดินเข้ามาหาเราจะเอาปืนมายิงเราไหม คนที่ขับรถผ่านเราจะเอาระเบิดมาใส่เราไหมมันแยกแยะไม่ออก เพราะฉะนั้นจึงต้องใช้หน่วยรบพิเศษเข้ามาเสริมการปฏิบัติเพื่อหาข่าวและปฏิบัติการรบนอกแบบ

“เหตุการณ์แบบนี้มันไม่ได้แก้กันง่ายๆ แต่มันเบาบางลงเยอะ มันจะเริ่มหนักขึ้นหลังเลือกตั้งนี่แหล่ะ ท่านรองผบ.ตำรวจแห่งชาติมานั่งอยู่ในที่นี้ ท่านเป็นคนทำคดี ท่านลืมไปแล้วเหรอครับว่าเมื่อ 2-3 เดือนที่แล้ว มีคนมาวางระเบิดในเขตกรุงเทพมหานคร 7-8 จุด ข่าวแบบนี้หายไปเร็วครับ ผมบอกได้เลยฝ่ายความมั่นคง ทั้งทหาร ตำรวจ จะไม่วางมือโดยเด็ดขาดว่ากลุ่มคนพวกนี้เชื่อมโยงกับใคร ผมจะไม่มีวันวางมือ เอาคนจากข้างล่างไปวางแผนฝั่งนู้นแล้วเข้ามาทำในกรุงเทพมหานคร หลังการเลือกตั้งไม่กี่เดือน หลังจากนั้นก็มีกลุ่มคนบางกลุ่มลงไปนั่งเสวนา นักวิชาการ อาจารย์บางคนนั่งเทียนเอาไถโทรศัพท์มือถือเอาแล้วก็บอกว่าเชี่ยวชาญชำนาญในภาคใต้ต้องแก้ปัญหาแบบนี้ มีการยกประเด็นมาตรา 1”

“ทุกท่านดูนะครับ มาตรา 1 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 1 ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกไม่ได้ รัฐธรรมนูญไทยเริ่มตั้งแต่ปี 2475 ผมถามว่ามีการแก้ไขกี่ครั้งวันนี้ผมออกมาพูด ผมเป็นตัวแทนของทหารและประชาชนที่รักชาติ ผมไม่ได้บอกว่ารัฐธรรมนูญแก้ไม่ได้ แต่มาตรานี้เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ เกี่ยวกับเลือดเนื้อชีวิตของบรรพบุรุษที่รักษาขวานทองแห่งนี้ไว้ ผมบอกได้เลยว่า ไม่มีวันถึงผมตายไป ทหารรุ่นใหม่เกิดขึ้นมา เชื่อว่า ฝ่ายความมั่นคงทุกคน ประชาชนท่านไม่รู้หรอกว่าปู่ย่าตายายทวดของท่านอาจจะเคยร่วมเป็นทหารเพื่อรักษาแผ่นดินของเราไว้

เพราะฉะนั้นในโลกนี้ไม่มีรัฐธรรมนูญไหนบอกว่า สามารถแบ่งแยกดินแดนได้ ไม่มีมันจบแล้วครับ เพราะฉะนั้นจะแก้มาตราอะไรก็แก้ถ้าแก้มาตรา 1 จะกระทบกับมาตราอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์นี่คือความชาญฉลาดของพวกนักวิชาการที่ไม่พูดตรงๆ ออกมาว่าอยากทำอะไร อยากแก้อะไร จึงยกประเด็นมาตรา 1 หากประเทศไทยไม่ใช่ราชอาณาจักรแผ่นดินถูกแบ่งแยกกระทบมาตราอื่นแน่นอน ผมบอกแล้วนะครับว่าไม่ใช่มาขัดขวางการแก้รัฐธรรมนูญ ผมไม่ยุ่งกับการเมือง แต่นี่คือเรื่องของฝ่ายความมั่นคง”

พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวด้วยว่า ทหารเป็นเป้าถูกโจมตีโดยตลอด ทุกยุคทุกสมัย ทหารทุกคน พวกตนก็รับใช้ ทำงานให้ตามรัฐธรรมนูญตามกฎหมาย ไม่มีการเลือกปฏบัติ ไม่มีการเลือกนาย แต่กลุ่มคนพวกนี้รู้ดี ไม่ได้มองทหารเพื่อปกป้องรัฐธรรมนูญเพื่อประเทศชาติ มองทหารเสมือนเป็นอุปสรรคของประชาธิปไตย ทหารคือประชาชน …เราเป็นประชาชน ตนไม่ใส่เครื่องแบบเดินเสาร์อาทิตย์คือประชาชน มีเหตุผลอะไรเพราะทหารคือหลัก หลักแห่งความมั่นคงที่จะต้องปกป้องอธิปไตย จึงมีวาทกรรมต่างๆ เกิดขึ้นทุกครั้ง เอามาหวังผลการเมือง เอาใจเด็กๆ น้องๆ วัยรุ่น ไม่ต้องเกณฑ์ทหารบ้างล่ะ ลดงบประมาณกองทัพ ลดงบประมาณกระทรวงกลาโหม จัดซื้ออาวุธทำไม หนักแผ่นดิน

ทฤษฎีไฮบริด วอร์แฟร์

ช่วงท้าย พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวถึงทฤษฎีไฮบริด วอร์แฟร์อีกครั้งย้ำไม่ใช่ทฤษฎีอุปโลก ว่า ทฤษฎีไฮบริด วอร์แฟร์ คือ สงครามลูกผสม คือสงครามที่ใช้การผสมผสานกันของเครื่องมือทั้งสงครามตามแบบ และสงครามไม่ตามแบบ คือ

1. กำลังทหารหลัก ที่ใช้ป้องกันปราบปรามความไม่สงบ

2. หน่วยรบพิเศษ ใช้ต่อต้านการก่อการร้าย

ซึ่งหมายเลข 1 และ หมาย 2 คือ กำลังฝ่ายรัฐบาลเป็นกำลังหลักที่ใช้ในสงครามไฮบริด วอร์แฟร์

3. Irregular forces กองกำลังที่ไม่ใช่ทหาร เช่น กลุ่มก่อการร้าย การก่ออาชญากรรม มวลชนที่ต่อต้านอำนาจรัฐ กลุ่มยาเสพติด ชายชุดดำ เช่น กลุ่มที่เข้ามาวางระเบิดในกรุงเทพ 8 จุด แล้วไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่ ไม่ได้พูดเพื่อท้าทาย เชื่อว่าหลังจากพูดทางโซเชียลมี feedback มาแน่ แต่อย่าทำร้ายประเทศ พวกที่ไม่พอใจ อยากจะให้ทุกคนได้รู้ทันว่า ไฮบริด วอร์แฟร์ เกิดขึ้นแล้วในประเทศไทย

4. การสนับสนุนจากประชาชนในท้องถิ่น ไม่เฉพาะในประเทศไทย ทั่วโลก บางคนเป็นเศรษฐีอาจบริจาคเงินให้ไปทำกิจกรรม หนังสือพิมพ์ เว็บไซต์ หรือเป็นแหล่งข่าวให้กับฝ่ายตรงข้าม

5. เป็นเรื่องที่หนักขึ้น สงครามข่าวสารข้อมูลและโฆษณาชวนเชื่อ ในประเทศไทยหนัก น่าเป็นห่วง

พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า ตนพูดไปแล้วยังมีพวกคอมมิวนิสต์ที่ยังไม่ได้กลับตัวกลับใจ มีแนวความคิดที่จะล้มล้างระบอบสถาบันพระมหากษัตริย์คิดจะทำประเทศไทยให้กลับมารูปแบบเหมือนคอมมิวนิสต์ …รุ่นเหนือขึ้นไปประมาณ 70-72 ปี พวกนี้ไม่ออกตัวแต่เป็น Master mind เป็นนักวิชาการถ่ายทอดรุ่นสู่รุ่นแล้วผนึกกำลังร่วมกับพวกอาจารย์ นักวิชาการที่ไร้จรรยาบรรณ ท่านเป็นอาจารย์ นักวิชาการท่านไม่ผิดหรอกครับถ้าสอนตามบทเรียน ไม่พูดตอกย้ำความคิดให้กับเด็กนักเรียนในสิ่งที่ผิดๆ พูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เด็กก็ต้องเชื่อ แต่ท่านไม่ทำตามจรรยาบรรณของท่าน เป็นการผนวกกันของความคิดเรียกว่าประยุกต์ ระหว่างกลุ่มคอมมิวนิสต์เดิมกับกลุ่มครูอาจารย์ที่ไปเรียนที่ต่างประเทศกลับมา พวกซ้ายจัดไปเรียนในประเทศที่เคยล่าอาณานิคมยึดประเทศ เอาความคิดมาผสมผสานเพื่อสร้างการโฆษณาชวนเชื่อ และนำความคิดผ่านโซเชียล ออกข่าวลวง เฟคนิวส์ ยังสร้างสัญลักษณ์ เช่น เสื้อแดง เสื้อเหลือง เสื้อดำ เสื้อสีรุ้ง ชูสามนิ้ว เพื่อให้เกิดความจดจำว่าพวกเดียวกัน ไปเอาฝรั่งมาถ่ายรูปหน้าโรงพักให้เห็นว่ารุนแรงภาพต่างๆ นี้อยู่ในไฮบริด วอร์แฟร์ ก็ดูแล้วกันว่าเกิดขึ้นหรือไม่ในเมืองไทย

ผบ.ทบ. ระบุด้วยว่า อย่าเอาประเทศไทยไปเปรียบกับสิงคโปร์ ลองไปเปรียบเทียบกับประเทศใหญ่ ถามว่ามหาอำนาจไม่มีคนจนหรือ ไม่มีประเทศใดในโลกที่จะรวยทุกคน ถึงจะมีปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ชอบนำภาพคนจนออกมา หรือจัดกลุ่มคนจนสร้างภาพ ว่า ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล ปัญหามีไว้ในแก้ เชื่อว่าใครมาเป็นรัฐบาลต้องพยายามแก้ตามวิธีการต่างๆ โดยสุจริตใจ ไม่นำมาเป็นผลประโยชน์ส่วนตัว ทำให้คนรวยทุกคนเป็นเรื่องยาก แต่ทำให้คนจนเท่ากันหมดเรื่องง่าย นี่คือคอนเซ็ปพรรคคอมมิวนิสต์

ท่านคิดให้ดีแล้วกันว่าทุกครั้งที่เกิดภัยพิบัติ เกิดความไม่สงบ จะสาเหตุจากใครก็ตามส่วนใหญ่แล้วหนีหมดทิ้งลูกน้องติดคุก ทิ้งลูกน้องสู้คดีขึ้นศาล คนที่มาร่วมชุมนุมกลับไปจนเหมือนเดิมนี่คือเรื่องจริง เอ่ยชื่อนักการเมืองคนหนึ่งได้ คือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ถามท่านว่าตอนหนีไปต่างประเทศลำบากแค่ไหน ไม่ได้สบายเพราะไม่มีเงิน

“ท้ายที่สุดที่ผมพูดให้ฟังไม่มีคำจำเป็นเชื่อก็ได้ เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งก็ได้ ข้อความว่าปัญหาเรื่องความมั่นคงท่านจะให้ใครแก้ นักวิชาการ หรืออาจารย์บางคนที่คบคิดกับพวกคอมมิวนิสต์เดิม ร่วมกับนักเรียนนอกซ้ายจัดดัดจริต ที่ไปเรียนจากประเทศที่เคยล่าอาณานิคม อบรมอย่างไร้จรรยาบรรณ ชอบอ้างเลข 2475 เป็นตัวชี้นำ ชอบอ้างว่าตนเป็นนักประชาธิปไตยแต่มีวาทกรรมจาบจ้วง หรือท่านจะเลือกให้กลุ่มนักการเมืองบางคนที่มุ่งหาแต่ประโยชน์ส่วนตัว เพื่อพวกพ้อง ไม่นึกถึงประโยชน์ของชาติ และยังมีนักการเมืองบางคนในพื้นที่ภาคใต้ที่เคยเกาะแข้งเกาะขานายทหารใหญ่ที่เป็นเพื่อนพ่อผม ตั้งพรรคการเมืองมาเมื่อ 20 ปีก่อน บัดนี้เริ่มเป็นใหญ่เป็นโตอีกแล้วเอาเรื่องศาสนา เรื่องการแบ่งแยกดินแดนมาเป็นเครื่องมือในการหาเสียง หรือจะเชื่อกลุ่มนักการเมืองที่เหมือนผึ้งแตกรัง ลูกพี่ใหญ่หนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ หรือสุดท้ายท่านจะเชื่อนักธุรกิจเจ้าของโรงงาน ที่เกิดมาคาบช้อนเงินช้อนทอง ชีวิตไม่เคยลำบาก เหมือนพวกฮ่องเต้ซินโดรม เคยชุมนุมร่วมกับคนเผาบ้านเผาเมือง สมคบคิดกับชาวต่างชาติชักศึกเข้าบ้าน เจาะพฤติกรรมล้างสมองคนรุ่นใหม่ เพื่อเป็นฐานให้กับตนเข้าสู่การเมือง มีพฤติกรรมล้มล้างชาติสถาบัน

สามกลุ่มที่ผมพูดมานั้น ไม่ผิดหรอกครับ ถ้าท่านจะมาเป็นผู้นำประเทศท่านเป็นได้ แล้วไม่ใช่ประเทศไทยไม่เคยมี สามคนกลุ่มประเภทนี้มาเป็นผู้นำประเทศแต่ขอเถอะครับว่า ถ้าเขาเหล่านั้นไม่ส่อพฤติกรรมล้มล้างสถาบัน ไม่ส่อพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงการปกครอง ไม่ส่อพฤติกรรมหาประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าผลประโยชน์ของประเทศ เชิญเถอะครับ เชิญมาเป็น นำประเทศชาติของเราให้สู่ความเจริญ สุดท้ายเราอาจจะเห็นต่างกัน เราอาจจะรักใคร ชอบใคร ในสิ่งที่ไม่เหมือนกัน แต่สิ่งที่เราเห็นต่างกันนั้นจะต้องไม่นำไปสู่ความขัดแย้งของคนในชาติ จะต้องไม่นำไปสู่การแบ่งแยกดินแดน  ผมและเพื่อนทหาร ตำรวจจะยืนอยู่เคียงข้างประชาชน และก็ขอให้พี่น้องประชาชน นิสิต นักศึกษา จำไว้ว่าทหาร ตำรวจ ข้าราชการ ก็คือลูกหลานของพวกท่าน” พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวทิ้งท้าย

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า